‘ปกรณ์วุฒิ ก้าวไกล’ เปิดหลักฐานกรณี ‘ศักดิ์สยาม’ ซุกหุ้น หจก.บุรีเขริญ พบหนี้ที่ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. 38 ล้านก่อนเข้ารับ รมว.คมนาคมเมื่อปี 62 แล้วต่อมาหนี้ก้อนนี้หายไปช่วงปี 63 ซ้ำอีกกรณีขายหุ้น หจก.ได้มา 120 ล้าน แต่แจ้ง ป.ป.ช. แค่ 76 ล้าน ก่อนเผยการออกมาแฉเลขาพรรคภูมิใจไทยไม่กระทบกับการหาเสียงโหวตนายกฯ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีคดีความที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมเคยยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อปี 2565 ขอให้ตรวจสอบว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อาจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. หรือไม่ ซึ่งในครั้งนั้น ร่างคำร้องได้พุ่งเป้าไปที่การคงอยู่ซึ่งความเป็นเจ้าของของนายศักดิ์สยามในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น
นายปกรณ์วุฒิ เริ่มต้นว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง และมีคำสั่งให้นายศักดิ์สยามหยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 ผู้ถูกร้องก็ได้ส่งเอกสารชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา ซึ่งตนและ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ในฐานะตัวแทนผู้ร้อง ได้รับเอกสารทั้งหมดนี้เช่นกันเมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว
@หนี้ค้าง 38 ล้าน ไม่ได้แจ้ง ป.ป.ช.
หลังจากตรวจสอบเอกสารทั้งหมด ทำให้พบว่ามีจุดพิรุธอยู่หลายแห่ง เป็นที่มาของการแถลงข่าวในวันนี้ และหลังจากจบแถลงข่าว ตนจะเดินทางไปที่สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อยื่นคำร้องเพิ่มเติมเนื่องจาก พบหลักฐานใหม่ว่าศักดิ์สยามยังมีหนี้สินคงค้างกับห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ในวันที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี และไม่ได้เปิดเผยในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตามเอกสารที่ หจก.บุรีเจริญฯ ชี้แจงและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญถึงกรณีหนี้สินที่นายศักดิ์สยามคงค้างกับ หจก. นั้น ในรายละเอียดระบุว่า นายศักดิ์สยามเคยกู้ยืมเงินจาก หจก. ตั้งแต่ปี 2558-2559 จำนวน 4 ครั้ง เป็นยอดรวมทั้งสิ้น 108,499,000 บาท โดยมีสัญญากู้ยืมเงิน ต่อมานายศักดิ์สยามได้ชำระหนี้เงินกู้คืนทั้งก้อน ในวันที่ 22 เมษายน 2562 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง สส. 33 วัน
ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของตนเมื่อปี 2565 หลังจากนายศักดิ์สยามชี้แจงในสภาฯ ตนได้ลุกขึ้นถามคำถามว่าหนี้สินที่นายศักดิ์สยามมีกับ หจก. แห่งนี้ได้โอนออกไปพร้อมกับการโอนหุ้นหรือไม่ ทว่าไม่เคยได้รับคำตอบ แต่ข้อมูลจากเอกสารของ หจก.บุรีเจริญฯ ได้ชี้ให้เห็นว่าหลังจากการโอนหุ้น หจก. แห่งนี้ออกไป ไม่ได้มีการโอนหนี้สินก้อนนี้ออกไปด้วย เอกสารฉบับนี้จึงเป็นการมัดตัวว่าหนี้สินก้อนนี้ยังเป็นของนายศักดิ์สยามอยู่ หลังจากการโอนหุ้นเมื่อปี 2561 อย่างแน่นอน
คำถามต่อไปคือ มีการชำระหนี้เงินกู้คืนเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 ก่อนที่จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน อย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ เพราะในเมื่องบการเงินของ หจก. สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ระบุชัดว่า ยังมีเงินให้หุ้นส่วนผู้จัดการกู้ยืมคงค้างอยู่ 38 ล้านบาท หลังจากนั้นยอดหนี้สินนี้จึงถูกปิดลงเหลือ 0 บาทในงบการเงินสิ้นปี 2563
นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า การตรวจสอบบัญชี การปิดงบการเงินนั้น จำเป็นต้องสอดคล้องกับเอกสาร ทางการเงินและยอดเงินในบัญชีทั้งหมดของ หจก. เพราะเป็นเอกสารที่จำเป็นต้องยื่นต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย จึงมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ดังนั้น เป็นไปได้อย่างมากว่า นายศักดิ์สยามยังคงเป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนแห่งนี้อยู่ 38 ล้านบาทในสิ้นปี 2562 และไม่ได้ยื่นในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.
