"...การที่ผู้ถูกกล่าวหาตรวจสอบ สั่งให้สํานักงานสรรพากรภาค สั่งการให้สํานักงานสรรพากรพื้นที่ดําเนินการตรวจสอบการเสียภาษีของผู้ประกอบการส่งออกเศษโลหะหรือผู้ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยและติดตามความคืบหน้าให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบเป็นประจําทุกเดือน หรือผู้ถูกกล่าวหามีข้อขัดแย้งกับผู้อื่นไม่ใช่หลักฐานที่แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของผู้ถูกกล่าวหา นางสาว พ. และ นาย ธ. มิได้โต้เถียงว่าทองคําแท่งดังกล่าวมิใช่ของผู้ถูกกล่าวหา ส่วนผู้ถูกกล่าวหานําสืบว่า ทองคําแท่งดังกล่าวมิใช่ของตนโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน มีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานของผู้ร้องที่นําสืบมามีน้ำหนัก ดีกว่า..."
.....................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขแดงที่ อร 2/2562 ระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) ผู้ร้อง นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ผู้ถูกกล่าวหา คดีร่ำรวยผิดปกติ
โดยศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้รายการสั่งซื้อทองคำแท่ง ในชื่อของนายสาธิต กับบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 ราย มูลค่า 607,239,100 บาท โดยเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของนายสาธิต ที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
นอกจากนี้ ในส่วนของทรัพย์สินรายการอื่น ๆ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำขอไปนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ตกเป็นของแผ่นดินอีกหลายรายการด้วย
หลังจากที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาให้ทรัพย์สินของนายสาธิต ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ยกเว้นในส่วนของทองคำแท่งจำนวน 318 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ
อย่างไรก็ดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้อายัดทองคำแท่งดังกล่าวไว้ก่อนเพื่อนำไปเก็บไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อตรวจสอบภายหลัง ขณะเดียวกันได้มีมติให้ อสส. อุทธรณ์คดีดังกล่าวต่อไป
@ ครั้งแรก! ป.ป.ช.ตรวจนับทองแท่ง ‘สาธิต รังคสิริ’ของกลางคดีรวยผิดปกติ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา สืบค้นคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้รายการสั่งซื้อทองคำแท่ง ในชื่อของ นายสาธิต กับบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 ราย มูลค่า 607,239,100 บาท
โดยเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของนายสาธิต ที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
มีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้
คดีนี้ มีผู้ร้อง คือ อัยการสูงสุด
ผู้คัดค้าน คือ มี 6 ราย คือ นางกาญจนา รังคสิริ ผู้คัดค้านที่ 1 นายสฤต รังคสิริ ผู้คัดค้านที่ 2 นายโสฬส รังคสิริ ผู้คัดค้านที่ 3 บริษัท สิริกาญจนา จำกัด ผู้คัดค้านที่ 4 นายธรรมสรรค์ จรัสวุฒิปรีดา ผู้คัดค้านที่ 5 และ นายสาธิติ รังคสิริ ผู้ถูกกล่าวหา
ศาลอุทธรณ์ฯ ระบุว่า คดีนี้ มีปัญหาวินิจฉัยประการแรก ตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า ทรัพย์สินข้อ 1 ในชื่อผู้ถูกกล่าวหา ตามรายการสั่งซื้อทองคําแท่งในชื่อผู้ถูกกล่าวหากับบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จํากัด รวม 15 รายการ เป็นเงิน 607,239,100 บาท เป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่
ปัญหานี้ ผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของผู้ถูกกล่าวหา แต่ผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธ ภาระการพิสูจน์ตกแก่ผู้ร้อง
ผู้ร้องมี นาย ร. เป็นพยานเบิกความว่า เป็นกรรมการผู้มีอํานาจในบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จํากัด ประกอบกิจการซื้อขายทองคําแท่ง และเป็นกรรมการผู้มีอํานาจบริษัทในเครืออีก 5 บริษัท ประกอบกิจการจําหน่ายทองรูปพรรณ
นาย ร. เบิกความว่า รู้จักกับผู้ถูกกล่าวหาก่อนซื้อขายทองคําแท่งที่เกิดเหตุประมาณ 5 ปี รู้จักนางสาว พ. เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาแนะนําให้รู้จักและฝากให้ดูแลเกี่ยวกับการซื้อขายทอง
ผู้ถูกกล่าวหา เคยซื้อทองคําแท่งจากบริษัทฮั่วเซ่งเฮงคอมโมดิทัช จํากัด หลายครั้ง โดยพูดคุยสอบถามทางโทรศัพท์
ผู้ถูกกล่าวหา ชําระราคาด้วยเงินสดหรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ไม่เคยชําระด้วยแคชเชียร์เช็ค
นางสาว พ. เคยพูดว่า เข้าหุ้นซื้อขายทองคําแท่งกับผู้ถูกกล่าวหา การรับทองคําแท่งที่ผู้ถูกกล่าวหาสั่งซื้อมีทั้งมารับจากร้านโดยมีตัวแทนมารับ หรือฝากทองไว้กับร้านหรือส่งทองไปให้
ผู้ถูกกล่าวหาบอกกับ พยานว่า ไม่ต้องรายงานการซื้อขายทองเกิน 2,000,000 บาท พยานมิได้รายงานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ง. พยานเห็นว่าการซื้อขายทองของผู้ถูกกล่าวหาแปลก ๆ จึงมิได้ลงบัญชีซื้อขายของร้านไว้
@ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นราชการชั้นผู้ใหญ่ไม่มีเวลา
นาย ร. เบิกความว่า สำหรับการซื้อขายทองคําแท่งทางโทรศัพท์ มีลูกค้า 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก เป็นสมาชิกจะมีการบันทึก การซื้อขาย
อีกกลุ่มหนึ่งไม่ใช่สมาชิกเรียกว่าการสั่งซื้อแบบไม่มีรหัส
ขณะที่ นางสาว พ. สั่งซื้อทองคําแท่งทางโทรศัพท์ โดยบอกว่าเป็นหุ้นส่วนกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไม่มีเวลา
พยานตรวจสอบพบว่า มีการซื้อขายทองคําแท่งในชื่อของผู้ถูกกล่าวหาแบบไม่มีรหัส 15 ครั้ง
โดยสั่งซื้อครั้งที่ 12 วันที่ 22 เมษายน 2556 มีการโอนเงินชําระราคา ในวันนั้น 1 ครั้ง วันรุ่งขึ้น 7 ครั้ง การสั่งซื้อครั้งที่ 13 วันที่ 29 เมษายน 2556 มีการโอนเงินชําระราคา 6 ครั้ง
การสั่งซื้อครั้งที่ 14 วันที่ 2 พฤษภาคม 2556 มีการโอนเงินชําระราคา 4 ครั้ง นางสาว พ. ให้คนไปรับแทนโดยแจ้งชื่อคนไปรับและนําสลิปการชําระราคาไปแสดง
การสั่งซื้อครั้งที่ 1 ถึงที่ 11 และครั้งที่ 15 เป็นการซื้อด้วยเงินสด
การสั่งซื้อครั้งที่ 6 ที่ 7 และที่ 15 ไม่ได้รับทองคําแท่งไป แต่ฝากไว้ที่ร้าน
โดยครั้งที่ 6 ที่ 7 นางสาว พ. สั่งซื้อและฝากในชื่อของนาย ธ.
การสั่งซื้อครั้งที่ 15 ผู้ถูกกล่าวหาสั่งซื้อด้วยตนเองและฝากไว้ที่ร้านในนามของตนเอง
พยานทราบว่า ผู้มารับทองคําแท่งเป็นตัวแทนของผู้ถูกกล่าวหาหรือ นางสาว พ. เนื่องจากมารับตรงกับรายการที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือนางสาว พ. สั่งซื้อไว้
ขณะที่ นาย ว. พยานอีกราย เบิกความว่า พยานเป็นอนุกรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหา จากการไต่สวนคณะอนุกรรมการไต่สวนมีความเห็นว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการขอคืนภาษีโดยมิชอบโอนเงินชําระค่าทองคําแท่งแก่นาย ร. ในนามของผู้ถูกกล่าวหา
