‘4 กสทช.’ร้อง‘นายกฯเศรษฐา’สั่ง‘บอร์ดดิจิทัล’ชะลอ-ทบทวนบรรจุวาระถกงบสำนักงานฯ 5.2 พันล.

nbtc 10 10 23 pic

4 กรรมการ กสทช. ทำหนังสือ ‘ด่วนมาก’ ถึง นายกฯ ขอพิจารณาสั่ง ‘บอร์ดดิจิทัล’ ชะลอ-ทบทวนบรรจุวาระถกงบสำนักงานฯ ปี 67 กว่า 5.2 พันล้าน เหตุไม่มีการเสนอให้ ‘บอร์ด กสทช.’ พิจารณาก่อน ตามระเบียบ-มติบอร์ด

..................................

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) 4 ราย ได้แก่ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ,รศ.ดร.พิรงรอง รามสูต ,รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ รศ.ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ได้ทำหนังสือ ‘ด่วนมาก’ ที่ สทช.1002/35271 ส่งถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ดำเนินการทบทวนการบรรจุวาระเพื่อพิจารณางบประมาณรายจ่ายของสำนักงาน กสทช. ประจำปี 2567 กรอบวงเงิน 5,282.50 ล้านบาท

สำหรับหนังสือของกรรมการ กสทช. ทั้ง 4 รายที่มีเนื้อหา 3 หน้า ระบุเนื้อหาว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้นำเสนอร่างงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 ของสำนักงาน กสทช. ต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (คณะกรรมการดิจิทัลฯ) ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ร.บ.องค์กรฯ มาตรา 57 วรรคห้า นั้น

ในการนี้ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ,ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต , รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ (กรรมการทั้งสี่) ขอกราบเรียน ดังต่อไปนี้

1.การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน กสทช. นั้น พ.ร.บ.องค์กรฯ บัญญัติให้จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีในรูปของงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน กสทช. เนื่องจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นคณะบุคคล มิได้มีสถานะเป็นนิติบุคคลที่จะถือครองทรัพย์สินได้เอง จึงต้องจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีในรูปของงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน กสทช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของ กสทช. คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) และสำนักงาน กสทช.

2.สำหรับขั้นตอนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้นแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน คือ

ขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และขั้นตอนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ดังนี้

(1) ขั้นตอนการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ร.บ.องค์กรฯ มาตรา 57 (2) บัญญัติให้ กสทช. เป็นผู้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน กสทช.

(2) ขั้นตอนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ร.บ.องค์กรฯ มาตรา 57 (2) บัญญัติให้เป็นหน้าที่ของสำนักงาน กสทช. ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้นหมายความรวมถึงรายจ่ายใดๆ อันเกี่ยวกับการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ กสทช. กตป. และสำนักงาน กสทช. โดยการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีต้องคำนึงถึงความคุ้มค่า การประหยัดและประสิทธิภาพ

นอกจากนั้น มาตรา 57 วรรคสอง ยังได้กำหนดขั้นตอนก่อนที่ กสทช. จะพิจารณาอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพิ่มเติม คือ ต้องมีการเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีไปยังคณะกรรมการดิจิทัลฯ เพื่อให้ความเห็นก่อน

อย่างไรก็ตาม การที่มาตรา 57 บัญญัติไว้เช่นนั้น มิได้หมายความว่า สำนักงาน กสทช. จะสามารถจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้เอง โดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบขั้นตอนที่ถูกต้อง เนื่องจาก มาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรฯ ได้บัญญัติให้ กสทช. มีอำนาจออกระเบียบเกี่ยวกับการงบประมาณของสำนักงาน กสทช. ได้ ดังนั้น สำนักงาน กสทช. ก็จะต้องปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวด้วย

เมื่อพิจารณาระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยงบประมาณของสำนักงาน กสทช. พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว (ระเบียบว่าด้วยการงบประมาณ) แม้ระเบียบดังกล่าวมิได้กำหนดให้สำนักงาน กสทช. จะต้องเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ กสทช. พิจารณาให้ความเห็นก่อนที่จะเสนอไปยังคณะกรรมการดิจิทัลฯ เนื่องจากเป็นอำนาจในชั้นที่สุดของ กสทช. อยู่แล้วในการพิจารณาอนุมัติงบประมาณ

อย่างไรก็ตาม ข้อ 11 ของระเบียบดังกล่าวกำหนดให้สำนักงาน กสทช. ต้องจัดทำงบประมาณโดยคำนึงถึงความคุ้มค่าประหยัด และประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับนโยบายของ กสทช. รวมทั้งต้องจัดทำปฏิทินงบประมาณ โดยความเห็นชอบของ กสทช. เพื่อเป็นกรอบระยะเวลาการดำเนินการด้วย

นอกจากนั้น ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน กสทช. หากสำนักงาน กสทช. ไม่เสนอให้ กสทช. พิจารณาในเบื้องต้นก่อนที่จะเสนอไปยังคณะกรรมการดิจิทัลฯ ก็อาจทำให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้นไม่สอดคล้องกับนโยบายของ กสทช. และเมื่องบประมาณรายจ่ายประจำปีดังกล่าวผ่านการพิจารณาให้ความเห็นของคณะกรรมการดิจิทัลฯ และมีการเสนอต่อ กสทช. แล้ว

