‘สภาผู้บริโภค’ ค้าน ‘กสทช.’ ไฟเขียวรวมธุรกิจเน็ตบ้าน AWN-3BB ชี้อาจทำให้ผู้บริโภคจ่ายแพงขึ้น 9.5-22.9% พร้อมเผยหลังควบรวม ‘TRUE-DTAC’ พบมีการฉวยโอกาสเปลี่ยน ‘แพคเกจ’ โดยไม่สมัครใจ
......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นัดพิเศษ วันที่ 10 พ.ย.นี้ ที่ประชุม กสทช. มีวาระพิจารณาสำคัญ คือ เรื่อง การรายงานการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN บริษัทลูกของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (ADVANC) หรือ AIS และบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน)
ก่อนหน้านี้ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ในการประชุม กสทช. วันที่ 10 พ.ย.นี้ ที่ประชุมน่าจะมีมติ ‘รับทราบ’ การรวมธุรกิจระหว่าง AWN และ 3BB ส่วนการกำหนดมาตรการเฉพาะนั้น ไม่จำเป็นว่าที่ประชุม กสทช. จะต้องกำหนดมาตรการเฉพาะออกมาวันนั้นเลย หรือหากมีการกำหนดมาตรการเฉพาะในวันนั้นไปแล้ว ก็สามารถกำหนดมาตรการเฉพาะเพิ่มเติมในภายหลังได้
“เป็นการรับทราบการรวมธุรกิจ มันอยู่ที่กฎหมาย ส่วนมาตรการเฉพาะนั้น สามารถออกตามมาได้ ไม่จำเป็นต้องกำหนดวันนั้น และไม่มี (กฎหมาย-ระเบียบ) ข้อไหนที่บอกว่า ต้องอนุญาตให้ควบรวมธุรกิจ แม้ว่ากฎหมายอื่นจะเขียนไว้ แต่ถามว่าบังคับใช้อยู่หรือเปล่า จะกลับไปบังคับใช้ได้หรือไม่” ศ.คลินิก นพ.สรณ กล่าวเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือ ‘สภาผู้บริโภค’ เผยแพร่เอกสารข่าวเมื่อวันที่ 8 พ.ย. โดยมีเนื้อหาว่า ตามที่ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สรณ บุญใบชัยพฤษ์ ได้จัดแถลงข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้อ้างว่าตนเองไม่มีอำนาจในการอนุญาตให้ควบรวมบริการอินเตอร์เน็ตระหว่างบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN กับบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB นั้น
สภาผู้บริโภคเห็นว่าเป็นการชี้นำ แสดงความไม่เป็นกลางของประธาน กสทช. ในกรณีดังกล่าว เสมือนหนึ่งว่าการพิจารณานี้ ประธานเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการตัดสินมิใช่องค์คณะกรรมการกสทช. ซึ่งมีกรรมการทั้งสิ้น 7 คน (รวมประธาน)
การแสดงทีท่าดังกล่าวนี้ขัดแย้งกับความเห็นนักวิชาการด้านกฎหมาย นักการเมือง นักวิชาการจากสถาบันทีดีอาร์ไอ และองค์กรของผู้บริโภค ที่มีความเห็นสอดคล้องกันว่าเป็นอำนาจของคณะกรรมการ กสทช. ทั้งคณะ มิใช่อำนาจของประธาน กสทช.เพียงคนเดียว ในการพิจารณาเรื่องการถือครองธุรกิจประเภทเดียวกันหรือการควบรวม และบริษัทที่แสดงความจำนงที่จะควบรวมก็ขอให้ กสทช. เป็นผู้พิจารณาการควบรวมดังกล่าว
จะเห็นได้ว่า หากประธานลุแก่อำนาจพิจารณาว่า กสทช.ไม่มีอำนาจอนุญาต ทำได้แค่รับทราบ จะเป็นการกระทำที่ซ้ำรอยในการสร้างความเสียหายให้แก่ผู้บริโภคเป็นครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกได้มีการรวบรัดสรุปมติ รับทราบ ในการควบรวมค่ายมือถือยักษ์สองค่ายคือ ทรู และ ดีแทค ในเดือน ต.ค.2565 ที่ภายหลังได้ปรากฏผลความเสียต่อผู้บริโภคอย่างเป็นที่ประจักษ์
