ป.ป.ช.เรียกสอบคดี ผอ.ดีเอสไอสั่งคืนของกลาง ‘รถหรู’ 4 คันจากอังกฤษ สุจริตหรือไม่

picppcdsiiiuujssss5 27 65

ป.ป.ช.ขยับเรียกพยานสอบคดีร้อง ผอ.ดีเอสไอสั่งถอนอายัดคดีสำแดงราคาเท็จ นำเข้ารถหรู 4 คันถูกโจรกรรมจากอังกฤษ คืนให้ผู้ครอบครองในไทย กระทำโดยสุจริตมีอำนาจหรือไม่ หลังถูกร้องเรียน 2 ครั้ง 24 คัน เมื่อเดือน ส.ค.-ก.ย. ปีที่แล้ว

ความคืบหน้ากรณีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหานายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผู้อำนวยการสำนักคดีปฎิบัติการคดีพิเศษภาค กับพวก สั่งถอนอายัดรถยนต์ของกลางในคดีกลุ่มเอกชนสำแดงราคานำเข้าจากต่างประเทศต่ำกว่าความเป็นจริงหรือคดีรถหรูที่ถูกขโมยสหราชอาณาจักรมายังประเทศไทยคืนให้ผู้ครอบครอง ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้ว

ร้องป.ป.ช.สอบผอ.DSI สั่งคืนรถหรูของกลางขโมยจากอังกฤษ-ลัมโบร์ฯโจ้ด้วย-เจ้าตัวยันทำตาม กม.

picperrpppsddfffdfddffd5 27 65

ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2565 พยานรายหนึ่งเปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากสำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐ 1 สำนักงาน ป.ป.ช. กรณีร้องเรียนกล่าวหาเพิกถอนการอายัดรถยนต์และยกเลิกการอายัดรถยนต์จำนวน 4 คัน ในคดีพิเศษที่ 78/2561 โดยมิชอบนั้น พนักงานไต่สวนมีความจำเป็นต้องทราบว่าผู้ถูกล่าวหามีพฤติการณ์แหงการกระทำผิดอย่างไร และมีพยานหลักฐานใดสนับสนุน ดังนั้นจึงขอให้ไปให้ถ้อยคำต่อพนักงานไต่สวนและคณะในสัปดาห์หน้า โดยนำเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการให้ถ้อยคำ หากไม่สามารถไปให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ โปรดแจ้งรายละเอียดข้อเท็จจริงดังกล่าว พร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.ภายใน 15 วัน

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า กรณีการเพิกถอนอายัดรถยนต์ของกลางในคดีนำเข้ารถหรูมีการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. 2 กรณี

กรณีแรก เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2564 ร้องเรียน การถอนอายัดรถยนต์ของกลางจำนวน 4 คันซึ่งเป็นรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาจากสหราชอาณาจักรซึ่งอายัดไว้ที่โชว์รูมของบริษัท มาสเตอร์ออโต้ พาร์ท แอนด์เซอร์วิส จำกัด จำนวน 1 คัน และ อายัดไว้ที่เขตปลอดอากร (FREE TRADE ZONE) จำนวน 3 คัน ทั้ง 4 คันเป็นรถของกลางในคดีพิเศษที่ 78/2561 ซึ่งดีเอสไอสั่งอายัดไว้ทั้งหมด 13 คัน ในจำนวนนี้ 7 คัน อายัดไว้ที่โชว์รูมของงบริษัท มาสเตอร์ออโต้ พาร์ท แอนด์เซอร์วิส จำกัด (ซึ่งถอนอายัดไป 1 คัน)

กรณีที่สอง เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2564 เป็นการร้องเรียนกล่าวหาการถอนอายัดรถยนต์ของกลางจำนวน 20 คัน (คดี) มูลค่าความเสียหายต่อรัฐ 496,635,058.50 บาท หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษถอนอายัด รถยนต์ถูกโอนเปลี่ยนมือเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองไปแล้วจำนวน 10 คัน (คดี)

ในท้ายหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ทั้งสองกรณีระบุว่า ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบดำเนินการกับเอกชนที่มีส่วนร่วมรู้เห็นกับการถอนอายัดรถยนต์ดังกล่าวด้วย