หากปรากฏว่า กสทช. เห็นว่างบประมาณไม่เป็นไปตามนโยบายของ กสทช. สำนักงาน กสทช. ก็จะต้องกลับไปจัดทำงบประมาณใหม่ และอาจมีประเด็นปัญหาต่อไปว่าต้องเสนอให้คณะกรรมการดิจิทัลฯ พิจารณาอีกหรือไม่ ซึ่งเป็นการก่อภาระอันไม่สมควร และอาจก่อให้เกิดความเสียหายจากการอนุมัติงบประมาณล่าช้า ทั้งที่มีแนวทางและแนวปฏิบัติในการดำเนินการเพื่อมิให้เกิดปัญหาดังกล่าวอยู่แล้ว ตามที่กำหนดไว้ในปฏิทินงบประมาณที่ กสทช. ได้ให้ความเห็นชอบซึ่งเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการงบประมาณ

3.สำหรับการดำเนินการจัดทำร่างงบประมาณประจำปี 2567 นั้น กสทช. ได้มีมติเห็นชอบปฏิทินงบประมาณประจำปี 2567 เรียบร้อยแล้ว ในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 8/2566 วันที่ 5 เม.ย.2566 ซึ่งในเอกสารปฏิทินงบประมาณได้กำหนดขั้นตอนและกิจกรรมในขั้นตอนที่ 11 ว่า "คณะอนุกรรมการพิจารณางบประมาณ นำเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายต่อ ประธาน กสทช. เพื่อนำเข้าที่ประชม กสทช. พิจารณาเห็นชอบนำส่งคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นตามขั้นตอนของระเบียบฯ ต่อไป”

ดังนั้น การที่สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง นำเสนอร่างงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 ต่อคณะกรรมการดิจิทัลฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็น โดยไม่ผ่านการพิจารณาของที่ประชุมกสทช. ทำให้กรรมการไม่ทราบรายละเอียดในการจัดทำร่างงบประมาณดังกล่าวว่าสอดคล้องกับนโยบายของ กสทช. หรือไม่ จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบ รวมทั้งไม่เป็นไปตามมติที่ประชุม กสทช. อีกด้วย

4.กรรมการทั้งสี่ขอกราบเรียนเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจาก กสทช. เป็นองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระจัดตั้งขึ้น และมีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โดยมิได้ขึ้นตรงหรืออยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธานกรรมการหรือกรรมการคนใดคนหนึ่ง โดยมีสำนักงาน กสทช. สนับสนุนการปฏิบัติ หน้าที่ดังกล่าว ดังนั้น ในการจัดทำงบประมาณประจำปีของสำนักงาน กสทช. จึงต้องสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของ กสทช. เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ การนำเสนอร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน กสทช. ให้ กสทช. พิจารณาทั้งก่อนและหลังจากที่คณะกรรมการดิจิทัลฯ พิจารณาให้ความเห็นนั้น ถือเป็นแนวปฏิบัติที่ กสทช. ใช้พิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน กสทช. มาโดยตลอด และเป็นแนวปฏิบัติที่มิได้ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติของกฎหมาย

อีกทั้งยังเป็นไปเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงาน กสทช. เป็นไปด้วยความรอบคอบ คุ้มค่า ประหยัด และมีประสิทธิภาพมากที่สุด และเป็นการใช้จ่ายงบประมาณโดยสอดคล้องกับนโยบายของ กสทช. ตลอดจนยังเป็นการสอบทานการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. ในการกำหนดงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นกรณีที่คณะกรรมการดิจิทัลฯ จะได้รับทราบและพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการกำหนดงบประมาณในส่วนของ กสทช. อีกด้วย

“ตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงดังที่ได้กราบเรียนเรียบร้อยแล้วข้างต้นนั้น เพื่อให้การพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน กสทช. เป็นไปด้วยความถูกต้องและรอบคอบอันเป็นการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน สาธารณะ และประเทศชาติ ได้อย่างแท้จริง จึงขอความอนุเคราะห์ได้โปรดพิจารณาชะลอและทบทวนการบรรจุวาระการประชุม เรื่อง ร่างงบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 ของสำนักงาน กสทช.

เพื่อให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนการจัดทำงบประมาณที่ กสทช. ได้มีมติแล้วในครั้งที่ 8/2566 เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2566 ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อนนำเสนอคณะกรรมการดิจิทัลฯ เพื่อกราบเรียนบรรจุวาระการประชุมต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาสั่งการ” หนังสือด่วนมาก ที่ สทช.1002/35271 ลงวันที่ 6 ต.ค.2566 ของกรรมการ กสทช. ทั้ง 4 ราย ที่ส่งไปยังนายกฯ ระบุ

สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2566 กรรมการ กสทช. ทั้ง 4 ราย ได้แก่ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ,ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต , รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ ร่วมกันทำหนังสือบันทึกข้อความ ถึง ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. เรื่อง ขอให้ทบทวนการเสนอ เรื่อง การบรรจุวาระต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ของสำนักงาน กสทช. กรอบวงเงิน 5,282.50 ล้านบาท ด้วย

nbtc 10 10 23 1