เหลื่อมล้ำจนสังคมเชื่อว่าซื้อได้!'วิชา'ถอดข้อเท็จจริงคดี'บอส'พบปัญหายุติธรรม 6 ประเด็น

01102563boss1

'วิชา' เข้าพบนายกฯ ส่งรายงานปฏิรูปกฎหมาย-ปิดฉากบทบาทคณะกรรมการสางคดี 'บอส' พบปัญหา 6 ประเด็น อาทิ งานสอบสวนตำรวจขาดความอิสระ เกิดความเหลื่อมล้ำทำสังคมเชื่อว่าความยุติธรรมซื้อได้และคุกมีไว้ขังคนจน และเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ทุจริตและประพฤติมิชอบ

---------------------------------------------------------

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2563 นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อนำเสนอข้อสรุปผลการพิจารณาและแนวทางการปฏิรูปกฎหมายและปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

นายวิชา เปิดเผยว่า การทำหน้าที่วันนี้ถือว่าได้ยุติบทบาทคณะกรรมการและส่งงานให้นายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้นายกรัฐมนตรีได้ขอติดตามดูความคืบหน้าทั้งเรื่องปฏิรูปที่จะเข้าสู่การพิจารณาในสภา ว่าจะทำให้เกิดการปฏิรูปองค์กรตำรวจครั้งแรกของประเทศหรือไม่ รวมถึงต้องติดตามความคืบหน้ากรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 ด้วย

เมื่อถามว่าได้ปรารภกับนายกรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลจากท่านเยอะแล้ว ก่อนหน้านี้คนนึกว่านิ่งๆ อยู่ แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะแต่ละองค์กรเริ่มเดินหน้าตในส่วนของตนเองไปแล้ว เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็รับบางเรื่องเป็นคดีพิเศษแล้ว , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับเรื่องเข้าสำนวนเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น และจะนำไปสู่การไต่สวนต่อไป สวนการตรวจสอบด้านการเงินก็ได้ดำเนินการแล้วและอยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.

เมื่อถามว่าความคืบหน้าทั้งหมดถือเป็นที่น่าพอใจใช่หรือไม่ นายวิชา ตอบว่า “ดีแล้ว ก็ถือว่าไปได้เยอะแล้ว สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ก็ยังตามต่อ และเราก็คงประสานกับ ป.ป.ท.ต่อไป

ผู้สื่อถามข่าวอีกว่า เวลานี้ยังยืนยันกับประชาชนเช่นเคยว่าไม่มีมวยล้มใช่หรือไม่ นายวิชา ตอบว่า “ไม่มี ไม่มีแน่นอน เราก็รอว่าจะได้ตัวเขามาเมื่อไร เพราะตอนนี้ก็ได้ดำเนินการด้านต่างประเทศไปพอสมควร”

ผู้สื่อข่าวถามย้ำด้วยว่า ในส่วนความผิดอื่นๆ ที่อยู่นอกสำนวนคดีของนายวรยุทธ ยังมีทิศทางที่จะเดินหน้าได้ต่อหรือไม่ นายวิชา ตอบว่า “เรื่องคดีที่จะเริ่มนับหนึ่งใหม่ ทราบว่าอัยการก็ได้ตั้งคณะเรียบร้อยแล้ว ก็จะดำเนินการเพื่อนำไปสู่การฟ้องร้อง ก็ต้องรอฟังว่าจะส่งไปศาลอะไร”

นายวิชา กล่าวถึงข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ด้วยว่า ในส่วนร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการยืนยันว่าไม่อยากให้เปลี่ยนประเด็นที่เกี่ยวกับแต่งตั้งโดยใช้ระบบอาวุโสและระบบความรู้ความสามารถ รวมถึงการแยกสายงานให้ตำรวจสายสอบสวนมีความเป็นอิสระ เพื่อไม่ให้ถูกครอบงำหรือถูกแทรกแซง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรขัดข้อง เพียงแต่ว่าประเด็นเรื่องของการแต่งตั้งเดิมเป็นกระบวนการที่ทำกันมานานแล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามหลักอาวุโส บางทีก็ข้ามหัวกัน ซึ่งอาจจะเริ่มต้นปรับปรุงเรื่องนี้โดยทำเป็นบทเฉพาะกาลต่อไป

นายวิชากล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังได้นำเสนอเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา ที่นายกรัฐมนตรีรับปากว่าจะปรับปรุงตามข้อเสนอของคณะกรรมการทั้งหมด ส่วนอีกเรื่องที่อยากให้มีการแก้ไขทันทีคือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ที่เห็นควรให้ยกเลิกมาตรา 145/1 เนื่องจากเป็นบทบัญญัติให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่มีอำนาจในการตรวจสอบคำสั่งไม่ฟ้องคดีของฝ่ายตำรวจ อันเป็นการขัดต่อหลักการถ่วงดุลอำนาจระหว่างเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา นอกจากนี้ยังรวมถึงการผลักดันให้มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่คณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเสนอมา

“อีกเรื่องที่เราเสนอให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ คือ เราเสนอว่าสมควรที่จะปรับเปลี่ยนระบบกระบวนการยุติธรรม จากระบบกล่าวหา ให้เป็นระบบไต่สวนหรือไม่ ซึ่งจะต้องนำไปสู่การค้นคว้าและถกเถียงกันต่อไป และถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะเปลี่ยนโครงร่างกระบวนการยุติธรรมใหม่ทั้งประเทศ” นายวิชา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบทสรุปรายงานผลการตรวจสอบข้อกฎหมายเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม คณะกรรมการเห็นว่าข้อเท็จจริงจากคดีอาญากับนายวรยุทธ ได้แสดงให้เห็นถึงปัญหาบางประการที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และอาจมีผลกระทบต่อเนื่องไปยังหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นเสาค้ำจุนความสงบเรียบร้อยของสังคม ดังนี้

1.การที่งานสอบสวนตำรวจขาดความเป็นอิสระในการทำงาน ถูกแทรกแซงจากผู้บังคับบัญชาและอิทธิพลภายนอกของบุคคลที่ประพฤติมิชอบได้โดยง่าย เปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตเพื่อบิดเบือนความจริงและพยานหลักฐานได้อย่างเบ็ดเสร็จ

2.การสอบสวนคดีอาญาของพนักงานสอบสวนและการฟ้องร้องคดีของอัยการ ขาดความเชื่อมโยงและความร่วมมืออย่างเป็นเอกภาพ

3.ระบบกฎหมายมีช่องโหว่ให้กระบวนการสอบสวนและฟ้องร้องคดีดำ เนินไป อย่างล่าช้าโดยไม่มีข้อจำกัดหรือระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพ

4.ความเหลื่อมล้ำของคนที่มีสถานะทางเศรษฐกิจหรือสถานะทางสังคมที่แตกต่าง กันในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทำให้สังคมเชื่อว่าความยุติธรรมสามารถซื้อได้และคุกมีไว้ขังคนจน

5.ระบบกฎหมายเปิดช่องให้เจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมทุจริตและ ประพฤติมิชอบ

6.กระบวนการยุติธรรมทางอาญา โดยเฉพาะการสอบสวน ล้าสมัยไม่สอดคล้อง กับสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้คณะกรรมการยังมีข้อเสนอในการปรับปรุงข้อกฎหมายต่างๆ รวมทั้งหมด 6 ประเด็น ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ... , ร่าง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา พ.ศ... , ร่างกฎหมายเกี่ยวกับนิติวิทยาศาสตร์ , ร่าง พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ... , ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดและระเบียบคณะกรรมการอัยการ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

01102563boss0001