“การแสดงออกที่เป็นการชี้นำ และไม่กลางของประธานเท่ากับเป็นการเปิดทางให้เกิดการผูกขาดมากขึ้นในกิจการโทรคมนาคม สร้างการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างยากที่จะแก้ไขได้ หาก กสทช. ปฎิเสธการทำหน้าที่กำกับกิจการโทรคมนาคม สภาผู้บริโภคขอเรียกร้องให้ท่านยุติการทำหน้าที่ และลาออกจากตำแหน่งโดนทันที” เอกสารข่าวระบุ
เอกสารข่าวระบุว่า สืบเนื่องจากการศึกษาของ 101 Policy Research ร่วมกับสภาผู้บริโภค จะเห็นได้ว่า ผลกระทบต่อผู้บริโภคที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวมระหว่าง AIS และ 3BB อย่างกว้างขวาง เช่น
1.จะกระทบต่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบ้านแตกต่างกันตามพื้นที่ ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้นระหว่าง 9.5%-22.9% ในพื้นที่ที่ทั้งสองรายแข่งขันทับซ้อนกันและมีคู่แข่งน้อย
2.ผู้ให้บริการโทรคมนาคมมีแนวโน้มพ่วงบริการอินเทอร์เน็ตบ้านกับโทรศัพท์มือถือมากขึ้น ซึ่งจะเหลือค่ายโทรศัพท์มือถือ 2 ค่ายใหญ่ที่มีศักยภาพ คู่แข่งรายอื่นตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านจะแข่งขันได้น้อยลง ในอนาคต ตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านอาจเหลือผู้เล่นหลัก 2 รายตามค่ายโทรศัพท์มือถือ
3.กสทช. ต้องกำกับให้ตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านและโทรศัพท์มือถือแข่งขันแยกกัน โดยมีบริการแยกเดี่ยวที่เป็นทางเลือกได้จริงสำหรับผู้บริโภค และส่งเสริมให้มีการแข่งขันในตลาดอินเทอร์เน็ตบ้านในทุกพื้นที่
สภาผู้บริโภค จึงขอให้ กสทช. พิจารณาและใช้อำนาจของคณะกรรมการในการพิจารณาเรื่องนี้ โดยไม่อนุญาตให้ถือครองธุรกิจประเภทเดียวกันหรือไม่อนุญาตให้เกิดการควบรวมในครั้งนี้
@พบฉวยโอกาสเปลี่ยน‘แพคเกจ’โดยผู้บริโภคไม่สมัครใจ
เอกสารข่าวระบุด้วยว่า ในส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วจากการควบรวมธุรกิจประเภทเดียวกันของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค พบว่า บริษัทใหม่ที่เกิดหลังการควบรวม คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉวยโอกาสเปลี่ยนแปลงแพคเกจให้ผู้บริโภคโดยไม่สมัครใจ ทำให้ราคาแพงขึ้นรายละ 100 บาท สร้างภาระให้ผู้บริโภคต้องร้องเรียนโดยไม่มีความจำเป็น มีการลดคุณภาพระบบอินเตอร์เน็ตลงจนเป็นปัญหาการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ส่งไลน์และข้อมูล มีปัญหาการใช้งานด้านโทรศัพท์เกิดอาการติดๆดับๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ กสทช. ไม่สามารถดำเนินการบังคับใช้ เงื่อนไขการควบรวมตามข้อตกลงที่กระทำไว้กับทั้งสองบริษัทได้ เช่น เรื่องอัตราค่าบริการและสัญญาการให้บริการ ได้แก่
1.การกำหนดเพดานราคาของอัตราค่าบริการเฉลี่ย ก. โดยลดอัตราค่าบริการเฉลี่ยลดลงร้อยละ 12 ภายใน 90 วันหลังจากมีการควบรวม ข. ให้มีทางเลือกของราคาที่แยกรายบริการเพื่อให้เป็นทางเลือก ค. ให้นำส่งข้อมูลต้นทุนและข้อมูลที่จำเป็นโดยให้มีหน่วยงานตรวจสอบ ง. ให้ผู้แจ้งการรวมธุรกิจประกาศให้ผู้ใช้บริการรับทราบ เพื่อมีการตรวจสอบและมีบทลงโทษกรณีทำไม่ได้ เช่น ปรับเป็นจำนวนร้อยละของรายได้ หรือปรับเป็นขั้นบันได และเพิกถอนใบอนุญาต
2.การกำหนดราคาค่าบริการ โดยใช้ราคาเฉลี่ยทางเศรษฐศาสตร์ (Average Cost Pricing)
