สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงหนักหน่วง ล่าสุดที่จังหวัดปัตตานีมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่อีก 1 ราย
ผู้เสียชีวิตรายแรกของปัตตานี และรายที่ 4 ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นชายวัย 77 ปี อาศัยอยู่ในอำเภอยะรัง โดยสิ้นใจที่โรงพยาบาลปัตตานี เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น วันพุธที่ 1 เม.ย.63
ประวัติของผู้เสียชีวิตรายนี้ เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม คาดว่าจะติดจากลูกชายที่ติดเชื้อก่อนจากการไปร่วมชุมนุมทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย เพราะผู้ตายไปเยี่ยมลูกชายเมื่อวันที่ 13 มี.ค. จากนั้นวันที่ 14 มี.ค. เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้กักตัวเอง สังเกตอาการที่บ้าน วันที่ 15-19 มี.ค.เจ้าหน้าที่ติดตามอาการ พบว่าโดยรวมยังปกติ
กระทั่งวันที่ 20 มี.ค. ผู้ป่วยมีอาการไอ ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อยหอบ เจ้าหน้าที่จึงส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลยะรัง จากนั้นระหว่างวันที่ 20-24 มี.ค. มีภาวะปอดบวม หนักขึ้น ทำให้แพทย์ตัดสินใจส่งรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลปัตตานีในวันที่ 24 มี.ค. และเสียชีวิตในวันที่ 1 เม.ย.
จากการตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมทราบว่า ผู้ตายมีโรคประจำตัว คือ เบาหวานขั้นรุนแรง ถุงลมโป่งพอง และปอดอักเสบเรื้อรังมานาน
หลังจากเสียชีวิต เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลปัตตานีได้ประกอบพิธีทางศาสนา โดยการฝังศพที่สุสาน หมู่ 5 ตำบลยะรัง ตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขและสำนักจุฬาราชมนตรีกำหนด (อ่านประกอบ : ชายชาวสุไหงโกลกสังเวยโควิดรายแรกชายแดนใต้ )
นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และเสียใจที่ปัตตานีมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ทั้งยังเป็นผู้สูงอายุ วัย 77 ปี ฉะนั้นคนที่มีอายุมากๆ รวมทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ไม่ควรออกจากบ้าน เพราะถ้าติดเชื้อแล้ว ภูมิต้านทานจะต่ำ มีโอกาสเสียชีวิตได้มากกว่าคนกลุ่มอายุอื่นๆ
ชายวัย 57 กลับจากปากีสถานป่วยโควิดดับคารถไฟ
อีกกรณีหนึ่งที่เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 และคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือการพบผู้เสียชีวิตในรถไฟ โดยเป็นผู้โดยสารขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 37 กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก โดยชายคนนี้เป็นชาวอำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ถือตั๋วโดยสารรถนอนปรับอากาศชั้น 2 เดินทางจากชุมทางบางซื่อ ปลายทางสุไหงโกลก เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่พบชายผู้นี้ ซึ่งมีอายุ 57 ปี เสียชีวิตขณะอยู่ในโบกี้ระหว่างเดินทาง จึงรีบนำศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.วันที่ 30 มี.ค.
ผลการชันสูตรและตรวจสอบตามร่างกาย พบหลักฐานใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาล Al-RAHMAN SURGICAL HOSPITAL ประเทศปากีสถาน ออกเมื่อวันที่ 26 มี.ค. เวลา 18.13 น. ซึ่งเป็นเวลาท้องถิ่น ยืนยันว่าสามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ จึงคาดว่าเป็นคนไปทำงานหรือไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ประเทศปากีสถาน และอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้าน แต่เสียชีวิตระหว่างทางเสียก่อน
จากการสอบถามข้อมูลจากพนักงานรถไฟ ทราบว่า ผู้โดยสารขึ้นรถไฟตามตั๋วโดยสารปกติ ขณะเดินทางมีอาการไอและอาเจียน เมื่อขบวนรถถึงสถานีหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่สถานีหัวหินได้นำเจ้าหน้าที่ชุดคัดกรองของเทศบาลหัวหินขึ้นตรวจสอบผู้โดยสารรายนี้บนขบวนรถ ปรากฏว่าตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายได้ 36 องศาเซลเซียส ไม่มีอาการไอหรืออาเจียนแล้ว จึงแนะนำให้ผู้โดยสารลงพักรักษาตัวที่สถานีหัวหิน แต่ผู้โดยสารยืนยันจะเดินทางต่อ
กระทั่งเวลาประมาณ 22.15 น. เจ้าหน้าที่บนขบวนรถพบชายผู้นี้นอนหมดสติอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ จึงแจ้งให้หยุดขบวนรถที่สถานีทับสะแก เจ้าหน้าที่สถานีทับสะแกได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยท้องถิ่นขึ้นทำการช่วยเหลือ และได้รับแจ้งจากว่าผู้โดยสารเสียชีวิตแล้ว จึงทำการปลดรถโดยสารคันที่ผู้โดยสารรายนี้นั่งมา ออกจากขบวนที่สถานีทับสะแก และย้ายผู้โดยสารจำนวน 15 คนไปโดยสารกับตู้อื่น เพื่อรอพนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 31 มี.ค. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า ผู้โดยสารเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว เบาหวาน แต่ได้นำสารคัดหลั่งของผู้เสียชีวิตส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาล ขณะเดียวกันก็ได้พ่นยาฆ่าเชื้อภายในโบกี้รถไฟ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.
