‘ครม.’ รับทราบความคืบหน้าการฟื้นฟูกิจการ ‘การบินไทย’ เผยผลประกอบการดีขึ้นต่อเนื่อง มีเงินสดคงเหลือ 3.2 หมื่นล้านบาท พร้อมขอ ‘คลัง’ ซื้อหุ้นเพิ่มทุน รักษาสัดส่วนการถือหุ้นภาครัฐไม่น้อยกว่า 40%
...................................
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยล่าสุดผลการดำเนินการของบริษัทฯมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และสามารถกลับไปทำการบินในเส้นทางเดิมได้ก่อนการเกิดโรคระบาดแล้ว
สำหรับในไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรจากการดำเนินงาน 3,920 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดทุน 5,310 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2564 และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(EBIDA) 6,181 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่ขาดทุน 3,100 ล้านบาท
ขณะที่ ณ เดือน ต.ค.2565 การบินไทยและสายการบินไทยสมายล์มีผู้โดยสารต่างประเทศเฉลี่ยต่อวัน 21,558 คน คิดเป็น 30% ของผู้โดยสารต่างประเทศที่ผ่านเข้า-ออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีส่วนแบ่งการขนส่งสินค้าคิดเป็น 28% ของปริมาณการขนส่งสินค้าเข้า-ออก ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนเดือน พ.ย.-ธ.ค.2565 มีอัตราการสำรองที่นั่งล่วงหน้าระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้ ณ วันที่ 15 พ.ย.2565 บริษัทฯ มีเงินสดคงเหลือ 32,031 ล้านบาท
ทั้งนี้ ด้วยสถานะการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้สินเชื่อใหม่ของบริษัทฯ ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการได้ปรับลดจาก 50,000 ล้านบาท เหลือ 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นความต้องการสินเชื่อระยะยาว 12,500 ล้านบาท และสินเชื่อหมุนเวียนระยะสั้น 12,500 ล้านบาท
บริษัทฯ ยังได้ปรับปรุงประสิทธิภาพฝูงบินและปรับลดต้นทุนอากาศยานอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 มีอากาศยานที่อยู่ในการปฏิบัติการบินรวม 61 ลำ ซึ่งด้วยการเติบโตของปริมาณความต้องการเดินทาง จึงมีการนำอากาศยานที่อยู่ในฝูงบินกลับมาให้บริการใหม่รวม 5 ลำ ได้แก่ โบอิ้ง 777-200ER จำนวน 2 ลำ และแอร์บัส 330-300 จำนวน 3 ลำ
นอกจากนี้ บริษัท ยังได้ลงนามในสัญญาเช่าอากาศยานแบบแอร์บัส 350-900 แล้วจำนวน 2 ลำ และได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงในการเช่าอากาศยานแบบแอร์บัส 350-900 อีก 2 ลำ โดยอยู่ระหว่างการขออนุญาตเข้าประจำการในฝูงบินต่อสำนักงานการบินพลเรือนและกระทรวงคมนาคม ซึ่งคาดว่าอากาศยานทั้ง 4 ลำ จะเริ่มเข้าให้บริการได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2/2566 ซึ่งจะทำให้ในปี 2566 บริษัทฯ จะมีอากาศยานที่นำมาบริการรวม 70 ลำ
น.ส.ไตรศุลี ยังระบุว่า บริษัทฯ มีแผนงานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทุน โดยการบินไทยจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 31,500 ล้านหุ้น เพื่อให้ส่วนทุนเป็นบวก เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงิน และทำให้หุ้นของบริษัทฯ สามารถกลับเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ โดยแบ่งเป็นการออกหุ้นเสนอขายแก่กลุ่มต่างๆ 5 กลุ่ม ได้แก่
1.หุ้นจำนวน 4,911 หุ้น สำหรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Share Option) ของผู้สนับสนุนสินเชื่อใหม่ เฉพาะผู้ให้สินเชื่อระยะยาว ในจำนวนเดียวกับจำนวนหนี้ที่เบิกใช้จริง หรือการเลือกชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยแปลงหนี้เงินต้นเดิมตามแผนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
2.หุ้นจำนวน 5,040 ล้านหุ้น สำหรับการแปลงหนี้เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อชำระหนี้เงินต้นคงค้างของเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4 (กระทรวงการคลัง) ในสัดส่วน 100% ของภาระหนี้เงินต้นคงค้าง (ประมาณ 12,827 ล้านบาท) ที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
3.หุ้นจำนวน 9,822 ล้านหุ้น สำหรับการแปลงหนี้เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อชำระหนี้เงินต้นคงค้างแก่เจ้าหนี้กลุ่มที่5 (เจ้าหนี้สถาบันการเงินที่มีสิทธิตามสัญญาโอนสิทธิในการได้รับเงินจากการขายเครื่องบิน) เจ้าหนี้กลุ่มที่ 6 (เจ้าหนี้สถาบันการเงินไม่มีประกัน) และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 18-31 (เจ้าหนี้ผู้ถือหุ้นกู้) ในสัดส่วน 24.50% ของภาระหนี้เงินต้นคงค้าง
4.หุ้นจำนวน 1,904 ล้านหุ้น สำหรับการใช้สิทธิแปลงหนี้ดอกเบี้ยใหม่ตั้งพักเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของเจ้าหนี้กลุ่มที่ 4-6 และเจ้าหนี้กลุ่มที่ 18-31 ที่ราคา 2.5452 บาทต่อหุ้น
5.หุ้นจำนวน 9,822 ล้านหุ้น สำหรับการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นเดิม โดยไม่จัดสรรและเสนอขายให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Preferential Public Offering) ที่ราคาไม่ต่ำกว่า 2.5452 บาทต่อหุ้น โดยในกรณีที่ผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิไม่เต็มจำนวน จะนำหุ้นไปเสนอขายแก่พนักงานบริษัท การบินไทยฯ และเสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด(Private Placement) ตามลำดับ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ภายใต้การดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ บริษัท การบินไทยได้ขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ให้พิจารณาใช้สิทธิการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนที่บริษัทฯ จะออกเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อให้บริษัทฯมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการกลับมาซื้อขายหุ้นในตลาดได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ผลจากการใช้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวจะส่งผลให้กระทรวงการคลังมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 32.7% และหากรวมการถือหุ้นของธนาคารของรัฐอื่นๆ อีก 10.4% จะทำให้เป็นไปตามแผนการฟื้นฟูกิจการที่ต้องการให้ให้รัฐถือหุ้นในการบินไทยไม่น้อยกว่า 40%
อ่านประกอบ :
ที่ประชุม 'เจ้าหนี้' โหวต 'ยอมรับ' แก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการฯ ‘การบินไทย’
ผู้บริหารแผนฟื้นฟูฯ ‘การบินไทย’ รุดแจง ‘นายทะเบียน’ กรณีให้ ‘สหกรณ์’ แปลงหนี้เป็นทุน
เปิดแผน ‘การบินไทย’ ปรับโครงสร้างทุน 8 หมื่นล้าน ‘คลัง’ ลดถือหุ้นเหลือ 32.7%
ครม.รับทราบแก้ปัญหา'การบินไทย'คาดออกจากแผนฟื้นฟูเร็วกว่ากำหนดในสิ้นปี 2567
‘สหกรณ์ฯ’แปลงหนี้เป็นทุนได้ หากแผนฟื้นฟูฯ'การบินไทย'ได้รับความเห็นชอบจาก'ศาลล้มละลาย'
ซื้อได้เฉพาะ'หุ้นเพิ่มทุน'! 'คพช.'ตั้งกติกา 87 สหกรณ์เจ้าหนี้ ลงทุนใหม่ใน'การบินไทย'
‘การบินไทย’ตั้งเป้าออกจาก‘แผนฟื้นฟูกิจการฯ’ ปี 67-เดินหน้าปรับโครงสร้างทุน 8 หมื่นล.
ลดวงเงินกู้ใหม่-เร่งแปลงหนี้เป็นทุน! 'การบินไทย'ยื่นศาลฯ ขอแก้ไข'แผนฟื้นฟูฯ' ก.ค.นี้
เปิด 7 ประเด็นเรียกร้อง! 'การบินไทย' ขอรัฐอุ้ม คงสิทธิเส้นทางบิน-หนุนธุรกิจ MRO