ราคา‘หมู-ไข่-ผัก-พลังงาน’ลด!‘พาณิชย์’เผย‘เงินเฟ้อทั่วไป’ต.ค.ลบ 0.76% หดต่อเนื่อง 7 เดือน

cpi 05 11 25 pic

‘พาณิชย์’ เผย ‘อัตราเงินเฟ้อทั่วไป’ ต.ค. ติดลบ 0.76% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 จากปัจจัย ราคา ‘ค่าไฟฟ้า-น้ำมัน-ไข่-หมู-ผักสด’ ลดลง ขณะที่ 10 เดือนปีนี้ ‘เงินเฟ้อ’ ติดลบ 0.09% คาดทั้งปี 68 ส่อ ‘ติดลบ’

เมื่อวันที่ 5 พ.ย. นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือน ต.ค.2568 ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ในเดือน ต.ค.2568 เท่ากับ 100.00 ลดลง 0.76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยมีปัจจัยสำคัญ 3 ประการ คือ 1.มาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ส่งผลให้ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง ลดลง

2.มีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง โดยเฉพาะสินค้าอาหารสด ได้แก่ เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด จากปริมาณที่เพิ่มขึ้น และ 3.ราคาของใช้ส่วนบุคคลมีราคาลดลง จากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ ซึ่งในส่วนนี้ไม่ได้ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อมากนัก

นายนันทพงษ์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาเป็นรายหมวดสินค้าในเดือน ต.ค.2568 พบว่า หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เช่น ข้าวสารเหนียว เนื้อสุกร และไข่ไก่ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เช่น ข้าวสารเจ้า ปลาทู น้ำมันพืช และกาแฟผงสำเร็จรูป เป็นต้น

สำหรับหมวดอื่นๆที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 1.10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง เช่น ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น เช่น ค่าเช่าบ้าน และทัศนาจรต่างประเทศ เป็นต้น

นายนันทพงษ์ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการในเดือน ต.ค.2568 กับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ต.ค.2567) พบว่า สินค้าที่ราคาเพิ่มขึ้นมีจำนวน 225 รายการ จากสินค้าทั้งหมด 464 รายการ เช่น ข้าวสารเจ้า ขนมอบ ปลาทู น้ำมันพืช กะทิสำเร็จรูป กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ (ร้อน/เย็น) ค่าเช่าบ้าน ค่าบริการขนขยะ ค่าแต่งผมชาย และค่าทัศนาต่างประเทศ เป็นต้น

ส่วนสินค้าที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลงมี 50 รายการ เช่น ค่าน้ำประปา ค่าโดยสารรถแท็กซี่ ค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน ค่าโดยสารรถไฟ ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี ค่าใบอนุญาตขับขี่ ค่าภาษีรถจักรยานยนต์ และหนังสือพิมพ์ เป็นต้น สำหรับสินค้าที่ราคาปรับตัวลดลงมีจำนวน 189 รายการ เช่น ข้าวสารเหนียว เนื้อสุกร ไข่ไก่ ต้นหอม ผักกาดขาว พริกสด มะนาว ผักชี ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย รถยนต์ และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 10 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.2568) อยู่ที่ 100.28 ลดลง 0.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ต.ค.2568 เท่ากับ 101.50 ขยายตัว 0.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 10 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ต.ค.2568) ขยายตัว 0.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

cpi 05 11 25 1

นายนันทพงษ์ ระบุว่า แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ย.2568 คาดว่าจะยังลดลง โดยปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อลดลง ได้แก่ 1.ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากลุ่ม OPEC+ ปรับเพิ่มกำลังผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านโครงการ Quick Big Win ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนฯ ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 30.94 บาท/ลิตร

2.ภาครัฐดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2568 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์/หน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย

3.ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนค่อนข้างมาก จากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดจำนวนมาก รวมทั้งฐานของราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับสูง และ4.ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดราคาห้องพัก เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการหักลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศสูงสุด 20,000 บาท

ส่วนปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ได้แก่ 1.การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวมีแนวโน้มทำให้ค่าโดยสารเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น และ2.ราคาสินค้าเกษตรและเครื่องประกอบอาหารบางชนิดมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปีก่อน เช่น กะทิสำเร็จรูป แกแฟสำเร็จรูป เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น

เมื่อถามว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ลดลงต่อเนื่อง 7 เดือน มีสัญญาณการชะลอตัวของดีมานด์หรือไม่ นายนันทพงษ์ กล่าวว่า การดูเรื่องดีมานด์นั้น ต้องดูที่ Core CPI แม้ว่าในเดือน ต.ค.2568 ตัว Core CPI จะลดลง แต่ก็ยังเป็นบวกอยู่ ดังนั้น เรื่องดีมานด์ไซด์ยังไม่ใช่ปัญหา ขณะเดียวกัน มาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ จะทำให้ดีมานด์ไซด์เพิ่มขึ้น และในอดีตอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคยติดลบติดต่อกันมากสุด 12 เดือน หรือในช่วง มี.ค.2563-มี.ค.2564 ซึ่งเป็นช่วงโควิด

“ถามว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะลดต่อเนื่องหรือไม่ อันนี้ต้องดูปัจจัยที่เป็นแรงสนับสนุนต่อเงินเฟ้อ คือ เรื่องพลังงาน ถ้าราคาพลังงานในต่างประเทศยังลดลงอยู่ บวกกับค่าเงินบาทที่ยังแข็งอยู่ มีความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญ คือ มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ซึ่งมาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ จะทำให้เงินเฟ้อลดลง

อย่างไรก็ดี การที่ลดครองชีพดังกล่าว จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นและไปกระตุ้นรายจ่าย ก็มีส่วนทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเล็กน้อย บวกกับมาตรการช่วยลดภาระหนี้ครัวเรือนของกระทรวงการคลัง อันนี้จะมีส่วนสำคัญ เพราะเมื่อหนี้ครัวเรือนลดลง ความมั่นใจของผู้บริโภคจะมากขึ้น เมื่อมั่นใจมากขึ้น ก็อาจสนับสนุนให้เงินเฟ้อสูงขึ้น” นายนันทพงษ์ ระบุ

นายนันทพงษ์ ยังกล่าวว่า แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2568 จะอยู่ที่ 0% แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 2568 อาจจะติดลบได้

“มีโอกาสที่เงินเฟ้อในปีนี้จะติดลบได้ โดยมีปัจจัยหลักๆ จากมาตรการของภาครัฐ ทั้งเรื่องการลดค่าน้ำมัน และค่า Ft รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลง ก็มีส่วนที่อาจจะทำให้เงินเฟ้อปีนี้ติดลบ แต่ตอนนี้กระทรวงฯยังประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0% และเราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน พ.ย.ยังอาจจะยังติดลบอยู่ แต่เราไม่ได้ฟันธง เพราะกำลังรอดูผลของมาตรการภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส ว่า จะกระตุกให้ขึ้นมาได้บ้างหรือไม่” นายนันทพงษ์ กล่าว

นายนันทพงษ์ ระบุด้วยว่า ในส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (CCI) ในเดือน ต.ค.2568 อยู่ที่ 50.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน (ก.ย.2568) ที่อยู่ที่ 49.4 โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น การได้รัฐบาลที่ชัดเจน และการดำเนินมาตรการของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งการที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาเกิน 50 ซึ่งหมายความว่าความมั่นใจกลับมาแล้ว แต่ตัวเลขที่ 50 นั้น ถือว่าไม่สูง คือ ผู้บริโภคยังมั่นใจไม่เต็มที่ และสะท้อนว่าผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

cci 05 11 25 21