3.การคงทางเลือกของผู้บริโภค การกำหนดให้บริษัท บริษัท ทรู มูฟ เอช คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) และบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) ยังคงแบรนด์การให้บริการแยกจากกัน เป็นระยะเวลา 3 ปี
4.สัญญาการให้บริการ บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องคงไว้ซึ่งเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงระหว่างบริษัทและผู้ใช้บริการ รวมถึงผลประโยชน์ท่ีได้รับตามที่ได้มีการทำสัญญาหรือข้อตกลงไว้ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา เว้นแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาที่เป็นคุณหรือเป็นประโยชน์และได้รับการยินยอมจากผู้ใช้บริการแล้ว
5.การประชาสัมพันธ์การให้บริการเพื่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการภายหลังการรวมธุรกิจ บริษัท TUC และบริษัท DTN จะต้องประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ เพื่อให้ผู้ใช้บริการทราบถึงการคงไว้ซึ่งคุณภาพในการให้บริการและค่าบริการที่เป็นธรรม และจะต้องกำหนดแนวทางการปฏิบัติเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการหลังการรวมธุรกิจ โดยสำนักงาน กสทช. อาจกำหนดแนวทางและระยะเวลาการดำเนินการ รวมถึงเงื่อนไขในการปฏิบัติในเรื่องการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้บริษัท TUC และบริษัท DTN ดำเนินการต่อไป
อ่านประกอบ :
องค์ประชุมไม่ครบ! ถกบอร์ด‘กสทช.’ล่มรอบ3-‘สรณ’พร้อมรับ‘แรงกระแทก’ปมควบรวมเน็ตบ้าน AWN-3BB
กรรมการ 3 รายติดภารกิจ! 4 กสทช.ทักท้วง‘นพ.สรณ’นัดประชุม‘บอร์ด’โดยไม่ปรึกษาหารือล่วงหน้า
แจ้ง‘กสทช.’ดูข้อกม.อีกครั้ง ก่อนชง‘คกก.ดิจิทัล’เคาะงบ 5.2 พันล.-บอร์ดเลื่อนถกควบ AWN-3BB
‘บอร์ด กสทช.’นัดถกควบรวมเน็ตบ้าน‘AWN-3BB’-ยังไม่พิจารณาวาระแต่งตั้ง‘เลขาธิการฯ’คนใหม่
'สำนักงานฯ'แพร่ข่าวโต้'4 กสทช.' ยันเสนอร่างงบปี 67 กว่า 5.2 พันล. ถูกต้องตามขั้นตอนกม.
อาจมีปัญหาการตีความกม.ต่างกัน! 'ธนพันธุ์' กก.กสทช.ตอบสว.ปมขัดแย้งภายใน
‘4 กสทช.’ร้อง‘นายกฯเศรษฐา’สั่ง‘บอร์ดดิจิทัล’ชะลอ-ทบทวนบรรจุวาระถกงบสำนักงานฯ 5.2 พันล.
ไม่เสนอบอร์ดพิจารณาก่อน! 4 กรรมการฯจี้‘สรณ’ทบทวน ชง‘คกก.ดิจิทัล’เคาะ‘งบ กสทช.’5.2 พันล.
ถก‘บอร์ด กสทช.’ล่ม! 4 กรรมการฯค้านประชุม‘แบบเปิดเผย’-ห่วงข้อมูลผู้ประกอบการหลุดจะโดนฟ้อง
ใช้อำนาจเกินขอบเขต-เสี่ยงละเมิดเจ้าของข้อมูล! ‘4 กสทช.’ค้าน‘ปธ.’นัดถกบอร์ด‘แบบเปิดเผย’
เลื่อนฟังคำสั่งคดี‘ไตรรัตน์’ฟ้อง‘4 กสทช.’ ปมสอบค่าลิขสิทธิ์บอลโลก-เปลี่ยน‘รษก.เลขาธิการ’
‘ภูมิศิษฐ์’ฟ้อง‘ปธ.กสทช.’ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ฯ ไม่เซ็นตั้ง‘รักษาการเลขาธิการ’ตามมติบอร์ด
อ้างใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ! 'สุรางคณา'ฟ้อง'ศาล ปค.'ขอเพิกถอนคำวินิจฉัยเลือกเลขาธิการ กสทช.
ไม่เคยมี'คลินิก'ทั้งในและตปท.! 'นพ.สรณ'แจงผู้บริหาร‘กสทช.’-บอกยินดีให้คำปรึกษา'โรคหัวใจ'
ส่อไม่ชอบด้วยกม.-เอื้อบางคน! เปิดบันทึก 4 กสทช.ค้าน‘นพ.สรณ’บรรจุวาระแต่งตั้ง‘เลขาธิการฯ’
ละเลยหน้าที่! ‘4 กสทช.’ฟ้อง‘นพ.สรณ’ ปมไม่เซ็นแต่งตั้ง‘ภูมิศิษฐ์’นั่งรักษาการเลขาธิการฯ
‘ไตรรัตน์’ฟ้อง'4 กสทช.-พวก’ ปมสอบค่าซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก-เปลี่ยน‘รักษาการเลขาธิการฯ’มิชอบ