@พิรุธ 39 ล้าน ไม่อยู่ในงบการเงิน
แต่หากมองในแง่ดีว่า วันที่ 22 เมษายน 2562 มีการโอนเงิน 108,499,000 บาทให้ หจก. ตามในเอกสารจริงๆ พิรุธประการต่อไป หากไปดูในเอกสารชี้แจงจะพบว่าทาง หจก. ได้ยอมรับเองว่านายศักดิ์สยาม มีการกู้ยืมเงินจากห้างทั้งสิ้น 4 ครั้ง ประเด็นก็คือตัวเลขเงินให้หุ้นส่วนผู้จัดการกู้ยืมตั้งแต่ปี 2559 2560 และ 2561 นั้นระบุตรงกันว่าเป็นยอด 69 ล้านบาท ซึ่งตรงกับการกู้ยืมครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 รวมกัน คำถามคือ การกู้เงินครั้งที่ 1 และ 2 ที่รวมเป็นยอดเงิน 39,499,000 บาท นั้น เหตุใดจึงไม่เคยปรากฏอยู่ในงบการเงินแม้แต่ครั้งเดียว ยอดเงินจำนวนนี้มาจากไหน
ข้อสันนิษฐานของตนคือ มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจไม่ได้มีการชำระหนี้ก้อนนี้ทั้งหมด และยังมียอดหนี้คงค้างตามในงบการเงิน จึงใช้วิธีหายอดเงินที่มีการโอนเข้า หจก. จริงๆ ซึ่งอาจเป็นธุรกรรมเพื่อการอื่น มากล่าวอ้างว่าเป็นการใช้หนี้ แต่เผอิญยอดเงินไม่ตรงกับ 69 ล้านบาทที่ปรากฏในงบการเงิน จึงต้องสร้างยอดหนี้ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในงบการเงินมาก่อน ทำสัญญาเงินกู้ขึ้นมา ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าสัญญาเงินกู้ที่ยอดเงินสูงขนาดนี้ มีการติดอากรแสตมป์ที่จะมีวันที่ประทับเพื่อให้มีผลทางกฎหมายอย่างเป็นทางการหรือไม่
“ผมขอเน้นย้ำว่านี่เป็นการสันนิษฐานถึงความเป็นไปได้จากข้อพิรุธที่พบตามเอกสาร ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะสืบสวนติดตามเอกสารต่างๆ และตรวจสอบเรื่องนี้ตามคำร้องต่อไป” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
@อัดขายหุ้นได้ 120 ล้าน แต่แจ้ง ป.ป.ช.แค่ 76 ล้านบ.
นายปกรณ์วุฒิกล่าวต่อไปว่า ประการต่อไปที่คิดว่าเป็นข้อสงสัยมากที่สุด เมื่อตนอ่านเอกสารชี้แจงของ หจก. ดังกล่าว ก็ลองนึกย้อนไปถึงเนื้อหาที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องนี้ และตอนที่นายศักดิ์สยามลุกขึ้นมาชี้แจงในสภาฯ เนื้อหาส่วนหนึ่งของการอภิปรายของตนคือการตั้งข้อสงสัยว่า ตัวเลขในการยื่นบัญชีทรัพย์สินนั้น ไม่สอดคล้องกับการขายหุ้นของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เพราะหากมีการขายหุ้น และนายศักดิ์สยามได้เงิน 120 ล้านบาทจริง เมื่อเดือนมกราคมปี 2561 เหตุใดในการยื่นทรัพย์สินใน 16 เดือนให้หลังกลับมีเงินสดเงินฝากเพียงแค่ 76 ล้านบาท หากเป็นตัวเลขจริงแปลว่านายศักดิ์สยามใช้เงินที่ไม่ใช่การซื้อทรัพย์สินอย่างน้อย 40 ล้านบาทภายใน 16 เดือน และถ้าใช้แค่ 40 ล้านก็ตั้งอยู่บนข้อสมมติที่ว่า ก่อนเดือนมกราคมปี 2561 นายศักดิ์สยามไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว
ในวันรุ่งขึ้น นายศักดิ์สยามก็ลุกขึ้นมาชี้แจงในสภาฯ ในข้อมูลนำเสนอเขียนว่า “ได้นำไปชำระหนี้สินส่วนตัวและหนี้สินทางธุรกิจ” แต่นายศักดิ์สยามอภิปรายเพียงแค่ว่า “ส่วนเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นนั้น ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผมที่จะนำไปใช้อะไร ซึ่งก็คิดว่าคงไม่ต้องมารายงานต่อท่านสมาชิก”
“สิ่งที่ผมสงสัย คือหากการจ่ายคืนหนี้สินเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 เกิดขึ้นจริง เหตุใดนายศักดิ์สยามจึงไม่นำข้อมูลหลักฐานนี้มาชี้แจงในสภาฯ ในวันนั้น หากลองคิดแบบวิญญูชนทั่วไป วันนั้นตนอภิปรายถึงสายสัมพันธ์ของนายศักดิ์สยามที่มีกับ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น หลังการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และนายศักดิ์สยามได้นำหลักฐานว่ามีการโอนหุ้นไปแล้วมาชี้แจงในสภาฯ หนี้สินก้อนนี้คือเชือกเส้นสุดท้ายที่ยึดโยงนายศักดิ์สยามเข้ากับห้างหุ้นส่วนแห่งนี้” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
นายปกรณ์วุฒิ ระบุอีกว่า หากมีการชำระหนี้ไปแล้วจริง จะเป็นหลักฐานสำคัญว่าได้ตัดขาดจากห้างหุ้นส่วนแห่งนี้โดยเด็ดขาดแล้ว รวมถึงยังทำให้จำนวนทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ที่ตนตั้งข้อสงสัยไว้ว่ามีพิรุธ จะถูกหักล้างทันที จะเป็นหมัดเด็ดที่ทำให้ตนถูกน็อกกลางสภาฯ ในวันนั้น แต่นายศักดิ์สยามกลับพูดเพียงว่า ‘เป็นเรื่องส่วนตัวที่จะนำไปใช้อะไร คิดว่าคงไม่ต้องมารายงานต่อท่านสมาชิก’
“ขอยกให้เป็นวิจารณญาณของทุกท่านในการตัดสินว่าความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่ ทั้งหมดที่นายศักดิ์สยามชี้แจงทั้งในสภาฯ และต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นการทำธุรกรรมที่พิสดารใน หจก. ดังกล่าวมากเกินไป จนยิ่งพยายามแก้ปมเท่าไรก็ยิ่งมัดตัวเองให้ดิ้นไม่หลุดไปเรื่อยๆ” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
นายปกรณ์วุฒิยังระบุเพิ่มเติมถึงข้อพิรุธที่พบในเอกสารชี้แจงที่นายศักดิ์สยามส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ เช่นประเด็นการคงอยู่ซึ่งความเป็นเจ้าของ หจก. บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ศักดิ์สยามได้ขอเอกสารจาก หจก. เป็นเอกสารใบรับวางบิลซึ่งมีเอกสารตั้งแต่ปี 2561-2564 เป็นความพยายามที่จะบอกว่านี่เป็นหลักฐานว่าหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ เข้ามาควบคุมกิจการเซ็นเอกสารตั้งแต่ต้นปี 2561 ตามที่ได้มีการโอนหุ้นออกไปแล้วจริงๆ
@พบรายการเดินบัญชีพิรุธ 27 บัญชี เตรียมแจ้งดีเอสไอ
และในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของตน ได้ให้ข้อมูลว่าเอกสารการขายหุ้นเปลี่ยนเจ้าของตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2561 แต่ยังคงใช้ที่ตั้งเดิมคือ 30/2 หมู่ 15 และแจ้งเปลี่ยนที่ตั้งกับทางการเป็น 30/17 หมู่ 15 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2562 แต่เอกสารใบรับวางบิลที่ออกเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือนก่อนที่ หจก. จดย้ายที่ตั้งต่อทางราชการ ที่อยู่ของ หจก. ในเอกสารกลับระบุเป็น 30/17 หมู่ 15 ไปแล้ว นอกจากนั้น เอกสารใบรับวางบิลเป็นเอกสารภายในของธุรกิจ ไม่ได้ยื่นต่อหน่วยงานราชการ จึงสามารถทำขึ้นย้อนหลัง จะพิมพ์ขึ้นมากี่ใบเมื่อไรก็ได้
ทั้งนี้ ในกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ ตัวแทนผู้ร้องคือตนและ พ.ต.อ. ทวี ได้ยื่นรายชื่อพยานบุคคลทั้งหมด 22 คนและรายชื่อพยานเอกสาร 19 รายการ ที่จะขอให้ศาลฯ เรียกเพื่อชี้ข้อพิรุธและหักล้างคำชี้แจงดังกล่าวของนายศักดิ์สยามผู้ถูกร้อง
นอกจากนี้ ทีมงานของ พ.ต.อ. ทวี ซึ่งเป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีพยานบุคคล ได้พบรายการเดินบัญชีของนายศักดิ์สยามรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 27 บัญชีที่มีความผิดปกติ โดยทีมงานคนนี้ได้ยื่นเอกสารในการชี้เบาะแสของผู้ที่น่าจะเชื่อว่าร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในเวลา 10.00 น. วันนี้
นายปกรณ์วุฒิ ทิ้งท้ายว่า ขอเรียกร้องไปยังองค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ ที่กำลังพิจารณาเรื่องนี้ ทั้งในแง่กระบวนการที่จำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. 2565 รวมถึงมาตรฐานในการทำงานที่กำลังถูกสังคมจับจ้องและตั้งคำถามว่า จะถูกหรือผิด เร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับผู้ถูกร้องอยู่ฝ่ายไหนหรือไม่
“ถึงเวลาแล้วที่องค์กรอิสระต้องเรียกศรัทธาจากสังคมคืนมาให้ได้ ด้วยการปฏิบัติกับทุกคำร้องอย่างเท่าเทียมเที่ยงธรรม ก่อนที่ประชาชนจะหมดศรัทธากับกลไกเหล่านี้อย่างที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้อีกเลย” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
@ไม่ห่วง ออกมาแฉทำรวมเสียงโหวต นายกฯ ยาก
จากนั้น ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า กังวลหรือไม่ว่าการแถลงข่าวเปิดหลักฐานใหม่ในวันนี้ จะกระทบต่อการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ เพราะเป็นคนดำเนินการเรื่องนี้ตั้งแต่แรก จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำ เรื่องการร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ตนไม่ได้อยู่ในคณะเจรจา และไม่ทราบว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นเมื่อไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พรรคเราเคยประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าต่อให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลก็จะทำงานตรวจสอบรัฐมนตรีทุกคน ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลเอง และเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตก็เป็นเรื่องที่ระบุใน MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
“ถ้าเราได้เป็นรัฐบาล พิธาได้เป็นนายกฯ ผมคิดว่าภาพที่พรรคก้าวไกลตรวจสอบพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง คงไม่ใช่ภาพที่ทุกคนแปลกใจ ดังนั้น เราเคยทำแบบไหน พูดแบบไหน เราก็ทำแบบนั้น การตรวจสอบการทุจริตนั้น ไม่มีเวลาที่ไม่เหมาะสมสำหรับการทำสิ่งที่ถูกต้อง” นายปกรณ์วุฒิกล่าว
หลักฐานบางส่วนที่นายปกรณ์วุฒินำมาเสนอกับผู้สื่อข่าว
อ่านประกอบ
- เอื้องบบุรีรัมย์-เอี่ยวผู้รับเหมา! พรรคร่วมฝ่ายค้าน ลุยยื่นคำร้องถอดถอน 'ศักดิ์สยาม'
- คลี่12ปมส่อขายหุ้นให้นอมินี! เปิดคำร้องส่ง'ศาล รธน.'วินิจฉัย'ศักดิ์สยาม'พ้น‘รมต.’หรือไม่
- ภูมิใจไทย อัดฝ่ายค้าน ถอดถอน ‘ศักดิ์สยาม’ ใช้สิทธิไม่สุจริต - เป็นเกมการเมือง
- ยื่น ป.ป.ช.ฟัน'ศักดิ์สยาม' 3 เรื่อง! 'ทวี'แนะปมเขากระโดง ส่งศาลฎีกาสอบจริยธรรมทันที
- หจก.บุรีเจริญฯ สินทรัพย์ 205 ล้าน ไฉน!‘ศักดิ์สยาม’ ขายให้เพื่อน 119 ล.