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า กรณีนี้เป็นประเด็นสงสัยว่า การถอนอายัดโดยผู้อำนวยการ กองคดีมีอำนาจหรือไม่ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เหตุใดในการสั่งคืนรถยนต์ของกลางจึงไม่คืนรถให้เจ้าของในประเทศอังกฤษ แต่กลับส่งมอบรถยนต์ให้แก่ผู้ครอบครองในประเทศไทย ขณะที่ศาลยังไม่พิพากษาว่ารถยนต์หรูทั้ง 4 คันจะต้องจ่ายภาษีให้กับทางการไทยจำนวนเท่าใด และที่ผ่านมายังมีรายงานข่าวแจ้งว่า ทางการอังกฤษ ได้พยายามติดตามรถยนต์ทั้ง 4 คัน จากทางการไทย หลังจากที่ทราบว่าถูกขโมยมาขายยังเมืองไทย โดยติดตามผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งอัยการต่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบ

ขณะที่ นายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผู้อำนวยการกองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค ให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศราก่อนหน้านี้ว่า รับทราบกรณีที่มีการไปร้องต่อ ป.ป.ช.ไปแล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการชี้แจง ป.ป.ช.อยู่

เมื่อสอบถามถึงข้อร้องเรียนที่ว่า หากศาลมีคำพิพากษาแนวเดียวกันกับคดีรถของบริษัท ศรณรงค์ คาร์ จำกัด การสั่งยกเลิกอายัดรถดังกล่าวจะเป็นสร้างความเสียหายในคดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากหากเจ้าของรถยนต์ที่ได้รับการถอนอายัด นำรถยนต์ของกลางในคดีไปขายให้แก่บุคคลอื่น หากภายหลังศาลได้มีคำพิพากษาให้ริบรถของกลางความเสียหายจะเกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกและอาจไม่สามารถติดตามนำรถยนต์ของกลางในคดีมาบังคับตามคำพิพากษาได้

4040a6b0007adbf39cec1ee2f39b5fce

@ มเหสักข์ พันธ์สง่า

นายมเหสักข์ ตอบว่า ตามกฎหมายนั้นถ้าหากอัยการเขาสั่งให้คืนรถ ก็หมายความว่าไม่มีการขอให้ศาลยึดรถอยู่แล้ว ศาลก็จะสั่งเกินคำขอไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งการสั่งคืนรถนั้นที่ผ่านมาก็เป็นไปตามทางอัยการโดยตลอด

นายมเหสักข์ กล่าวต่อว่า ส่วนรถจำนวนสี่คันที่มีประเด็นนั้นยังไม่มีเลขคดีเกิดขึ้น หรือไม่เป็นคดีด้วยซ้ำ แต่ว่ามีการอายัดไว้เป็นเวลาห้าปีแล้ว ทางอังกฤษเขาก็ส่งเอกสารมาให้ไม่ได้ เราก็มีการถอนอายัดไป ซึ่งทุกอย่างนั้นสามารถชี้แจงไปทาง ป.ป.ช.ได้หมดอยู่แล้ว

เมื่อถามต่อว่าการถอนอายัดรถสี่คันดังกล่าวนั้นถ้าหากเกิดกรณีว่ามีข้อเท็จจริงใหม่ขึ้นมาจนนำไปสู่การที่มีคดีเกี่ยวข้องกันได้ การถอนอายัดจนทำให้มีการขายรถไปยังบุคคลที่สามนั้น จะทำให้ยากต่อการติดตามรถกลับมาหรือไม่

นายมเหสักข์ กล่าวว่า “ถ้ามีข้อมูลใหม่ก็สามารถดำเนินคดีใหม่ได้ การถอนอายัดนั้นเราไม่ใช่ศาลหรืออัยการที่ว่ามีการฟ้องซ้ำและไม่ดำเนินคดี ซึ่งตรงนี้เราสามารถดำเนินการใหม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องรถนั้นเป็นสิ่งที่ต้องไปจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก มีเลขทะเบียนชัดเจน ดังนั้นถ้าหากถูกอายัดแล้วก็คงจะวิ่งไปไหนไม่ได้ การติดตามกลับมาก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากจะดำเนินการอยู่แล้ว”

ข่าวเกี่ยวข้องกับคดีนำเข้ารถหรู

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage