'วิษณุ'แง้ม ส.ค.มีความคืบหน้าคดี'บอส อยู่วิทยา'ทั้งลุ้นเป็นคดีพิเศษ-ปิดสำนวนสอบทนายความ

11082565 news 09

'วิษณุ' ตอบกระทู้ 'ธีรัจชัย' ส.ส.ก้าวไกล แจงคดี 'บอส อยู่วิทยา' แง้ม ส.ค.มีความคืบหน้า ลุ้นเป็นคดีพิเศษ - สภาทนายความปิดสำนวนตรวจสอบ ส่วน ป.ป.ช.ไต่สวนผู้ถูกกล่าวหา 15 คนหลังกันไว้เป็นพยาน 2 คน ตัดออก 2 คน ขณะที่ตำรวจยุติสอบเจ้าหน้าที่บางรายเหตุไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนที่เหลือยังดำเนินการอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2565 นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีขอให้เร่งรัดติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ชี้แจง

นายธีรัจชัย กล่าวว่า คดีนี้ได้รับความสนใจจากประชาชน มีการตั้งคณะทำงานที่มี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานไปศึกษาคดีดังกล่าว จนสรุปว่ามีการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ดำรงตำแหน่ทางการเมือง ทนายความ พยาน และบุคคลทั่วไปในการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ช่องโหว่ของกฎหมาย ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อิทธิพลบังคับและสร้างพยานหลักฐานเท็จ ช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดพ้นจากการดำเนินคดีตามกฎหมาย และมีข้อเสนอให้ดำเนินคดีอาญาและลงโทษทางวินัยคน 8 กลุ่ม และเมื่อเดือน พ.ย.2564 ได้เคยตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้รับชี้แจงอะไรที่เป็นมรรคผลในการติดตามตัวผู้กระทำความผิด สร้างความไม่สบายใจและไม่พอใจของประชาชนเป็นอย่างมาก เป็นปัญหาของความเหลื่อมล้ำทางสังคมและกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งคดีที่เกี่ยวกับโคเคนได้หมดอายุความโดยกฎหมาย จึงต้องการทราบว่ารัฐบาลได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง

นายวิษณุ ตอบว่า กระทู้นี้ได้ตั้งคำถามไว้เมื่อ 5 เดือนก่อน แต่ด้วยเหตุบางอย่างจึงได้มาตอบกันในวันนี้ หลังจากตั้งกระทู้ถามเมื่อ 5 เดือนก่อนหรือวันที่ 1 มี.ค.2565 ก็มีเหตุการณ์บางอย่างพัฒนาคืบหน้ามาต่อเนื่อง หลังจากคณะทำงานชุดนายวิชาดำเนินการเรื่องนี้แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2563 จึงได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นเจ้าภาพรับไปดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 5 หน่วยงาน และมีความคืบหน้า ดังนี้

1.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบ 19 รายชื่อตามบันทึกการตรวจสอบของนายวิชา ซึ่ง กรรมการ ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยาน 2 คน และเห็นว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องในขณะนี้ 2 คน จึงได้ตัดออกไปก่อน เหลืออีก 15 คน ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไว้ไต่สวน โดยไม่มอบให้คณะอนุกรรมการชุดใดดำเนินการ แต่ใช้อำนาจกรรมการ ป.ป.ช.เต็มคณะเป็นกรรมการไต่สวน ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวน อาจจะมีความคืบหน้าบางอย่าง แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลไม่สามารถล่วงรู้หรือสอบถามได้

2.สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และมีคำสั่งลงโทษทางวินัยรองอัยการสูงสุดเกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยให้ออกจากราชการ ส่วนอีกคนอยู่ระหว่างการตั้งกรรมการตรวจสอบวินัยอย่างร้ายแรง ขณะนี้ยังไม่ปรากฎผลการตรวจสอบ และยังไม่มีการสั่งลงโทษ

3.กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรื่องนี้เคยส่งรายชื่อให้พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ในชั้นต้นคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องได้เสนอว่ายังไม่มีเหตุรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ เพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอื่น แต่คณะกรรมการคดีพิเศษเห็นว่าที่จริงน่าจะมีเหตุควรรับเป็นคดีพิเศษได้ จึงได้ชี้บางประเด็นให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองไปตรวจสอบเพิ่มเติมและให้รายงานกลับมาในคราวประชุมครั้งถัดไป ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันจากนี้ และจะเข้าสู่การพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่

4.สภาทนายความ ได้ตั้งคณะกรรมการมรรยาททนายความเพื่อดำเนินการตรวจสอบ แต่ผู้ถูกตรวจสอบไม่ได้ให้ความร่วมมือ ได้เบี่ยงบ่ายอ้างว่าเป็นสถานการณ์โควิด ติดภารกิจ ผัดผ่อนหลายครั้ง และได้ขอยื่นเอกสารบางอย่างที่จะต้องเรียกมาจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) และได้สั่งไปว่าในที่สุดจะได้ปิดสำนวนตรวจสอบภายในเดือนสิงหาคมนี้ ถ้าทนายความที่ถูกกล่าวหาไม่มาให้ถ้อยคำใดๆ ก็จะชี้ขาดไปฝ่ายเดียว

5.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีชื่อปรากฎในสำนวนการตรวจสอบเป็นนายตำรวจตั้งแต่ พ.ต.อ.ลงมาอยู่หลายราย และเป็น พ.ต.อ. ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ตั้งประเด็น 3 เรื่อง คือ สอบทางวินัย สอบทางอาญา และแก้กฎระเบียบตามคำแนะนำของคณะทำงานชุดนายวิชา คณะกรรมการฝ่ายตำรวจที่มีจเรตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน ได้มีมติยุติการตรวจสอบนายตำรวจบางรายด้วยเหตุผลบางอย่างที่ชัดเจนในสำนวนว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เป็นการดำเนินการไปตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ได้รายงานมา ขณะเดียวกันมี พ.ต.อ.บางรายที่ยังต้องตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆเพิ่มเติม จึงยังไม่สามารถจะยุติได้ในขณะนี้ ส่วนนายตำรวจยศ พ.ต.อ.มีบางข้อหาที่กรรมการตรวจสอบเห็นว่า ไม่น่าจะเป็นความผิดให้ยุติไปในบางข้อหา แต่บางข้อหาน่าจะมีมูลตรวจสอบให้ได้ความชัดเจนและจะได้พิจารณาว่าจะลงโทษทางวินัยหรือไม่ประการใดต่อไป

“หลายเรื่องยังไม่จบในเวลานี้ แต่บางเรื่องอาจมีคำตอบภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพราะหลายหน่วยงานได้ตอบกลับมาที่ ป.ป.ท.แล้วเข้าใจว่าจะเร่งรัดและปิดสำนวนได้ภายในไม่กี่วัน ซึ่งก็คือเดือนสิงหาคม” นายวิษณุ กล่าว

11082565 news 10

นายธีรัจชัย ถามอีกว่า การตอบคำถามของนายวิษณุ ตอบแบบกว้างๆ ย่อๆ โดยไม่ระบุ โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เป็นน้องชายรองนายกรัฐมนตรีร่วมเป็นคณะกรรมการ ยังไม่มีใครทำอะไรเลย จึงอยากให้ตอบให้ชัด รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐฒนตรี ที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายตำรวจ ก็ยังไม่ได้ตอบว่าดำเนินการอย่างไร รวมถึงกรณีพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ยังไม่ได้ตอบว่าเหตุใดจึงไม่มีการตั้งประเด็นดำเนินคดี ประชาชนยังแคลงใจอยู่ ทั้งนี้นับตั้งแต่ เม.ย.2560 นายวรยุทธหนีออกไปต่างประเทศ รัฐบาลมีความตั้งใจการติดตามตัวมาดำเนินคดีหรือไม่

นายวิษณุ ตอบว่า ในส่วนที่คณะกรรมาธิการของสภาได้มีการตรวจสอบ เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่เมื่อได้ส่งผลการตรวจสอบมาให้รัฐบาล รัฐบาลก็ได้ส่งเรื่องนี้ไปให้หน่วยงานที่มีอำนาจและกำลังตรวจสอบคู่ขนานกันไป เช่น ป.ป.ช. , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผลการพิจารณาจะเป็นประการใด ในส่วนที่ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา ก็ยังไม่สามารถหยั่งทราบได้ ส่วนอื่นๆก็ปรากฎผลดังที่แจ้งไปก่อนหน้านี้ ส่วนที่มีกล่าวว่าจะมีการพาดพิงไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตรนั้น ขณะนี้ไม่ปรากฏว่ามีการพาดพิงไปถึงประการใด แม้กระทั่งการสั่งย้ายตำรวจ ก็ทราบว่าเป็นการย้ายตามปกติ และครั้งสุดท้ายคือ 2 ปีที่แล้ว ย้ายไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นจากเดิมเป็นผู้บังคับการฝ่ายต่างประเทศขึ้นไปเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จนมาถึงวงรอบที่จะต้องย้ายไปสู่ตำแหน่งใหม่อีกครั้งตามปกติ

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ส่วนการติดตามตัว กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้วิธีเดียวกันกับการติดตามบุคคลอื่นที่หลบหนีไปต่างประเทศ อาจจะเข้มหรือเบาตามพยานหลักฐานและความร่วมมือที่ต่างประเทศหยิบยื่นให้ เรื่องนี้ดำเนินการ 2 ช่องทาง คือ 1.ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตและกงสุลต่างประเทศที่อยู่ในไทย 76 แห่ง และรายงานมาเป็นระยะว่ายังไม่ปรากฎหลักฐานการเข้าออกประเทศของเขาแต่ประการใด ทั้งนี้หนังสือเดินทางของนายวรยุทธได้หมดอายุลงแล้ว ไม่มีการติดต่อขอออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่ ฉะนั้นเชงเก้นวีซ่าจะไปใช้คู่กับหนังสือเดินทางประเทศใดอย่างใดยังไม่มีข้อมูลและไม่สามารถตรวจสอบทราบได้ในขณะนี้ 2.ติดต่อตำรวจสากล ดำเนินการตรวจสอบในทางลับ มีการรายงานมาเป็นระยะว่ายังไม่พบความคืบหน้าประการใด

“อนึ่งผมได้ทราบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มาชี้แจงก่อนที่ผมมาตอบกระทู้ว่า ตำรวจได้ใช้วิธีการติดตามในทางลับอื่น ซึ่งคงไม่สามารถเปิดเผยโดยทั่วไปได้ ยกตัวอย่างให้พอเค้า ก็อย่างเช่นว่า เนื่องจากผู้ต้องหาคดีนี้มีบิดามารดาหรือญาติในประเทศไทย ทุกครั้งที่มีการเดินทางไปยังประเทศใดก็มีการตรวจสอบเป็นระยะว่าเผื่อเป็นช่องทางในการติดต่อในต่างประเทศ ซึ่งยังไม่พบความคืบหน้าในส่วนนี้ แต่ก็ยังดำเนินการอยู่” นายวิษณุ กล่าว

นายธีรัจชัย ถามอีกว่า การตอบแบบกว้างๆ ที่ไม่ลงรายละเอียดว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร กระบวนการหาคนผิดยังเป็นที่สงสัยจากประชาชนทั่วไปแบบเดิมว่า อาจจะไม่มีการลงโทษอย่างที่ควรจะเป็น ก็มีความเสียใจมากที่กระบวนการยุติธรรมคดีนี้ได้ทำลายความน่าเชื่อถือ สร้างความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง และอยากให้ดำเนินการทั้งคดีวินัย คดีอาญา ทุกตัวบุคคล โดยใช้อำนาจบริหารอย่างเข้มแข็ง ไม่ใช่ส่งไปแล้วแค่สอบถาม ส่วนกระบวนการติดตามตัวผู้กระทำความผิดต้องตั้งหน่วยงานพิเศษไปติดตาม เชื่อว่าเดือนเดียวก็ติดตามได้แล้ว

นายวิษณุ ตอบด้วยว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้คือนายวรยุทธ ขณะนี้มีคดีติดตัวอยู่ 2 คดี คือ 1.คดีเกี่ยวกับยาเสพติด แต่โดยผลของการแก้กฎหมายยาเสพติดทำให้ลดโทษจำคุกจากเดิมเหลือไม่เกิน 1 ปี พลอยทำให้อายุความลดตามลงไปด้วย เป็นเหตุทำให้อายุความคดียาเสพติดสิ้นสุดลง 2.อีกข้อหาที่ยังติดตัวคือข้อหาขับรถโดยประมาท เฉี่ยวชนให้มีคนตาย มีอายุความยาวนับจากวันนี้เหลืออายุความอีก 5 ปี ความผิดฐานนี้ เป็นความผิดฐานเดียวที่มีอยู่ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องยืนยันมายังนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้กระบวนการที่มีอยู่ ความร่วมมือระหว่างประเทศ และช่องทางต่างๆ ติดตามตัวบุคคลผู้นี้มาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนกรณีผู้ถูกกล่าวหาอื่นๆ ที่มีตัวอยู่ในประเทศไทย เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ ป.ป.ช.ดังที่แจ้งให้ทราบทั้งหมด 15 คน ทั้งตำรวจ พลเรือน ทหาร คนเหล่านี้ อยู่ในสำนวนทั้งนั้น ป.ป.ช.จะพิจารณาออกมาเป็นประการใด ก็อยู่ที่ท่าน รัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบ แต่จะทำอย่างอื่นนอกจากที่เป็นอำนาจหน้าที่โดยตรง คงมีข้อจำกัดอยู่เหมือนกัน

อ่านประกอบ :

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage