"...การยึดทรัพย์ ที่ดินโฉนดเลขที่ 48538 ตําบลบางเสาธง อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มูลค่า 16,133,000 บาท ซึ่งมีการอ้างว่ามีการกู้ยืมเงินซื้อที่ดินเพื่อทําหอพักให้นักศึกษาเช่าเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แต่เชื่อว่าการทําสัญญากู้ยืมเงินน่าจะเป็นการจัดทําขึ้นในภายหลัง มีพิรุธ เป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ..."
การสั่งยึดทรัพย์สินรายการอื่น ๆ ที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน นอกจากรายการสั่งซื้อทองคำแท่ง กับบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 รายการ มูลค่า 607,239,100 บาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ตัดสินในคดีกล่าวหา นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ร่ำรวยผิดปกติ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร มูลค่าความเสียหายกว่า 4.3 พันล้านบาท นั้น
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำคำพิพากษายึดทรัพย์ในส่วนของเงินลงทุนในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จํากัด เลขที่บัญชี XXX ในชื่อของผู้คัดค้านที่ 1 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 ในหลักทรัพย์ CPNRF จํานวน 28,625 มูลค่า 435,100 บาท , เงินฝาก 2 บัญชี 1,008,000 บาท , เงินลงทุนในบริษัทฟาสต์ ฟอร์เวิร์ด คอมมิวนิเคชั่น จํากัด จํานวน 14,000 หุ้น มูลค่า 1,400,000 บาท , เงินลงทุนในหุ้นบริษัทเอส เอ็น เซอร์วิส โซลูชั่น จํากัด 33,334 หุ้น มูลค่า 3,333,400 บาท , ที่ดินโฉนดเลขที่ 62279, 62280 และ 62281 ตําบลวัดธาตุ อําเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย มูลค่า 68,640 บาท และ 76,960 บาท และ 75,400 บาท มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบกันไปแล้ว
- ฉบับเต็ม(1) คำพิพากษาศาลฏีกา ยึดทองแท่ง 600 ล.'สาธิต' อดีตอธิบดีสรรพากร ร่ำรวยผิดปกติ
- ฉบับเต็ม (2) คำพิพากษาศาลฏีกา ยึดทองแท่ง 600 ล.'สาธิต' อดีตอธิบดีสรรพากร ร่ำรวยผิดปกติ
- ฉบับเต็ม (3) คำพิพากษาศาลฏีกา ยึดเงินลงทุนหลักทรัพย์ 4.3 แสน 'สาธิต' อดีตอธิบดีสรรพากร
- ฉบับเต็ม (4) คำพิพากษาศาลฏีกายึดเงินฝาก-หุ้น 2 บ.รวม 5.7 ล. 'สาธิต'อดีตอธิบดีสรรพากร
- ฉบับเต็ม (5) คำพิพากษาศาลฏีกายึดที่ดินหนองคาย 3 แปลง 2.2 แสน 'สาธิต'อดีตอธิบดีสรรพากร
ในตอนนี้ จะขอนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ ที่ดินโฉนดเลขที่ 48538 ตําบลบางเสาธง อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มูลค่า 16,133,000 บาท ซึ่งมีการอ้างว่ามีการกู้ยืมเงินซื้อที่ดินเพื่อทําหอพักให้นักศึกษาเช่าเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แต่เชื่อว่าการทําสัญญากู้ยืมเงินน่าจะเป็นการจัดทําขึ้นในภายหลัง มีพิรุธ เป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 2 (นายสฤต รังคศิริ) ข้อต่อไปว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 48538 ตําบลบางเสาธง อําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ มูลค่า 16,133,000 บาท ในชื่อผู้คัดค้านที่ 2 เป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
ผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 2 อ้างว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2556 ผู้คัดค้านที่ 2 ยืมเงินผู้คัดค้านที่ 5 เป็นเงิน 15,994,500 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี กําหนดชําระเงินคืนวันที่ 25 เมษายน 2559 รวมกับเงินจากผู้ถูกกล่าวหาอีก 2,000,000 บาท เพื่อนําเงินมาซื้อที่ดินดังกล่าวรวมเป็นเงิน 17,900,000 บาท ตามสัญญากู้ยืมเงิน
ต่อมาผู้คัดค้านที่ 2 ชําระราคาที่ดินเป็นแคชเชียร์เช็คเป็นเงิน 15,994,500 บาท และเงินสดอีกจํานวนหนึ่ง ผู้คัดค้านที่ 2 ซื้อที่ดินมาเพื่อทําหอพักให้นักศึกษาเช่าเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
ต่อมายกเลิก จึงปรึกษากับผู้คัดค้านที่ 5 ว่าจะขายที่ดินที่ใช้หนี้แก่ผู้คัดค้านที่ 5 โดยหักราคาจากเงินที่กู้ยืม ตามสัญญากู้นั้น
เห็นว่า ที่ผู้คัดค้านที่ 2 อ้างว่าซื้อที่ดินมาในราคา 17,900,000 บาท โดยกู้ยืมเงินมาจากผู้คัดค้านที่ 5
โดยผู้คัดค้านที่ 5 ให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ว่า ผู้คัดค้านที่ 5 กู้ยืมเงินมาจากนางสาวพัชรีอีกทอดหนึ่งนั้น
จากการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนพยานผู้ร้องไม่พบว่ามี การถอนเงินจากบัญชีของผู้คัดค้านที่ 5 และนางสาวพัชรีที่มีจํานวนเงินสอดคล้องกับจํานวนเงินที่กู้ยืมกันดังกล่าว
แต่กลับพบว่าในวันที่ 26 เมษายน 2556 มีรายการเงินฝากเข้าบัญชีผู้คัดค้านที่ 5 จํานวน 15,000,000 บาทเศษ ซึ่งไม่ใช่รายการเบิกถอนเงินที่ผู้คัดค้านที่ 5 ให้ผู้คัดค้านที่ 2 กู้ยืมเงินในวันที่ 25 เมษายน 2556 ตามสัญญากู้ยืมเงิน
การทําสัญญากู้ยืมเงินจึงเชื่อว่าเป็นการจัดทําขึ้นในภายหลัง
และยังได้ความจากบันทึกถ้อยคําของนางสาวพัชรีอีกว่า ในปี 2555 นางสาวพัชรีเปิด บริษัทสื่อวิทยุ เอฟ.เอ็ม. 94.5 ผู้ถูกกล่าวหายังฝากบุตรชายสองคนมาฝึกงานที่บริษัทด้วย
นางสาวพัชรีให้ผู้คัดค้านที่ 5 ยืมเงินจํานวน 15,994,000 บาท
ต่อมาผู้คัดค้านที่ 5 มาบอกนางสาวพัชรีว่ามีที่ดินแปลงสวยใกล้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญต้องการขาย นางสาวพัชรีให้ลูกน้องไปดูแล้วไม่สนใจซื้อ
ภายหลังผู้คัดค้านที่ 5 นําเงินมาคืนบอกว่าขายที่ดินแล้วได้กําไรมาบางส่วนโดยนําเงินไปให้ผู้คัดค้านที่ 2 ยืมซื้อที่ดิน ตามบันทึกถ้อยคํานางสาวพัชรี ซึ่งในขณะที่ผู้คัดค้านที่ 2 เบิกความวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ผู้คัดค้านที่ 2 มีอายุ 33 ปี ในขณะทําสัญญากู้ยืมเงินปี 2556 ผู้คัดค้านที่ 2 จึงมีอายุ 27 ปี แต่เพิ่งเข้าฝึกงานในบริษัทของนางสาวพัชรีในปี 2555 และผู้คัดค้านที่ 2 ยังอ้างว่านําเงินสดจากผู้ถูกกล่าวหาอีก 2,000,000 บาท มาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวด้วย
จึงเชื่อว่าผู้คัดค้านที่ 2 ยังไม่มีประสบการณ์ทางธุรกิจที่จะลงทุนซื้อที่ดินที่มีมูลค่าสูงเช่นนั้น ทําให้ไม่น่าเชื่อว่าผู้คัดค้านที่ 5 จะกล้าให้ผู้คัดค้านที่ 2 กู้ยืมเงินมากถึง 15,000,000 บาทเศษ โดยไม่มีหลักประกันใด ๆ
โดยเฉพาะเงินที่ให้ยืมนั้นผู้คัดค้านที่ 5 ต้องกู้ยืมเงินของผู้อื่นมาอีกทอดหนึ่ง ประกอบกับสัญญากู้ยืมเงิน แม้มีผู้คัดค้านที่ 5 ลงลายมือชื่อเป็นผู้ให้กู้
