‘สามารถ’ หวังฟังความจริงจาก ‘บิ๊กตู่’ หลังมีกระแสข่าวคกก.ตรวจสอบฯประมูลรถไฟทางคู่ ‘สายเหนือ-อีสาน’ ไฟเขียวให้เดินหน้า ชี้อย่าปล่อยผ่านแบบ ‘ค้านสายตา’ เสนอแก้ทีโออาร์เปิดประมูลใหม่ แต่หากไปต่อ ให้เจรจาผู้รับเหมาลดราคาลง 5.66%
...........................
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ลับ ที่ 147/2564 ลงวันที่ 17 มิ.ย.2564 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการประกวดราคาก่อสร้างรถไฟทางคู่ (สายเหนือ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และสายอีสาน สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม) ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ ที่มีนายดนัย มู่สา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นั้น
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หนึ่งในผู้ที่คณะกรรมการตรวจสอบฯเชิญเข้าไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลโครงการรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสาน มูลค่า 1.28 แสนล้านบาท เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้ให้ทั้ง 2 โครงการเดินหน้าต่อ โดยไม่ต้องมีการเปิดประมูลใหม่
แต่ตนเองยังไม่เชื่อว่ากระแสข่าวดังกล่าวจะเป็นความจริง และหวังว่าจะได้ฟังคำตอบในเรื่องนี้จาก พล.อ.ประยุทธ์ หรือคณะกรรมการตรวจสอบฯ
นายสามารถ ระบุว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ควรยกเลิกการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานในครั้งนี้ และเปิดประมูลใหม่ โดยแก้ไขทีโออาร์ใหม่ให้เป็นแบบเดียวกับทีโออาร์การประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ รวมทั้งนำเอาความเห็นของผู้สังเกตการณ์ไปพิจารณาแก้ไขทีโออาร์ด้วย ซึ่งจะทำให้การเปิดประมูลทั้ง 2 โครงการ เปิดกว้าง มีการแข่งขัน และทำให้รัฐประหยัดงบได้เป็นจำนวนมาก
"รฟท.ควรยกเลิกประมูล และเปิดประมูลใหม่ โดยแก้ไขทีโออาร์ให้เป็นแบบเดียวกับการประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ และเป็นตามที่ผู้สังเกตการณ์เสนอ เช่น แยกสัญญางานโยธาและระบบอาณัติสัญญาณออกจากกัน ยกเลิกนโยบาย Thai First กำหนดผลงานของผู้เข้าประมูลเหลือ 10% จากเดิมที่กำหนดไว้ 15% ให้นำผลงานในต่างประเทศมายื่นได้ทุกสัญญา และแยกเป็นหลายสัญญาๆละไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาท ตรงนี้จะทำให้การประมูลเปิดกว้าง มีการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้ภาครัฐและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด” นายสามารถ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หาก รฟท.ยังยืนยันว่า จะไม่ยกเลิกการประมูล และยืนยันจะเดินหน้าทั้ง 2 โครงการต่อไป รฟท.ต้องเจรจาต่อรองกับผู้รับเหมาที่ชนะประมูล ให้ลดราคาลงมาให้ได้อย่างน้อย 5.66% ของราคากลาง ซึ่งเท่ากับผลการประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ หรือคิดเป็นเงินที่ภาครัฐจะประหยัดได้ 7,266 ล้านบาท ไม่ใช่ได้ราคาประมูลที่ต่ำกว่าราคากลางเพียง 0.08% ซึ่งคิดเป็นเงินเพียง 106 ล้านบาท เท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ รฟท.จะเสนอให้คณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท. พิจารณาอนุมัติรายชื่อผู้ชนะการประกวดราคาโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ จำนวน 3 สัญญา วงเงิน 7.29 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม จำนวน 2 สัญญา วงเงิน 5.54 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่าให้รอผลการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบฯที่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่งตั้ง ก่อน
ขณะเดียวกัน นายสามารถ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ‘ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ - Dr.Samart Ratchapolsitte’ เกี่ยวกับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการตรวจสอบการประกวดราคาก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายเหนือและสายอีสาน ให้เดินหน้าโครงการต่อ โดยมีเนื้อหาว่า
“อย่าปล่อยให้ทางคู่เหนือ-อีสานผ่าน แบบ “ค้านสายตา"
มีการเสนอข่าวว่าการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานที่กำลังถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการฯ ที่ท่านนายกฯ แต่งตั้งขึ้นมาอาจจะได้เดินหน้าต่อ ทั้งๆ ที่ยังมีข้อกังขาค้างคาใจของประชาชนทั้งประเทศ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การประมูลโครงการอื่นในอนาคต คงได้เห็นราคาประมูลเฉียดฉิวราคากลางดังเช่นการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสานกันอีกแน่นอน
ข้อกังขามีอะไรบ้าง?
การประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 72,918 ล้านบาท และสายอีสานช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม วงเงิน 55,456 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 128,374 ล้านบาท สร้างความกังขาให้กับประชาชนทั้งประเทศ ดังนี้
1.จำนวนสัญญาการประมูลเท่ากับจำนวนผู้รับเหมาขนาดใหญ่พอดี
สายเหนือแบ่งการประมูลออกเป็น 3 สัญญา ส่วนสายอีสานแบ่งออกเป็น 2 สัญญา รวมเป็น 5 สัญญา เท่ากับจำนวนผู้รับเหมาขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าประมูลได้พอดี ซึ่งในการประมูลที่เกิดขึ้นก็มีผู้รับเหมาขนาดใหญ่เข้าประมูล 5 ราย และชนะการประมูลทุกราย
2.ราคาประมูลต่ำกว่าราคากลางเท่ากัน
2.1 สายเหนือ ประมูลเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564
ราคากลาง 72,918 ล้านบาท ราคาที่ได้จากการประมูล 72,858 ล้านบาท นั่นคือประหยัดค่าก่อสร้างได้เพียง 60 ล้านบาท เท่านั้น คิดเป็น 0.08%
2.2 สายอีสาน ประมูลเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564
ราคากลาง 55,456 ล้านบาท ราคาที่ได้จากการประมูล 55,410 ล้านบาท นั่นคือประหยัดค่าก่อสร้างได้แค่ 46 ล้านบาท เท่านั้น คิดเป็น 0.08% เท่ากันกับสายเหนืออย่างน่ากังขายิ่ง
นายกรัฐมนตรีตั้งกรรมการตรวจสอบ
จากความกังขาที่เกิดขึ้นทำให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการประกวดราคาการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่สายเหนือ-สายอีสานขึ้นมาในวันที่ 17 มิถุนายน 2564
คณะกรรมการฯได้เชิญผู้เกี่ยวข้องไปให้ข้อมูล แม้ผลการตรวจสอบยังไม่เป็นที่เปิดเผย แต่กลับมีกระแสข่าวออกมาว่ามีสัญญาณที่ดีต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย นั่นคือได้เดินหน้าต่อ ไม่ต้องประมูลใหม่
ผมไม่เชื่อข่าวดังกล่าวจนกว่าจะได้รับฟังจากท่านนายกฯ หรือคณะกรรมการฯ แต่อยากฝากให้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบการคัดค้านขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) โดยผู้สังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรม
ผู้สังเกตการณ์คัดค้านอะไร?
ในการประมูลรถไฟฟ้าทางคู่สายเหนือและสายอีสาน การรถไฟฯ ได้ลงนามในข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) กับผู้เข้าร่วมประมูล และผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ภายใต้โครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ข้อตกลงคุณธรรมเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างการรถไฟฯ กับผู้เข้าร่วมประมูลว่าจะไม่กระทำการทุจริตในการประมูล โดยมีผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมสังเกตการณ์ทุกขั้นตอนตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำร่างขอบเขตของงาน (ร่างทีโออาร์) ร่างประกาศเชิญชวน จนถึงขั้นตอนสิ้นสุดการประมูล
ผู้สังเกตการณ์เป็นบุคคลภายนอกหรือภาคประชาสังคมที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้ และประสบการณ์ซึ่งจำเป็นต่อการประมูลรถไฟทางคู่ และจะต้องมีความเป็นกลาง ไม่มีส่วนได้เสียกับการประมูล
ทราบมาว่าผู้สังเกตการณ์ต้องการให้การรถไฟฯ แยกงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณออกจากงานก่อสร้างทางรถไฟเช่นเดียวกับการประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ ซึ่งได้ผลดี ทำให้การรถไฟฯ สามารถประหยัดค่าก่อสร้างได้ 5.66% ของราคากลาง แต่การรถไฟฯ ไม่ยอมทำตาม
เหตุใดการรถไฟฯ จึงไม่ทำตามข้อเสนอแนะของผู้สังเกตการณ์? หากคำชี้แจงของการรถไฟฯ ฟังไม่ขึ้น หรือมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตหรืออาจนำไปสู่การทุจริตได้ ผู้สังเกตการณ์จะต้องรายงานต่อ ACT เพื่อให้ ACT รายงานต่อฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการในคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (ค.ป.ท.) พิจารณาดำเนินการต่อไป
สรุป
ผมไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสาน ในทางกลับกันผมต้องการให้การรถไฟฯ เร่งลงมือก่อสร้าง เพราะเห็นว่ารถไฟทางคู่จะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ รถไฟทางคู่จะผลักดันการขนส่งของประเทศไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขับเคลื่อนประเทศด้วยระบบราง
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ จะออกมาอย่างไร จะให้เดินหน้าต่อหรือจะให้ประมูลใหม่ จะต้องหาทางทำให้การรถไฟฯ ประหยัดค่าก่อสร้างได้อย่างน้อย 5.66% ของราคากลาง (เท่ากับการประมูลรถไฟทางคู่สายใต้) ซึ่งคิดเป็นเงิน 7,266 ล้านบาท ไม่ใช่ 0.08% ของราคากลาง ซึ่งคิดเป็นเงินเพียง 106 ล้านบาทเท่านั้น ดังที่ได้จากการประมูลที่น่ากังขาและฉาวโฉ่
มิฉะนั้น จะเป็นบรรทัดฐานในการประมูลที่สร้างความกังขาให้กับประชาชนว่าเป็นการสมยอมราคา (ฮั้ว) กันหรือไม่? แต่ถ้าภาครัฐมองว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายก็จะค้านกับสายตาของประชาชน และขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้รัฐและประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากการประมูล
ทั้งหมดนี้ ขอฝากความหวังไว้ที่กรรมการทุกท่าน”
อ่านประกอบ :
อย่าด่วนสรุปไม่โกง!‘ผู้สังเกตการณ์’ แฉ TOR รถไฟทางคู่‘สายเหนือ-อีสาน’ เอื้อ 5 บ.ใหญ่
ย้อนปมรื้อสัญญารถไฟทางคู่! ‘เหนือ-อีสาน' 1.28 แสนล. ซัดทีโออาร์ส่อผิด กม.ฮั้ว?
ACT ร่อนแถลงการณ์จี้ 'บิ๊กตู่' สั่งทบทวนประมูลรถไฟทางคู่ 'สายเหนือ-อีสาน' 1.28 แสนล.
'ทีโออาร์' ประมูลรถไฟทางคู่ 1.28 แสนล. แหก ‘มติ ครม.-ซูเปอร์บอร์ด’ เอื้อประโยชน์ใคร?
เซ็นคำสั่งลับ! ‘บิ๊กตู่’ ตั้งกก.สอบประมูลรถไฟทางคู่ ‘สายเหนือ-อีสาน’ 1.28 แสนล้าน
รฟท.แจงประมูลรถไฟสาย 'เหนือ-อีสาน' : กล่าวหาแบ่งเค้ก-ฮั้วราคา เป็นเรื่องของการคาดเดา
ความโปร่งใสที่ไม่จริงใจ ชั่วร้ายยิ่งกว่าโกงซึ่งๆ หน้า
รฟท.ย้ำประมูลรถไฟ ‘เด่นชัย-เชียงของ’ 7.29 หมื่นล้าน 'โปร่งใส-ราชการไม่เสียประโยชน์'
เทียบชัดๆ! ประมูลรถไฟทางคู่แสนล้าน ยุค ‘ศักดิ์สยาม’ ประหยัดแค่ 108 ล.
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage