ก่อนขอให้ศาลริบ‘ลัมโบร์กีนี’บ.จูบิลี่ไลน์ ! อัยการสั่งดีเอสไอคืนรถหรูแล้วกว่า 24 คดี

piccaitrrsasdsdsdsdsddsd2 3 66

ไขสำนวนคดีรถหรู บ.จูบิลี่ไลน์ ‘ เสรี รักวิทย์-ชินบารมี’กับพวก (ตอน 5): เปิดความเห็นรอง อสส. ปมริบรถของกลาง มีอีกกว่า 24 สำนวน อัยการคดีพิเศษสั่งคืนไปแล้ว

คดีนำเข้ารถหรูราย บริษัท จูบิลี่ไลน์ จํากัด กับพวกรวม 7 คน ที่ล่าสุดอัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง นายเสรี รักษ์วิทย์ หรือ ชินบารมี ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียอากร โดยเจตนาจะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243,253 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ตามที่รองอัยการสูงสุดเสนอ

picpppcccsddsdssdsdsd1 1166

@ นายเสรี รักษ์วิทย์ หรือ ชินบารมี/ภาพจาก https://th.postupnews.com/

ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้ว

ประเด็นริบของกลาง (ลัมโบร์กินี) สำนักข่าวอิศรารายงานแล้วว่า นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด มีคำสั่ง เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ที่สั่งเกี่ยวกับของกลาง และมีคำสั่งใหม่เป็น “ขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถยนต์ของกลาง ตามพระราชบัญญัติศุลกากร” ตามที่รองอัยการสูงสุดเสนอ

นารี ตัณฑเสถียร 1

@ นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด

อย่างไรก็ตามในท้ายความเห็นของ นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด เสนอถึงอัยการสูงสุดให้สั่งฟ้องนายเสรี ผู้ต้องหาที่ 7 และขอให้ศาลริบรถยนต์ของกลางในคดี นายอำนาจมีความเห็นแนบท้ายสรุปว่า มีคดีในลักษณะพฤติการณ์เดียวกันกับคดี บริษัท จูบิลี่ไลน์อีกกว่า 24 สำนวนคดีที่พนักงานอัยการ สำนักคดีพิเศษ มีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลาง

รายละเอียดเรียบเรียงได้ดังนี้

“อนึ่ง นอกจากการกระทําผิดของผู้ต้องหาในคดีนี้แล้วพบว่ายังมีสํานวน ส.1 เลขรับที่ 56/2562 ถึงเลขรับที่ 78/2562 และสํานวน ส.1 เลขรับที่ 104/2562 ของสํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 รวม 24 สํานวน เป็นกลุ่มผู้ต้องหารายอื่น และผู้ต้องหาบางคนได้ร้องขอความเป็นธรรม ถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดโดยมีพฤติการณ์และลักษณะการกระทําผิดอย่างเดียวกันกับสํานวนคดีนี้ และพนักงานอัยการ สํานักงานคดีพิเศษ มีคําสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางโดยให้พนักงานสอบสวนจัดการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 และอาจมีสํานวนคดีอื่นที่มีพฤติการณ์ และลักษณะการกระทําผิดอย่างเดียวกันกับสํานวนคดีนี้อีกหลายสํานวน”

และระบุว่า ทั้งนี้ เพื่อความเป็นเอกภาพในการสั่งคดีเกี่ยวกับรถยนต์ของกลาง หากอัยการสูงสุดพิจารณา มีคําสั่งให้ใช้อํานาจตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 15 เพิกถอนคําสั่งของอธิบดีอัยการ สํานักงานคดีพิเศษที่สั่งเกี่ยวกับของกลาง และมีคําสั่งใหม่ขอให้ศาลมีคําสั่งริบของกลาง ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243 แล้ว จะได้พิจารณาดําเนินการเกี่ยวกับของกลางตามสํานวน ส.1 เลขรับที่ 56/2562 ถึง ส.1 เลขรับที่ 78/2562 และสํานวน ส.1 เลขรับที่ 104/2562 ของสํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 จํานวน 24 สํานวน ที่ผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรมในคดีดังกล่าวต่อไป

และระบุอีกว่า “ส่วนคดีอื่นที่มีพฤติการณ์และลักษณะการกระทำผิดอย่างเดียวกันกับสำนวนคดีนี้ แต่สำนักงานคดีพิเศษมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนจัดการของกลางตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 ไปแล้ว จึงเห็นควรให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ตรวจสอบในประเด็นดังกล่าวด้วย”

อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบข้อมูลว่า อัยการสูงสุด ‘มีคำสั่ง’ในประเด็นนี้ หรือสั่งให้ริบของกลางกรณีกว่า 24 สำนวน แต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศราได้นำข้อมูลมารายงานว่า กรณีการสั่งเพิกถอนอายัดรถยนต์ของกลาง พนักงานสอบสวนดีเอสไอถูกร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ากระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากสั่งเพิกถอนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ครอบครองประมาณ 20 คดี

ต้องติดตามผลกันต่อไป

เรื่องเกี่ยวข้อง:

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage