"...การรับทองคําแท่งที่สั่งซื้อมีทั้งตัวแทนของผู้ถูกกล่าวหามารับหรือผู้ถูกกล่าวหาฝากทองไว้กับทางร้านหรือให้ส่งทองคําไปให้ โดยผู้ถูกกล่าวหาบอกพยานไม่ต้องรายงานการซื้อขายทองเกิน 2,000,000 บาท พยาน จึงมิได้รายงานการซื้อขายต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พยานเห็นว่าการซื้อขายของผู้ถูกกล่าวหามีลักษณะแปลก จึงไม่ได้ลงบัญชีซื้อขายของบริษัทไว้..."
คดีร่ำรวยผิดปกติ ของ นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร มูลค่าความเสียหายกว่า 4.3 พันล้านบาท อันโด่งดังในช่วงปี 2556-2557 เดินทางมาถึงบทสรุปเป็นทางการไปแล้ว
หลังจากปรากฏข่าวว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ อร 2/2562 ระหว่าง อสส. ผู้ร้อง นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ผู้ถูกกล่าวหา คดีร่ำรวยผิดปกติ ไปแล้วในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดย ศาลฎีกา มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้รายการสั่งซื้อทองคำแท่ง ในชื่อของนายสาธิต กับบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 รายการ มูลค่า 607,239,100 บาท โดยเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของนายสาธิต ที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน รวมถึงทรัพย์สินรายการอื่น ๆ ที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดินอีกหลายรายการด้วย
ปัจจุบันทองคำแท่ง ในคดีนี้ ฝากอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากกระทรวงการคลังยังไม่มารับไป มูลค่าทองเพิ่มจาก 600 กว่าล้านบาทเป็น 800 กว่าล้านบาท หลังราคาทองในท้องตลาดปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นก่อนหน้านี้
เพื่อบันทึกข้อมูลคดีนี้ ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น หลังจากที่ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกคดีนี้มาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งคดีเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงผลการติดสินคดีความของศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์
สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ ให้รายการสั่งซื้อทองคำแท่ง ในชื่อของนายสาธิต กับบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 รายการ มูลค่า 607,239,100 บาท โดยเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของนายสาธิต ที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน รวมถึงทรัพย์สินรายการอื่น ๆ ที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดินอีกหลายรายการด้วย มานำเสนอเป็นทางการ ณ ที่นี้
โดยจะขอเริ่มต้นข้อมูลในส่วนคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาข้อแรกว่า รายการสั่งซื้อทองคําแท่ง ในชื่อผู้ถูกกล่าวหากับทางร้านของบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 ครั้ง น้ำหนักรวม 28,880 บาท เป็นมูลค่า 607,239,000 บาท เป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งมีข้อมูลสำคัญอยู่ตรงที่เส้นทางการซื้อทองคำบางส่วน ถูกโอนมาจากกลุ่มบริษัทเอกชน ที่มีส่วนร่วมในการทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมไปถึงพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่แจ้งกับผู้ขายทองคำว่า ไม่ต้องรายงานการซื้อขายทองเกิน 2,000,000 บาท ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ด้วย
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ที่ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้สั่งซื้อทองคําแท่งและทองคําแท่งดังกล่าวไม่ใช่ของผู้ถูกกล่าวหานั้น
ผู้ร้องนําสืบว่า ผู้ถูกกล่าวหาสั่งซื้อทองคําแท่งจากบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 ครั้ง
ครั้งที่ 1 วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ราคาบาทละ 23,520 บาท น้ำหนัก 300 บาท
ครั้งที่ 2 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2556 ราคาบาทละ 23,570 บาท น้ำหนัก 845 บาท
ครั้งที่ 3 วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ราคาบาทละ 23,550 บาท น้ำหนัก 850 บาท
ครั้งที่ 4 วันที่ 20 มีนาคม 2556 ราคาบาทละ 22,250 บาท น้ำหนัก 1,000 บาท
ครั้งที่ 5 วันที่ 21 มีนาคม 2556 ราคาบาทละ 22,250 บาท น้ำหนัก 270 บาท
ครั้งที่ 6 วันที่ 1 เมษายน 2556 ราคาบาทละ 22,200 บาท น้ำหนัก 2,250 บาท
ครั้งที่ 7 วันที่ 2 เมษายน 2556 ราคาบาทละ 22,200 บาท น้ำหนัก 3,150 บาท และ 450 บาท
ครั้งที่ 8 วันที่ 4 เมษายน 2556 ราคาบาทละ 21,550 บาท น้ำหนัก 3,710 บาท
ครั้งที่ 9 วันที่ 5 เมษายน 2556 ราคาบาทละ 21,550 บาท น้ำหนัก 2,780 บาท
ครั้งที่ 10 วันที่ 17 เมษายน 2556 ราคาบาทละ 19,000 บาท น้ำหนัก 10 บาท และ 40 บาท
ครั้งที่ 11 วันที่ 18 เมษายน 2556 ราคาบาทละ 18,650 บาท น้ำหนัก 80 บาท
ครั้งที่ 12 วันที่ 22 เมษายน 2556 ราคาบาทละ 19,400 บาท น้ำหนัก 5,150 บาท
ครั้งที่ 13 วันที่ 29 เมษายน 2556 ราคาบาทละ 20,350 บาท น้ำหนัก 2,455 บาท
ครั้งที่ 14 วันที่ 2 พฤษภาคม 2556 ราคาบาทละ 20,280 บาท น้ำหนัก 2,465 บาท
ครั้งที่ 15 วันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ราคาบาทละ 19,500 บาท น้ำหนัก 3,075 บาท
รวมน้ำหนักทองคําแท่ง 28,880 บาท เป็นมูลค่า 607,239,100 บาท
ทั้งนี้ ในการสั่งซื้อทองคําแท่งครั้งที่ 12 , 13 และที่ 14 มีนางสาวพัชรี เป็นผู้โทรศัพท์สั่งซื้อทองคําแท่งดังกล่าว มีบริษัท เกิดทรัพย์มั่งมี จํากัด บริษัทหอกิตติทรัพย์ จํากัด บริษัท จี.จี.พี.เอส.ไอ. จํากัด บริษัทโอ.เอ.โอ.พี. จํากัด และบริษัทพี.เอส. สําราญ จํากัด รวม 5 บริษัท ซึ่งขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากกรมสรรพากรโดยมิชอบ โอนเงินชําระราคาทองคําแท่งทั้งสามครั้งเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ของนาย ร. (สงวนชื่อ-นามสกุล ในฐานะพยาน) กรรมการบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด ในวันที่ 23 เมษายน 2556 เป็นการโอนเงินชําระราคาทองคําแท่ง ครั้งที่ 12 จํานวน 99,910,000 บาท วันที่ 29 เมษายน 2556 เป็นการโอนเงินชําระราคาทองคําแท่งครั้งที่ 13 จํานวน 49,959,250 บาท และวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 เป็นการโอนเงินชำระราคาทองคําแท่งครั้งที่ 14 จํานวน 30,000,000 บาท
ส่วนที่เหลือในครั้งที่ 14 อีก 19,990,200 บาท ชําระราคาเป็นเงินสด
การสั่งซื้อครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่ 11 และครั้งที่ 15 ชําระราคาเป็นเงินสดทั้งสิ้น
หลังจากมีการสั่งซื้อและชําระราคาทองคําแท่งดังกล่าวแล้ว มีการฝากทองคําแท่งบางส่วนไว้กับทางร้านทองของบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด โดยเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 ฝากทองคําแท่งไว้ในชื่อผู้ถูกกล่าวหา 3 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ฝากทองคําแท่ง 96.5 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 3,075 บาท ตามสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3703
ครั้งที่ 2 ฝากทองคําแท่ง 99.99 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 77 กิโลกรัม หรือ 5,051 บาท ตามสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3706
ครั้งที่ 3 ฝากทองคําแท่ง 96.5 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 7,000 บาท
