‘คณะกรรมการกฤษฎีกา’ ชุด ‘มีชัย’ ไม่รับพิจารณาข้อหารือ ปม ‘นพ.สรณ’ ขาดคุณสมบัติ-มีลักษณะต้องห้าม นั่งเก้าอี้ ‘ประธาน กสทช.-กรรมการ กสทช.’ ชี้เป็นอำนาจ ‘บอร์ดสรรหาฯกสทช.’ ขณะที่ ‘สภาผู้บริโภค’ ร่อนหนังสือเรียกร้อง ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่'
...................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2568 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอหารือในประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย กรณีมีผู้ร้องเรียนว่า ศ.คลินิก นพ.สรณ ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งประธาน กสทช. และขั้นตอนในการดำเนินการต่างๆเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างไร
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) ได้พิจารณาเรื่องนี้ และมีมติไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการสรรหา กสทช. ที่จะพิจารณาในเรื่องนี้
“คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่รับพิจารณาเรื่องดังกล่าว และเห็นว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการสรรหา กสทช. ในการพิจารณาเรื่องนี้” แหล่งข่าวกล่าวกับสำนักข่าวอิศรา
สำหรับหนังสือของ สลน. ที่ขอหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นข้อกฎหมาย กรณีการขาดคุณสมบัติของ ศ.คลินิก นพ.สรณ ในการดำรงตำแหน่งประธาน กสทช. นั้น ประกอบด้วย 3 ประเด็น ได้แก่
1.ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 หากมีผู้ร้องในกรณีดังกล่าว ตามมาตรา 20 การขาดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย นายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว สามารถพิจารณาเพื่อนำความกราบบังคมทูลได้หรือไม่ โดยมีเหตุผล หลักกฎหมาย และระเบียบเกี่ยวข้องสนับสนุนความเห็นอย่างไร
2.ในกรณีจะต้องมีการวินิจฉัยชี้ขาดว่า ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯหรือไม่ องค์กรใดหรือผู้ใดมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาวินิจฉัย โดยเหตุผล หลักกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องสนับสนุนในการใช้อำนาจพิจารณาวินิจฉัยอย่างไร
3.โดยที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้มีหนังสือแจ้งสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาวินิจฉัยตามกรณีดังกล่าว การพิจารณากรณีปัญหาการพ้นจากตำแหน่งของประธาน กสทช. ที่ดำรงตำแหน่งแล้ว เป็นหน้าที่อำนาจของผู้ใด หรือองค์กรใดเป็นการเฉพาะ องค์กรใดเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องหน้าที่และอำนาจดังกล่าวนี้
ก่อนหน้านี้ นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏรูประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ 0018.11/4489 เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาดำเนินการ กรณี ศ.คลินิก นพ.สรณ ซึ่งดำรงตำแหน่งของประธานกรรมการ กสทช. อาจเป็นการขัดต่อบทบัญญัติองค์ประกอบ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ กสทช.
ทั้งนี้ เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงและหลักฐานตามสื่อสาธารณะโดยทั่วไปว่า มีการปฏิบัติงานในฐานะพนักงานมหาวิทยาลัย รวมทั้งดำรงตำแหน่งวิชาชีพอื่นๆ จึงเป็นเหตุให้ ศ.คลินิก นพ.สรณ พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว (อ่านประกอบ : จี้‘นายกฯ’ปฏิบัติตามกม.! ‘กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ’ชี้‘สรณ’ส่อมีลักษณะต้องห้ามเป็น‘กสทช.’)
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2568 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีการขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช. เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีการขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช. จึงดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว และมีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2566 ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีการสรรหาและลงมติคัดเลือกคณะกรรมการ กสทช. และในวันที่ 13 เม.ย.2565 มีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งคณะกรรมการ กสทช. โดยมี ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ เป็นประธาน กสทช. ต่อมาในวันที่ 28 ก.ย.2566 มีผู้ร้องเรียน กรณี ศ.คลินิก นพ.สรณ ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งประธาน กสทช. ต่อวุฒิสภา
และผลการตรวจสอบฯปรากฏข้อเท็จจริงว่า ขณะดำรงตำแหน่งประธาน กสทช. นั้น ศ.คลินิก นพ.สรณ ยังประกอบวิชาชีพอิสระและทำหน้าที่รักษาคนไข้อยู่ จึงส่งผลให้ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 7 มาตรา 8 ประกอบมาตรา 18 และมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ลงวันที่ 26 มิ.ย.2568 เพื่อขอหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีการขาดคุณสมบัติของประธาน กสทช. ใน 3 ประเด็น ได้แก่
1.ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 20(4)(5) แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ภายหลังโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว บุคคลดังต่อไปนี้ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา หรือสานักงาน กสทช. จะเป็นผู้ดำเนินการกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม รวมไปถึงการวินิจฉัยกรณี ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. เป็นผู้ขาดสมบัติหรือรักษาต้องห้ามได้ และแจ้งผลให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง
2.ตามกรณี 1.หากวุฒิสภา เป็นผู้ดำเนินการกระบวนการตรวจสอบคุณลักษณะหรือลักษณะต้องห้าม รวมทั้งวินิจฉัยว่า ประธาน กสทช. หรือกรรมการ กสทช. เป็นบุคคลที่มีการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม บุคคล ดังต่อไปนี้ ได้แก่ กรรมการสรรหา หรือกรรมาธิการที่วุฒิสภามอบหมาย ผู้ใดจะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบและวินิจฉัยการขาดคุณสมบัติหรือการมีลักษณะต้องห้ามหรือการดำเนินการฝ่าฝืนดังกล่าว
3.กรณีตามมาตรา 20 วรรคท้าย แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มีหนังสือแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และดำเนินการจัดให้มีการเลือกกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งนั้น เป็นกระบวนการภายหลังจากนายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งประธาน กสทช.หรือกรรมการ กสทช. หรือไม่
หรือเป็นขั้นตอนกระบวนการเริ่มต้นในการตรวจสอบคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม หรือกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน โดยไม่แจ้งให้สำนักงานเลขาวุฒิสภาทราบ เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 20 วรรค 2 และวรรคท้ายควบคู่กันไปหรือไม่ประการใด
สำหรับคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ,นายอาษา เมฆสวรรค์ เป็นรองประธาน , ส่วนกรรมการ ได้แก่ นายอารีย์ วงศ์อารยะ ,นายปรีชา วัชราภัย ,นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ ,นายประสพสุข บุญเดช ,นายดิสทัต โหตระกิตย์ , นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ,หม่อมหลวง ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ และนายกฤษฎา บุญราช
ด้าน นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา สภาผู้บริโภค ได้ยื่นหนังสือด่วนถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เรียกร้องให้ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ประธาน กสทช. และกรรมการ กสทช. ในระหว่างที่อยู่ในกระบวนการเสนอให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พ้นจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ เนื่องจาก ศ.คลินิก นพ.สรณ มีลักษณะต้องห้ามและขาดคุณสมบัติตามมาตรา 8 (2) ของ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 เพราะมีสถานะเป็น “พนักงานหรือลูกจ้าง” มหาวิทยาลัยมหิดล ในระหว่างทำหน้าที่เป็นประธาน กสทช. ตามมติของคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา
“การพิจารณาใดๆ ของ กสทช. ที่อาจมีผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภค หากดำเนินการโดยบุคคลที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามย่อมไม่ชอบธรรม โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและสำคัญ” นายอิฐบูรณ์ กล่าว
นายอิฐบูรณ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อขอความชัดเจน ในขั้นตอนการดำเนินการให้พ้นจากตำแหน่งของ ศ.คลินิก นพ.สรณ โดยไม่ได้มีการตั้งประเด็นว่า ขาดคุณสมบัติหรือไม่ เนื่องจากตามกฎหมายแล้ว การพ้นจากตำแหน่งจะมีผลย้อนหลังไปยังวันที่ที่บุคคล นั้น ขาดคุณสมบัติและเข้าลักษณะต้องห้าม
อ่านประกอบ :
จี้‘นายกฯ’ปฏิบัติตามกม.! ‘กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ’ชี้‘สรณ’ส่อมีลักษณะต้องห้ามเป็น‘กสทช.’
'โรม' ถาม รบ.เวลาผ่านไป 7 เดือน ไฉนไม่สอบคุณสมบัติ ปธ.กสทช.-รมว.ดีอีโยนศาล รธน.วินิจฉัย
เผือกร้อน‘ประธานวุฒิสภา’ ชี้ขาด‘ปธ.กสทช.’ขาดคุณสมบัติ?-‘สรณ’โต้‘กมธ.’บิดเบือน-อคติ
‘สนง.วุฒิสภา’ชี้‘กมธ.ไอซีที’มีอำนาจตรวจคุณสมบัติ ‘ปธ.กสทช.’โดยชอบด้วย‘รธน.-ข้อบังคับฯ’
‘กมธ.ไอซีที’วุฒิฯ แพร่บันทึกประชุม ชี้‘นพ.สรณ’มีลักษณะต้องห้าม-ขาดคุณสมบัติเป็น‘กสทช.’
ส่ง'ปธ.ศ.อุทธรณ์'วินิจฉัยเขตอำนาจศาลฯ หลังรับฟ้องคดี‘4 กสทช.’เปลี่ยน‘รักษาการเลขาฯ’มิชอบ
‘กมธ.ไอซีที-นักกฎหมาย’ชี้‘สรณ’ขาดคุณสมบัติ‘กสทช.’-‘สภาผู้บริโภค’โชว์หนังสือรับค่าตอบแทน
‘กมธ.ไอซีที’จ่อสรุปผลสอบฯลักษณะต้องห้าม‘ปธ.กสทช.’-'สรณ'ยันคุณสมบัติถูกต้องก่อนทูลเกล้าฯ
'ครป.-สภาผู้บริโภค'ออกแถลงการณ์ เรียกร้องเปิด'หลักฐาน'คุณสมบัติต้องห้าม‘ประธานฯกสทช.’
เลขาฯโชว์คำสั่ง‘สรณ’ลาออก‘รพ.รามาฯ’มีผล 8 ม.ค.65 ตอกย้ำ‘ปธ.กสทช.’ไม่มีลักษณะต้องห้าม
เลขาฯยัน‘สรณ’ไม่มีลักษณะต้องห้าม-'ม.มหิดล’แจงเป็น‘พนง.มหาวิทยาลัย’ก่อนเป็น'ปธ.กสทช.'1 วัน
‘วุฒิสภา’มีมติส่งผลศึกษาฯปมสรรหา‘เลขาฯกสทช.’ช้า ให้‘ป.ป.ช.’-สว.เผย‘นพ.สรณ’ส่อพ้นเก้าอี้
'นพ.สรณ' ร้อง ‘ปธ.วุฒิสภา’ ตรวจสอบ ‘กมธ.เทคโนโลยีฯ’ ก้าวก่าย-แทรกแซงหน้าที่ ‘ปธ.กสทช.’
ชง‘วุฒิสภา’ 1 เม.ย.ถกผลศึกษาฯปมแต่งตั้ง‘เลขาธิการ กสทช.’ล่าช้า-เสนอ‘ป.ป.ช.’เปิดไต่สวนฯ