ล่าสุด วันที่ 1 เม.ย. ได้รับแจ้งผลอย่างไม่เป็นทางการจากสาธารณสุขอำเภอทับสะแกว่า พบเชื้อโควิด-19 ในตัวผู้เสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ก็ยอมรับว่า ชายวัย 57 ปีที่เสียชีวิตบนโบกี้รถไฟ ติดเชื้อโควิด-19 จริง ทาง ร.ฟ.ท.จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ และพนักงานที่เกี่ยวข้องในขบวนรถไฟที่เกิดเหตุ จำนวน 7-8คน กักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคเป็นเวลา 14 วัน ส่วนผู้โดยสารที่เดินทางมาในโบกี้เดียวกันมีประมาณ 10 คน ได้แจ้งชื่อผู้โดยสารไปยังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อติดตามนำตัวผู้โดยสารที่เหลือมาสอบสวนโรคและกักตัวต่อไป
--------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ :
132 คนไทยจากมาเลย์เสี่ยงโควิด ไม่ได้อยู่แค่สามจังหวัดชายแดนใต้
พบ"กลุ่ม 132 คนไทย"ป่วยที่ปัตตานี-ยะลา!
เช็คชื่อ 132 คนไทย สธ.ยันติดเชื้อแล้ว 2 - ทัพ 4 ยังไม่ปิดจุดผ่อนปรน
งดละหมาดศุกร์ในกทม. - คุมเข้มแรงงานต้มยำ - ปัตตานีมีติดโควิด
ปัตตานียอดติดโควิดพุ่ง 7 ราย - สงขลาลุ้นอีก 12
พบโควิดครบ 3 จังหวัดใต้ - ตลาดยังแน่น - จี้ ศอ.บต.รวมศูนย์ให้ข้อมูล
สรุปยอดผู้ป่วยโควิดชายแดนใต้ ศอ.บต.เร่งรับมือ นศ.-แรงงานแห่กลับเพิ่ม
ชายแดนใต้เผชิญวิกฤติ "โควิด-ปิดด่าน-ยางถูกเท"
ปัตตานีชัตดาวน์! หลังผู้ติดเชื้อโควิดพุ่ง 26 ราย
รู้จัก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรการขั้นสุดสู้โควิด?
ปณิธาน : งัด พ.ร.ก.สู้โรคระบาด...ประวัติศาสตร์กฎหมายพิเศษ
เปิดข้อมูลเบื้องหลังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สู้โควิด
กอ.รมน.สั่ง 25 ด่านหลักปิดสัญจรชายแดนใต้
แพทย์-พยาบาลติดโควิด! สั่งปิด รพ.บันนังสตา ยะลา
ชายชาวสุไหงโกลกสังเวยโควิดรายแรกชายแดนใต้
เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า! BRN ผวาโควิดเป็นภัยพิบัติ
ไทม์ไลน์ชายชาวสุไหงโกลกเหยื่อโควิด - เผยลูก 9 คนสุดลำบาก
ปัตตานีปิดทั้งจังหวัด ยะลา 8 หมู่บ้าน นราธิวาส 5 ตำบล
ยะลาอ่วมโควิดเสียชีวิตรายแรก ผู้ติดเชื้อปัตตานีจ่อครึ่งร้อย
3 จังหวัดใต้เปิดศูนย์กักตัว 200 นศ.ไทยกลับจากปากีสถาน
ยะลาเหยื่อโควิดเสียชีวิตเพิ่มอีก1 ปัตตานีปิด 18 เส้นทาง