แต่กลับมีผู้คัดค้านที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้กู้และลงลายมือชื่อพยานด้วย และไม่มีพยานอื่นลงลายมือชื่ออีก สัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวจึงมีพิรุธ พยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 2 ไม่น่าเชื่อว่า ผู้คัดค้านที่ 5 ให้ผู้คัดค้านที่ 2 กู้ยืมเงินมาซื้อที่ดินแปลงนี้
เมื่อผู้คัดค้านที่ 2 เบิกความถึงที่มาของเงินส่วนหนึ่งว่านําเงินที่ได้รับมาจากผู้ถูกกล่าวหา 2,000,000 บาท นําไปซื้อที่ดินดังกล่าว โดยผู้คัดค้านที่ 2 ยังให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ตามบันทึกปากคำ ว่า จดจําพฤติการณ์การซื้อที่ดินไม่ได้ว่า ดําเนินการเองหรือไม่
เจ้าของที่ดินมีลักษณะอย่างใด ย่อมเป็นพิรุธทั้งสิ้น กลับทําให้เชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านที่ 2 มิได้เป็นผู้ซื้อที่ดินด้วยตนเอง
ยิ่งเมื่อพิจารณาจากมูลค่าที่ดินแล้วเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาซื้อที่ดินดังกล่าวโดยใช้ชื่อผู้คัดค้านที่ 2 ถือกรรมสิทธิ์แทน แม้ปรากฏว่ามีการโอนขายที่ดินให้แก่ผู้คัดค้านที่ 5 วันที่ 4 กรกฎาคม 2556 ก็ไม่ปรากฏมีหลักฐานการชําระเงิน
เมื่อผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 2 ไม่อาจพิสูจน์ถึงที่มาของเงินที่นําไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 48538 ได้ จึงถือว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 48538 เป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ
ฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
******
ส่วนทรัพย์สินรายการอื่น ๆ ที่ถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย มีรายละเอียดเป็นอย่างไร จะขอนำเสนอในตอนต่อ ๆ ไป
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
- อัยการส่งฟ้อง‘สาธิต-พวก’คดีแวต 4.3 พันล.-ศาลสั่งยึดทรัพย์‘สุวัฒน์’ 596 ล.ของแผ่นดิน
- ทองปริศนา 600 ล.โผล่? เบื้องหลังคดีรวยผิดปกติ‘สาธิต’-ป.ป.ช.ส่งเก็บที่ ธปท.
- ครั้งแรก! ป.ป.ช.ตรวจนับทองแท่ง 594 ล.‘สาธิต รังคสิริ’ของกลางคดีรวยผิดปกติ
- อัยการส่งฟ้อง‘สาธิต-พวก’คดีแวต 4.3 พันล.-ศาลสั่งยึดทรัพย์‘สุวัฒน์’ 596 ล.ของแผ่นดิน
- สั่ง‘สาธิต-อดีตซี 8-9’ชดใช้ 4 พันล.! เปิดผลสอบ กก.รับผิดทางละเมิด ก.คลังคดีคืนภาษี
- พิพากษายึด 31 ล.‘อดีตซี 9’รวยผิดปกติคดีคืนภาษี-อสส.สั่งฟ้องอาญา‘สาธิต-พวก’แล้ว
- ป.ป.ช.-อัยการตั้งคณะทำงานร่วมฯ ‘สาธิต-พวก’คดีทุจริตคืนภาษี ปมรวยผิดปกติไต่สวนในศาลแล้ว
- EXCLUSIVE: พฤติการณ์ 32 บ.คืนภาษีเท็จในสำนวน ก.คลังก่อนสั่ง ‘สาธิต-พวก’ชดใช้ 4 พันล.
- ป.ป.ช.-อัยการตั้งคณะทำงานร่วมฯ ‘สาธิต-พวก’คดีทุจริตคืนภาษี ปมรวยผิดปกติไต่สวนในศาลแล้ว
- สั่ง‘สาธิต-อดีตซี 8-9’ชดใช้ 4 พันล.! เปิดผลสอบ กก.รับผิดทางละเมิด ก.คลังคดีคืนภาษี
- ปิดคดีทุจริตคืนภาษี 4.3 พันล.ฟัน 6 ขรก. 28 เอกชน-4 บิ๊กรวยผิดปกติ 1.3 พันล.
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (1)
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (2)
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (3)