- ย้อนดูข้อมูลอิศรา คุ้ย 'หจก.บุรีเจริญฯ' ก่อน ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ 'ศักดิ์สยาม'
- คุ้ยทรัพย์สิน ส.ส.‘ศักดิ์สยาม’! ใช้ที่อยู่เดียว หจก.บุรีเจริญฯ 25 วันก่อนเปลี่ยน?
- เจาะ 4 โครงการทำถนน คค.-หจก.รับเหมาฯคดีเขากระโดงคว้างาน 122 ล.คู่เทียบเดิม?
- โชว์สัญญาจัดจ้าง! หจก.รับเหมาฯคดีเขากระโดง ใช้ที่อยู่‘ศักดิ์สยาม’คว้างานรัฐ 1.2 พันล.
- หจก.บุรีเจริญฯใช้บ้าน‘ศักดิ์สยาม’เป็นที่ตั้ง-แจ้งเปลี่ยนก่อนนั่ง รมว.คมนาคม 23 วัน
- โชว์สัญญาโอนหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ‘ศักดิ์สยาม-ศุภวัฒน์’ 119.4 ล.-ไม่ระบุจ่ายเงินหรือไม่?
- ปี 58‘ศักดิ์สยาม’คัมแบ็กหุ้นใหญ่ หจก.บุรีเจริญฯ เพิ่มทุน 119.5 ล.-โอนเกลี้ยงปี 61
- เจาะ หจก.บุรีเจริญฯ‘ศักดิ์สยาม-เพิ่มพูน’ ร่วมก่อตั้ง-ลงหุ้นปี 39 ก่อนไขก๊อกปี 40
- เปิดละเอียด! ข้อกล่าวหา’ศักดิ์สยาม-อนุพงษ์’ เอื้อพวกพ้อง-ไม่ถอนโฉนดรุก ‘เขากระโดง’
- ฝ่ายค้านยื่น ป.ป.ช.สอบอีก 2 รมต. ที่ดินเขากระโดง ‘ศักดิ์สยาม’-‘นิพนธ์’โดนนิคมฯจะนะ
- ออกไปนานแล้ว! 'ศักดิ์สยาม' แจงสัมพันธ์ หจก.บุรีเจริญฯ ปมที่ดิน ‘เขากระโดง’
- ‘ศุภวัฒน์-หจก.บุรีเจริญฯ’ 2 ตัวละครมหากาพย์ ‘เขากระโดง’ บริจาค ภท. ปี 62 รวม 7.5 ล.
- คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัด! ‘เขากระโดง’ที่ดินรถไฟ สะเทือน‘ช้างอารีน่า-บุรีรัมย์คาสเซิล’
- 23 ปียังไม่เพิกถอนโฉนด! เปิดบันทึกกฤษฎีกาชี้ชัด ‘เขากระโดง’ 5 พันไร่ ที่ดินรถไฟ
- พลิกแฟ้มป.ป.ช.! สั่งถอนโฉนดตระกูล ‘ชิดชอบ’ ทับที่ดินรถไฟ ‘เขากระโดง’
- ได้งาน คค.7 ปีหลังสุด 1.9 พันล.! หจก.บุรีเจริญฯของ‘ตัวละครสำคัญ’มหากาพย์‘เขากระโดง’
- เปิดตัว ‘ศุภวัฒน์’ คู่พิพาทที่รถไฟ ‘เขากระโดง’-บริจาค ภท.-‘ศักดิ์สยาม’ เคยเป็นกุนซือ
- ควันหลงซักฟอก! 'ประเสริฐ'ร้อง ป.ป.ช.10 มี.ค.เอาผิด'บิ๊กตู่-จุรินทร์'คดีถุงมือยาง
- มหากาพย์ที่ดิน ‘เขากระโดง’ โยง ‘ศักดิ์สยาม-ญาติ’ มีบ้านพักบน ‘ที่หลวง’