‘กกพ.’ มีมติตรึงค่าเอฟทีงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.67 ที่ 39.72 สต./หน่วย กดค่าไฟฟ้างวดใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 4.18 บาทเท่าเดิม
................................
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และข้อเสนอเพิ่มเติมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตลอดจนการสนับสนุนนโยบายการคงราคาค่าไฟฟ้าของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แล้ว
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) ขายปลีก สำหรับการเรียกเก็บเดือน ก.ย.-ธ.ค.2567 เท่ากับ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย โดย กฟผ. จะต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชนจำนวน 95,227 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ อีกจำนวน 15,084 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ คงที่เท่ากับ 4.18 บาทต่อหน่วย เท่ากับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน
“สำนักงาน กกพ. ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกัน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ 5 ป. ได้แก่ ปลด หรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อใช้งานเสร็จ ปิด หรือดับไฟเมื่อเลิกใช้งาน ปรับ อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศา เปลี่ยน มาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้านซึ่งทั้ง 5 ป. จะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าเองด้วย” สำนักงาน กกพ.ระบุ
ก่อนหน้าที่ ที่ประชุม กกพ. เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2567 มีมติรับทราบภาระต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจริงประจำรอบเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 และมีมติเห็นชอบผลการคำนวณประมาณค่าเอฟที (ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ) สำหรับงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.67 และมอบหมายให้สำนักงาน กกพ. นำค่าเอฟทีประมาณการและแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ไปรับฟังความคิดเห็นในกรณีต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย 3 กรณี ได้แก่
กรณีที่ 1 ผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า Ft (จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างทั้งหมด) ค่า Ft ขายปลีกเท่ากับ 222.71 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะเป็นการเรียกเก็บตามผลการคำนวณตามสูตรการปรับค่า Ft ที่สะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือน ก.ย.-ธ.ค.2567 จำนวน 34.30 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อชดเชยต้นทุนคงค้าง (AF) ที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. จำนวน 98,495 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 163.39 สตางค์ต่อหน่วย) และมูลค่า AFGAS จำนวน 15,083.79 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 25.02 สตางค์ต่อหน่วย) รวมทั้งสิ้นจำนวน 188.41 สตางค์ต่อหน่วย
โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะได้รับเงินที่รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าแทนประชาชนตั้งแต่เดือน ก.ย.2564-เม.ย.2567 ในช่วงสภาวะวิกฤตของราคาพลังงานที่ผ่านมา คืนทั้งหมดภายในเดือน ธ.ค2567 เพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องให้มีสถานะทางการเงินคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
และรัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ จะได้รับเงินคืนส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับภาคไฟฟ้าคืนทั้งหมด ซึ่งเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกที่คำนวณได้กับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.01 บาทต่อหน่วย โดยค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้น 44% จากระดับ 4.18 บาทต่อหน่วย ในงวดปัจจุบัน (งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2567)