และเมื่อวันที่ 1 และ 2 เมษายน 2556 ฝากทองคําแท่ง 96.5 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 2,250 บาท และ 3,600 บาท ไว้ในชื่อผู้คัดค้านที่ 5 หรือ นายธรรมสรรค์หรือธรรมสันต์ จรัสวุฒิปรีดา ตามสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3711 และ 3713 ตามลําดับ รวมมีการฝากทองคําแท่งไว้กับทางร้านทองของบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด น้ำหนัก 20,976 บาท และมีการรับทองคําแท่งตามคําสั่งซื้อไปแล้วน้ำหนักรวม 7,904 บาท
ผู้ร้องมีนาย ร. กรรมการผู้มีอํานาจของบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด ที่ประกอบกิจการซื้อขายทองคําแท่งและเป็นกรรมการผู้มีอํานาจบริษัทในเครืออีก 5 บริษัท ที่ประกอบกิจการจําหน่ายทองรูปพรรณ เบิกความว่า วิธีการสั่งซื้อทองคําแท่งจากบริษัททางโทรศัพท์มีลูกค้า 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นสมาชิกจึงมีการบันทึกการซื้อขาย อีกกลุ่มไม่ใช่สมาชิกจะเป็นการสั่งซื้อแบบไม่มีรหัส
ผู้ถูกกล่าวหารู้จักกับบิดาของพยานมาประมาณ 10 ปี พยานรู้จักผู้ถูกกล่าวหาก่อนซื้อขายทองคําแท่งที่เกิดเหตุประมาณ 5 ปี ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหามีตําแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร และพยานรู้จักนางสาวพัชรีหรือเชอรี่ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาแนะนําให้รู้จักและฝากให้ดูแลเกี่ยวกับการซื้อขายทองผู้ถูกกล่าวหาซื้อทองคําแท่งจากบริษัทหลายครั้ง โดยพูดคุยสอบถามทางโทรศัพท์และชําระราคาด้วยเงินสดหรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารไม่เคยชําระด้วยแคชเชียร์เช็ค
การรับทองคําแท่งที่สั่งซื้อมีทั้งตัวแทนของผู้ถูกกล่าวหามารับหรือผู้ถูกกล่าวหาฝากทองไว้กับทางร้านหรือให้ส่งทองคําไปให้ โดยผู้ถูกกล่าวหาบอกพยานไม่ต้องรายงานการซื้อขายทองเกิน 2,000,000 บาท
พยาน จึงมิได้รายงานการซื้อขายต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พยานเห็นว่าการซื้อขายของผู้ถูกกล่าวหามีลักษณะแปลก จึงไม่ได้ลงบัญชีซื้อขายของบริษัทไว้
นางสาวพัชรี สั่งซื้อทองคําแท่งทางโทรศัพท์โดยบอกว่าเป็นหุ้นส่วนกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไม่มีเวลา
พยานตรวจสอบพบว่าการซื้อทองคําแท่งในชื่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นแบบไม่มีรหัส 15 ครั้ง ตามรายการจองซื้อ-คืนทอง การสั่งซื้อครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่ 11 และครั้งที่ 15 เป็นการซื้อด้วยเงินสด
การสั่งซื้อครั้งที่ 12 วันที่ 22 เมษายน 2556 มีการโอนเงินชําระราคาใน วันดังกล่าว 1 ครั้ง วันรุ่งขึ้น 7 ครั้ง
การสั่งซื้อครั้งที่ 13 วันที่ 29 เมษายน 2556 มีการโอนเงินชําระราคา 6 ครั้ง
การสั่งซื้อครั้งที่ 14 วันที่ 2 พฤษภาคม 2556 มีการโอนเงิน 4 ครั้ง
นางสาวพัชรีให้คนไปรับทองคําแทน โดยแจ้งชื่อคนไปรับและนําสลิปการชําระราคาไปแสดง
การสั่งซื้อครั้งที่ 1 ถึงครั้งที่ 11 และครั้งที่ 15 เป็นการซื้อด้วยเงินสด โดยการสั่งซื้อครั้งที่ 6 ที่ 7 และที่ 15 ไม่มีการรับทองคําแท่งไปแต่ฝากไว้ที่บริษัท
ครั้งที่ 6 และที่ 7 นางสาวพัชรีเป็นผู้สั่งซื้อและฝากทองคําไว้ในชื่อนายธรรมสรรค์
ครั้งที่ 15 ผู้ถูกกล่าวหาสั่งซื้อด้วยตนเองและฝากไว้ที่ร้านในนามผู้ถูกกล่าวหา
พยานทราบว่าผู้มารับทองคําแท่งเป็นตัวแทนของผู้ถูกกล่าวหาหรือนางสาวพัชรีเนื่องจากมารับตรงกับรายการที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือนางสาวพัชรีสั่งซื้อไว้
พยานให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน เห็นว่า แม้ทางไต่สวนของผู้ร้องได้ความจากนาย ร. ว่า ผู้ถูกกล่าวหา สั่งซื้อทองคําแท่งโดยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข XX หมายเลข XX หมายเลข XX หมายเลข XX ติดต่อกับนาย ร. ที่หมายเลข XXXX และไม่ปรากฏพยานหลักฐานรายการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ที่อ้างเป็นช่วงเวลาการสั่งซื้อก็ตาม
แต่ผู้ร้องยังมีพยานหลักฐานประกอบเป็นรายการจองซื้อไม่มีรหัส ที่ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้สั่งซื้อทองคําแท่งดังกล่าว โดยผู้ร้องยังมีนาย ป. พนักงานแผนกทองคําแท่งของ บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้จัดทําเอกสารดังกล่าวเบิกความสนับสนุนว่าพยานได้รับมอบหมายจากนาย ร. ให้บันทึกรายการซื้อทองคําแบบไม่มีรหัสไว้
โดยนาย ร. หรือผู้บริหารคนอื่นจะโทรศัพท์สั่งให้พยานหรือนาย ส. เจ้าหน้าที่แผนกทองคําแท่งรับรายการชื่อลูกค้า จํานวน ราคา พยานเป็นผู้เขียนรายการต่าง ๆ วันรุ่งขึ้นพยานจะพิมพ์เพื่อนําลงระบบคอมพิวเตอร์
พยานยังอธิบายถึงช่องรายการต่าง ๆ ในรายการจองซื้อไม่มีรหัส อันได้แก่ ช่องลําดับที่ ช่องชื่อ-สกุล แบ่งเป็นช่องลูกค้าและสายงาน/แผนกซึ่งจะเป็นผู้บริหารของบริษัทที่มีอํานาจรับคําสั่งซื้อเช่นนาย ร. ช่องราคาทอง ช่องน้ำหนัก ช่องผู้รับเรื่อง ช่องเครื่องซึ่งหมายถึงช่องทางติดต่อสั่งซื้อ ช่องเวลาซึ่งเป็นเวลาที่สั่งซื้อ ผู้ทํารายการ วันที่ซึ่งเป็นวันที่ชําระราคา และช่องผู้ตรวจซึ่งพยานเป็นผู้ลงลายมือชื่อไว้
แม้รายการจองซื้อไม่มีรหัสดังกล่าวบางฉบับเมื่อเปรียบเทียบระหว่างเอกสารหมายและเอกสารหมาย ค.121 มีบางจุดแตกต่างกันบ้าง
แต่นาย ป. เบิกความว่า เนื่องจากเอกสารเดิมชํารุดจึงจัดทําเอกสารขึ้นใหม่เท่านั้น และข้อความเป็นเช่นเดียวกับเอกสารเดิมเพราะนําข้อมูลเดิมที่บันทึกไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์มาพิมพ์ขึ้นใหม่ มิได้เป็นการแก้ไขข้อความแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับที่ นาย ร. เบิกความ
เมื่อพิจารณาเอกสารดังกล่าวมีการระบุรายการของแต่ละช่องครบถ้วนถือว่ามีรายละเอียดของการสั่งซื้อทองคําแท่งและที่มาที่ไปให้ทราบถึงผู้ซื้อ จํานวนและราคาทองคําแท่ง รวมถึงผู้ดําเนินการพอสมควรโดยเฉพาะในช่องที่ต้องระบุชื่อบุคคล ส่วนใหญ่มิได้ระบุชื่อจริงและไม่มีชื่อสกุลไม่ว่าเป็นชื่อผู้บริหารหรือพนักงานของบริษัท โดยเฉพาะชื่อลูกค้าและรายการจองซื้อไม่มีรหัสดังกล่าวส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ระบุในช่องลูกค้าว่า สาธิตบ้างหรือท่านสาธิตบ้างรวม 17 รายการ ปะปนกับชื่อลูกค้าอื่น
(ข้อมูลส่วนนี้ยังไม่จบ ติดตามรายละเอียดต่อตอนหน้า )
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
- อัยการส่งฟ้อง‘สาธิต-พวก’คดีแวต 4.3 พันล.-ศาลสั่งยึดทรัพย์‘สุวัฒน์’ 596 ล.ของแผ่นดิน
- ทองปริศนา 600 ล.โผล่? เบื้องหลังคดีรวยผิดปกติ‘สาธิต’-ป.ป.ช.ส่งเก็บที่ ธปท.
- ครั้งแรก! ป.ป.ช.ตรวจนับทองแท่ง 594 ล.‘สาธิต รังคสิริ’ของกลางคดีรวยผิดปกติ
- อัยการส่งฟ้อง‘สาธิต-พวก’คดีแวต 4.3 พันล.-ศาลสั่งยึดทรัพย์‘สุวัฒน์’ 596 ล.ของแผ่นดิน
- สั่ง‘สาธิต-อดีตซี 8-9’ชดใช้ 4 พันล.! เปิดผลสอบ กก.รับผิดทางละเมิด ก.คลังคดีคืนภาษี
- พิพากษายึด 31 ล.‘อดีตซี 9’รวยผิดปกติคดีคืนภาษี-อสส.สั่งฟ้องอาญา‘สาธิต-พวก’แล้ว
- ป.ป.ช.-อัยการตั้งคณะทำงานร่วมฯ ‘สาธิต-พวก’คดีทุจริตคืนภาษี ปมรวยผิดปกติไต่สวนในศาลแล้ว
- EXCLUSIVE: พฤติการณ์ 32 บ.คืนภาษีเท็จในสำนวน ก.คลังก่อนสั่ง ‘สาธิต-พวก’ชดใช้ 4 พันล.
- ป.ป.ช.-อัยการตั้งคณะทำงานร่วมฯ ‘สาธิต-พวก’คดีทุจริตคืนภาษี ปมรวยผิดปกติไต่สวนในศาลแล้ว
- สั่ง‘สาธิต-อดีตซี 8-9’ชดใช้ 4 พันล.! เปิดผลสอบ กก.รับผิดทางละเมิด ก.คลังคดีคืนภาษี
- ปิดคดีทุจริตคืนภาษี 4.3 พันล.ฟัน 6 ขรก. 28 เอกชน-4 บิ๊กรวยผิดปกติ 1.3 พันล.
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (1)
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (2)
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (3)