เชื่อว่า ผู้ถูกกล่าวหา ได้รับประโยชน์ จากการขอคืนภาษีแล้วนําไปซื้อทองคําแท่ง
นาย ท. พยานอีกราย เบิกความว่า พยานเป็นผู้จัดการใหญ่บริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จํากัด เกี่ยวข้องกับใบจองทองคํา แท่งเลขที่ 3703, 3706, 3707 โดยลงชื่อเป็นผู้รับจอง
นาย ป. พยานอีกราย เบิกความว่า พยานเป็นพนักงานบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จํากัด แผนกทองคําแท่ง มีนาย ร. เป็นเจ้าของ นาย ร. เคยสั่ง พยานว่า ผู้ถูกกล่าวหาสั่งซื้อทองคําแท่งแบบไม่มีรหัสจากร้าน พยานเขียนใบจองหลายครั้ง มีกรณีซื้อแล้วรับทองคําแท่งไปรับทองคําแท่งไป ซื้อแล้วฝากไว้
ส่วนการนําทองคําแท่ง 99.99 เปอร์เซ็นต์มา ฝากไว้มีครั้งเดียว น้ำหนักประมาณ 77 กิโลกรัม พยานให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน เห็นว่า การสั่งซื้อทองคําแท่งของผู้ถูกกล่าวหาแต่ละครั้งมีจํานวนมาก นับว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ย่อมอยู่ในความสนใจของพยาน
ผู้ร้องเชื่อว่า พยานผู้ร้องจําเหตุการณ์ได้ พยานผู้ร้องไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ถูกกล่าวหาและเบิกความสอดคล้องกับที่ให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนเชื่อว่า เบิกความและให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนตามความจริง
@ หลักฐานเบอร์โทรศัพท์มัด
นาย ร. กรรมการผู้มีอํานาจในบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จํากัด ให้ถ้อยคำว่า ผู้ถูกกล่าวหา ใช้โทรศัพท์ จำนวน 5 หมายเลข ติดต่อซื้อขายทองคําแท่งกับนาย ร. ตรงตามที่ผู้ถูกกล่าวหาให้ถ้อยคําว่าเป็นผู้ใช้โทรศัพท์ ดังกล่าว ติดต่อกับ นาย ร. ตามรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริง
แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันการใช้โทรศัพท์ว่าหมายเลขใดติดต่อวันและเวลาใด เนื่องจากบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์แจ้งว่าเก็บข้อมูลไว้ ประมาณ 5 เดือน
การที่มีการนำทองคําแท่งไปส่งให้ผู้ถูกกล่าวหาประมาณ 2 ถึง 3 ครั้ง คิดราคาทองคําแท่ง เป็นเงิน 700,000 ถึง 800,000 บาท ไม่ถึงหลักล้านบาท
อาจเป็นเพราะการซื้อขายทองคําแท่งผู้ถูกกล่าวหาติดต่อกับนาย ร. โดยตรง ผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
การที่บริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัชจํากัด มิได้รายงานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ง. และมิได้ลงรายการงบการเงินประจําปีงบประมาณ 2556 ของบริษัท มิได้จัดให้ลูกค้าแสดงตนก่อนหรือหลังจากการทําธุรกรรมอาจเป็นเพราะทําตามที่ผู้ถูกกล่าวหาต้องการก็เป็นได้
เอกสารรายการจองซื้อไม่มีรหัสเป็นเอกสารภายในของบริษัทฮั่วเซ่งเฮงคอมโมดิทัช จํากัด น่าจะทําไว้ใช้ในการส่งมอบทองคําแท่ง ข้อความที่บันทึกไว้ย่อมถูกต้องตรงความจริง การซื้อทองคําแท่งครั้งที่ 1 ถึงที่ 11 และครั้งที่ 15 เป็นการซื้อด้วยเงินสด
แม้มิได้บันทึกว่าคนที่มารับทองคําแท่งแทนผู้ถูกกล่าวหาเป็นใคร แต่มารับตรงกับรายการและจํานวนเงินที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือนางสาว พ. สั่งซื้อไว้
แสดงว่ามารับแทนจริง รายการจองซื้อไม่มีรหัสครั้งที่ 12 ถึงที่ 14 นางสาว พ. ให้คนไปรับแทนโดยแจ้งชื่อคนไปรับและนําสลิปการชําระราคาไปแสดง
ซึ่งนางสาว พ. นี้ผู้ถูกกล่าวหาแนะนําให้นาย ร. รู้จักและฝากให้ดูแลเกี่ยวกับการซื้อขายทอง เป็นไปได้ว่านางสาว พ. ซื้อแทนผู้ถูกกล่าวหา ตามรายการสําเนาใบจองทองคําแท่งทั้ง 5 ฉบับ ระบุชื่อ ท่านสาธิต รังคสิริ 3 ฉบับ ระบุชื่อ คุณ ธ. 2 ฉบับ
นาย ร. ยังได้เบิกความตอบทนายผู้ถูกกล่าวหาถามว่า คนที่สั่งซื้อและจ่ายเงินกับผู้ที่ปรากฏชื่อในใบจองเป็นคนละคนกันก็ได้ รายการสั่งซื้อที่ระบุชื่อนาย ธ. เฉพาะนาย ธ. มีสิทธิรับทองจํานวนนี้จากทางร้าน นางสาว พ. และผู้ถูกกล่าวหาไม่มีสิทธิขอรับทองจํานวนนี้ และหากไม่มีการสั่งอายัดทองคําแท่งตามใบจองดังกล่าวพยานจะสอบถามไปยังนางสาว พ. อีกครั้งว่า บุคคลที่ชื่อ ธ. ตัวตนที่แท้จริงที่นางสาว พ. ต้องการให้เป็นผู้รับทองคําแท่งนั้นเป็นใครกันแน่
@ ‘สาธิต รังคสิริ’ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร
เมื่อนางสาว พ. ยืนยันว่าเป็นใครกันแน่ที่ถูกต้องแท้จริง พยานจะคืนทองให้แก่บุคคลนั้น
แต่จะไม่คืนให้แก่ นางสาว พ. เห็นได้ว่าเมื่อใส่ชื่อบุคคลใดแล้ว บุคคลอื่นไม่มีสิทธิรับทองคําแท่งที่สั่งซื้อนี้มีจํานวนมากและมีมูลค่าสูง หากผู้สั่งซื้อไม่ไว้ใจใคร ผู้สั่งซื้อย่อมไม่ใส่ชื่อบุคคลอื่นแทนเป็นแน่
เป็นไปไม่ได้ที่จะแกล้งใส่ชื่อผู้ถูกกล่าวหา การสั่งซื้อครั้งที่ 6 และที่ 7 นางสาว พ.สั่งซื้อ และฝากในชื่อของนาย ธ. ครั้งที่ 15 ใส่ชื่อของผู้ถูกกล่าวหา มีลักษณะกระจายการเป็นเจ้าของ
ตามพฤติการณ์เห็นได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหา นางสาว พ. และนาย ธ. อยู่ในกลุ่มเดียวกัน หากทองคําแท่งเป็นของบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จํากัด แล้วใส่ชื่อของผู้ถูกกล่าวหาไว้อันเป็นการโยนความผิด
นาย ร. ต้องแก้ไขเอกสารในชื่อของผู้ถูกกล่าวหาเพื่อมิให้ทองคําแท่งตกเป็นของแผ่นดิน คงไม่ทิ้งหลักฐานไว้เช่นนี้
@ หลักฐานอสส. นำสืบมีน้ำหนัก ดีกว่า
การที่ผู้ถูกกล่าวหาตรวจสอบ สั่งให้สํานักงานสรรพากรภาค สั่งการให้สํานักงานสรรพากรพื้นที่ดําเนินการตรวจสอบการเสียภาษีของผู้ประกอบการส่งออกเศษโลหะหรือผู้ที่มีพฤติกรรมน่าสงสัยและติดตามความคืบหน้าให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบเป็นประจําทุกเดือน หรือผู้ถูกกล่าวหามีข้อขัดแย้งกับผู้อื่นไม่ใช่หลักฐานที่แสดงว่าทรัพย์สินไม่ใช่ของผู้ถูกกล่าวหา นางสาว พ. และ นาย ธ. มิได้โต้เถียงว่าทองคําแท่งดังกล่าวมิใช่ของผู้ถูกกล่าวหา
ส่วนผู้ถูกกล่าวหานําสืบว่า ทองคําแท่งดังกล่าวมิใช่ของตนโดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน มีน้ำหนักน้อย
พยานหลักฐานของผู้ร้องที่นําสืบมามีน้ำหนัก ดีกว่า
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาซื้อทองคําแท่งในชื่อของผู้ถูกกล่าวหา แบบไม่มีรหัส 15 ครั้ง และผู้ถูกกล่าวหาเข้าครอบครองแล้ว ทองคําแท่งดังกล่าวเป็นของผู้ถูกกล่าวหา
อุทธรณ์ของผู้ร้องข้อนี้ฟังขึ้น
ส่วนประเด็นปัญหาวินิจฉัยประการต่อไปตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า ทรัพย์สิน ข้อ 1 ในชื่อผู้ถูกกล่าวหา ตามรายการสั่งซื้อทองคําแท่งในชื่อผู้ถูกกล่าวหากับบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัช จํากัด รวม 15 รายการ เป็นเงิน 607,239,100 บาท เป็นทรัพย์สินที่เกิดจากการร่ำรวยผิดปกติของผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่
รายละเอียดเป็นอย่างไร ขอนำเสนอในตอนต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/