กกพ.เคาะ 3 ทางเลือก คิดค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.67 เผยทยอยคืนหนี้ 'กฟผ.' เป็น 7 งวด กดค่าไฟฟ้าได้ต่ำสุดที่ 4.18 บาท/หน่วย แต่หากคืนหนี้ ‘ทั้งก้อน’ 9.9 หมื่นล้าน ค่าไฟฟ้าพุ่ง 5.43 บาท/หน่วย
...........................................
เมื่อวันที่ 8 มี.ค. นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ. มีมติรับทราบภาระต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจริงประจำรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 และเห็นชอบผลการคำนวณประมาณอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) สำหรับงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2567
พร้อมทั้งมอบหมายสำนักงาน กกพ. นำค่าเอฟทีประมาณการ และแนวทางการจ่ายภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ไปรับฟังความคิดเห็นในกรณีต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 8-22 มี.ค.2567 ซึ่งประกอบด้วย 3 กรณี ได้แก่
กรณีแรก จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างทั้งหมดในงวดเดียว แบ่งเป็น ค่าเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 จำนวน 19.21 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อชำระภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. จำนวน 99,689 ล้านบาท ในงวดเดียวหรือ 146.03 สตางค์ต่อหน่วย รวมเป็นค่าเอฟทีเรียกเก็บ 165.24 สตางค์ต่อหน่วยสำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพิ่มขึ้นเป็น 5.4357 บาทต่อหน่วย
กรณีที่สอง จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 4 งวด แบ่งเป็นค่าเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค. - ส.ค.2567 จำนวน 19.21 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อชำระภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. จำนวน 99,689 ล้านบาท ภายใน 4 งวดๆ ละ จำนวน 24,922 ล้านบาท หรือ 36.51 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีเรียกเก็บที่ 55.72 สตางค์ต่อหน่วยสำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค.2567 เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วยแล้วทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็น 4.3405 บาทต่อหน่วย
กรณีที่สาม ตรึงค่าเอฟทีเท่ากับงวดปัจจุบันตามที่ กฟผ. เสนอ หรือจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างประมาณ 7 งวด แบ่งเป็นค่าเอฟทีขายปลีกประมาณการที่สะท้อนต้นทุนเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 จำนวน 19.21 สตางค์ต่อหน่วย และเงินเรียกเก็บเพื่อชำระภาระต้นทุนคงค้าง กฟผ. จำนวน 99,689 ล้านบาท ประมาณ 7 งวดๆ ละ จำนวน 14,000 ล้านบาท หรือ 20.51 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีเรียกเก็บคงเดิมที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วยสำหรับเดือน พ.ค.-ส.ค. 2567 เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วย แล้วทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 4.1805 บาทต่อหน่วย เท่ากับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน
“ต้นทุนค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2567 ที่ได้ผลมาจากก๊าซราคาถูกลง จะอยู่ที่ 3.9754 บาท/หน่วย แล้วก็มาดูกันว่า เราจะคืนหนี้ กฟผ.อย่างไร ซึ่งมี 3 ทางเลือก ทางเลือกแรก คืนหนี้ทั้งก้อนไปเลย 99,689 ล้านบาท ถ้าคืนในก้อนเดียวเลย ค่าเอฟทีจะอยู่ที่ 1.65 บาท/หน่วย รวมเป็นค่าไฟฟ้า 5.4357 บาท/หน่วย ทางเลือกที่สอง แบ่งคืนหนี้ กฟผ. เป็น 4 งวดๆละ 24,922 ล้านบาท คิดเป็นค่าเอฟที 55.72 สตางค์ต่อหน่วย รวมเป็นค่าไฟฟ้า 4.3405 บาทต่อหน่วย
และทางเลือกที่ 3 เป็นการนำปัจจัยอื่นๆเข้ามาคำนวณร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องประชาชน และเรื่องนโยบาย ก็คิดว่าถ้าเราสามารถยืนค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาท/หน่วย ซึ่งเป็นราคาเดิมในงวดที่แล้ว เพื่อลดผลกระทบของประชาชน และช่วยสนับสนุนการไฟฟ้าในการดำรงไว้ซึ่งสภาพคล่อง เราจึงแบ่งคืนหนี้ กฟผ.เป็น 7 งวดๆละ 14,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นค่าเอฟที 39.72 สตางค์ต่อหน่วย และทำให้ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย เท่าเดิม ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่มีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด และไม่มีผลกระทบต่อสภาพคล่องของ กฟผ.” นายคมกฤช กล่าว
อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 กรณีดังกล่าว ยังไม่รวมเงินภาระคงค้างค่าก๊าซที่เกิดจากนโยบายที่ให้รัฐวิสาหกิจที่นำเข้าก๊าซเรียกเก็บราคาค่าก๊าซเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 คงที่ตามมติ กพช. จึงมีส่วนต่างราคาก๊าซที่เกิดขึ้นจริงและราคาก๊าซที่เรียกเก็บ (AF Gas) โดยภาระดังกล่าวยังคงค้างที่ ปตท. (เฉพาะในส่วนของการผลิตไฟฟ้าเพื่อขายเข้าระบบ) เป็นจำนวนเงิน 12,076 ล้านบาท และยังคงค้างที่ กฟผ. เป็นจำนวนเงิน 3,800 ล้านบาท
นายคมกฤช ย้ำว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้ารอบ พ.ค-ส.ค.2567 ลดลงมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนราคา LNG ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและส่งผลทำให้ราคาประมาณการ Pool Gas ลดลงจาก 333 ล้านบาทต่อล้านบีทียู เป็น 300 ล้านบาทต่อล้านบีทียู
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าแหล่งเอราวัณจะมีแผนทยอยปรับเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจาก 400 เป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือน เม.ย.2567 แต่ประมาณการปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ได้จากอ่าวไทย เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้ายังคงอยู่ในระดับเดิมหรือลดลงเล็กน้อย อีกทั้งก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเมียนมาร์ยังมีแนวโน้มที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นต้องนำเข้า LNG เพื่อเสริมปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ขาดหายและเสริมความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในปัจจุบันและในช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง
ดังนั้น สำนักงาน กกพ. จึงขอเชิญชวนผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ให้มีสภาพการใช้งานที่ดี เพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีสภาพอากาศร้อน ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้า LNG ลดการเกิดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดรอบใหม่ (New Peak Demand) ในระบบไฟฟ้า และยังช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าเองด้วย
อ่านประกอบ :
‘หม่อมอุ๋ย’นำทีมยื่น‘จม.เปิดผนึก’ร้อง‘นายกฯ’ทบทวนอุดหนุนพลังงาน หลังรัฐแบกหนี้ 2.2 แสนล.
กกพ.เคาะค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย. 4.18 บาท-'ครัวเรือน'ใช้ไม่เกิน 300 หน่วย/ด. เหลือ 3.99 บ.
ครม.เห็นชอบมาตรการพลังงาน ตรึงดีเซล 30 บาท - ค่าไฟกลุ่มเปราะบาง 3.99 บ. 4 เดือน
‘บอร์ดค่าจ้าง’ นัดถกทบทวนค่าจ้างขั้นต่ำ 20 ธ.ค.-ชง ‘ครม.’ หั่นค่าไฟไม่เกิน 4.2 บ./หน่วย
‘กกร.’ร้องรัฐตรึงค่าไฟงวดใหม่ 3.99 บ./หน่วย ก่อนรื้อโครงสร้างฯ-มองGDPปี 67 เสี่ยงต่ำ 3%