กรณีที่ 2 กรณีจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 3 งวด ค่า Ft ขายปลีก เท่ากับ 113.78 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะสะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือน ก.ย.-ธ.ค.2567 จำนวน 34.30 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยชำระคืนภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. กู้เงินมาเพื่อตรึงค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือน ก.ย.2564-เม.ย.2567 ออกเป็น 3 งวดๆ ละจำนวน 32,832 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 54.46 สตางค์ต่อหน่วย) และมูลค่า AFGAS จำนวน 15,083.79 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 25.02 สตางค์ต่อหน่วย) รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 79.48 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อให้ กฟผ.มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น สามารถดำเนินการตามแผนชำระคืนหนี้เงินกู้ที่วางไว้เพื่อรักษาระดับความน่าเชื่อถือ และลดภาระดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น
โดยคาดว่า ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2567 จะมีภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. รับภาระแทนประชาชนคงเหลืออยู่ที่ 65,663 ล้านบาท ในขณะที่รัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ จะได้รับเงินคืนส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับภาคไฟฟ้าคืนทั้งหมด ซึ่งเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.92 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 18% จากงวดปัจจุบัน (งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2567)
กรณีที่ 3 กรณีจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 6 งวด ค่า Ft ขายปลีก เท่ากับ 86.55 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะสะท้อนแนวโน้มต้นทุนเดือน ก.ย.-ธ.ค.2567 จำนวน 34.30 สตางค์ต่อหน่วย และทยอยชำระคืนภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. กู้เงินมาเพื่อตรึงค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือน ก.ย.2564-เม.ย.2567 ออกเป็น 6 งวดๆ ละจำนวน 16,416 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 27.23 สตางค์ต่อหน่วย) และมูลค่า AFGAS จำนวน 15,083.79 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 25.02 สตางค์ต่อหน่วย) รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 52.25 สตางค์ต่อหน่วย เพื่อให้ กฟผ. มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น สามารถดำเนินการตามแผนชำระคืนหนี้เงินกู้ที่วางไว้เพื่อรักษาระดับความน่าเชื่อถือ และลดภาระดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น
โดยคาดว่า ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2567 จะมีภาระต้นทุนคงค้างที่ กฟผ. รับภาระแทนประชาชนคงเหลืออยู่ที่ 82,079 ล้านบาท ในขณะที่รัฐวิสาหกิจที่ประกอบกิจการก๊าซธรรมชาติ จะได้รับเงินคืนส่วนต่างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับภาคไฟฟ้าคืนทั้งหมด ซึ่งเมื่อรวมค่า Ft ขายปลีกกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.65 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 11% จากงวดปัจจุบัน
รายงานแจ้งด้วยว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการลดราคาพลังงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ 1.ขยายระยะเวลาการตรึงอัตราค่าไฟฟ้าที่ระดับ 4.18 บาท/หน่วย ออกไปอีก 4 เดือน หรือตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.2567 และให้ตรึงอัตราค่าไฟฟ้าไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วยเช่นเดิม สำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน
2.ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไว้ที่ 33 บาทต่อลิตร ไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.2567 โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปสนับสนุนการดำเนินการ ส่วนจะมีการใช้กลไกการลดภาษีสรรพสามิตมาช่วยเพิ่มเติมหรือไม่นั้น คงต้องหารือกันอีกครั้งหนึ่ง
อ่านประกอบ :
ครม.ไฟเขียวตรึง‘ค่าไฟฟ้า’ 4.18 บาท/หน่วย อีก 4 เดือน-คงเพดานราคา‘ดีเซล’ถึงสิ้น ต.ค.67
‘กกพ.’เคาะเอฟทีงวด ก.ย.-ธ.ค.67 ดันค่าไฟฟ้าพุ่ง 4.65-6.01 บาท/หน่วย เพิ่มขึ้น 11-44%
อุดหนุน 8.3 พันล.! ครม.ไฟเขียวมาตรการตรึง‘ดีเซล-ก๊าซหุงต้ม’ ลดค่าไฟฟ้า 19.05 สต./หน่วย
‘บอร์ด กกพ.’ เคาะค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค.2567 เฉลี่ย 4.18 บาท/หน่วย เท่างวดก่อน
‘สภาผู้บริโภค’จี้‘กกพ.’ทบทวน FT งวดใหม่ คาดกดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่ำกว่า 4 บาท/หน่วยได้
กกพ. ชี้ค่าไฟงวด พ.ค. - ส.ค. 67 ที่ 4.18 ต่อหน่วยตอบโจทย์ทุกฝ่าย
ต่ำสุด 4.18 บ./หน่วย! 'กกพ.'เคาะ 3 ทางเลือก คิดค่าไฟฟ้างวด พ.ค.-ส.ค.67-ทยอยคืนหนี้'กฟผ.'
‘หม่อมอุ๋ย’นำทีมยื่น‘จม.เปิดผนึก’ร้อง‘นายกฯ’ทบทวนอุดหนุนพลังงาน หลังรัฐแบกหนี้ 2.2 แสนล.
กกพ.เคาะค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 4.18 บาท-'ครัวเรือน'ใช้ไม่เกิน 300 หน่วย/ด. เหลือ 3.99 บ.