‘แบงก์ชาติ’ เผยลูกหนี้ที่ขอรับการช่วยเหลือยอดหนี้ 6 ล้านล้านบาท ล่าสุดกลับมาชำระหนี้ตามปกติแล้ว 95% มีเพียง 5% ที่ขอพักชำระหนี้ถึงมิ.ย.64 จับตาผลกระทบ ‘ล็อกดาวน์’ สมุทรสาคร
............
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นางวิเรขา สันตะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยในงาน ‘Media Briefing’ เรื่อง ความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกหนี้และการปรับโครงสร้างหนี้ ว่า ณ เดือนก.ค.2563 มีลูกหนี้ที่ขอรับความช่วยเหลือคิดเป็นยอดหนี้ 7.2 ล้านล้านบาท แต่ล่าสุด ณ เดือนต.ค.2563 มีลูกหนี้ที่ขอรับความช่วยเหลือลดลงเหลือ 6 ล้านล้านบาท หรือลดลง 1.2 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อครบกำหนดมาตรการการพักชำระหนี้เป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 22 ต.ค.2563 พบว่าลูกหนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ขอรับความช่วยเหลือต่อ และสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ คิดเป็น 92-95% มีเพียง 5% ที่ขอพักชำระหนี้ไปจนถึงเดือนมิ.ย.2564 โดยเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
สำหรับลูกหนี้ที่ขอรับความช่วยเหลือ ซึ่งมียอดหนี้ 6 ล้านล้านบาทนั้น หากพิจารณาเฉพาะลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีสัดส่วน 55% ของยอดหนี้ดังกล่าว หรือคิดเป็นยอดหนี้ 3.35 ล้านล้านบาท พบว่าลูกหนี้ธุรกิจ ซึ่งมียอดหนี้ 2.12 ล้านล้านบาท กลับมาชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขปกติ คิดเป็นสัดส่วน 66% และลูกหนี้สัดส่วน 32% ต้องปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม ส่วนลูกหนี้อีก 2% ยังติดต่อไม่ได้ จากเดิมที่ติดต่อไม่ได้ 6%
ส่วนลูกหนี้รายย่อย ซึ่งมียอดหนี้ 1.23 ล้านล้านบาท กลับมาชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขปกติ คิดเป็นสัดส่วน 70% ขณะที่ลูกหนี้สัดส่วน 29% ต้องปรับโครงสร้างหนี้หรือมีมาตรการผ่อนปรนมารองรับ ขณะที่ลูกหนี้ 2% และมีลูกหนี้ที่ขาดการติดต่อหรือติดต่อไม่ได้ 1%
นางวิเรขา ยังระบุว่า วิธีการที่สถาบันการเงินนำมาใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกหนี้นั้น หากเป็นลูกหนี้ธุรกิจจะใช้วิธีการขยายเวลาการชำระหนี้ โดยปรับระยะเวลาการชำระหนี้ให้เหมาะสม การพักการจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นในบางช่วง ส่วนลูกหนี้รายย่อยจะใช้วิธีลดค่างวดลงตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ การขยายระยะเวลาชะหนี้ให้ยาวขึ้น การลดดอกเบี้ยและลดค่าธรรมเนียม รวมทั้งการแปลงหนี้บัตรเครดิตให้มีระยะเวลาชำระหนี้ได้ยาวขึ้น
ส่วนกรณีที่มีการล็อกดาวน์จังหวัดสมุทรสาคร หลังมีการแพร่ระบาดของโควิดในพื้นที่ดังกล่าว นางวิเรขา กล่าวว่า สถาบันการเงินได้มีมาตรการดูแลลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบแล้ว เช่น อาจจะการปรับเงื่อนไขต่างๆให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบในกรณีที่ได้รับผลกระทบมากกว่าเดิม โดยดำเนินการผ่านระบบโมบายแบงก์กิ้ง ขณะที่ธปท.มีการติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด แต่ยังต้องติดตามผลกระทบอีกระยะ เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นการระบาด
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ประสบปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมสามารถติดต่อผ่าน call center ของสถาบันการเงินแต่ละแห่งได้โดยตรง หรือ โทร 1213 ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริหารทางการเงิน ธปท. ส่วนลูกหนี้ที่มีปัญหาการติดต่อสถาบันการเงิน สามารถแจ้งความต้องการที่จะปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินผ่าน “ทางด่วนแก้หนี้” เว็บไซต์ https://www.1213.or.th/App/DebtCase
อ่านประกอบ :
ต่อพักหนี้อีก 6 เดือนเป็นรายๆ! ธปท.ขีดเส้น ‘แบงก์-SME’ เจรจาปรับเงื่อนไขชำระหนี้ถึงสิ้นปี
หนี้ครัวเรือนพุ่ง 83.8% ! แบงก์ชาติชี้เหตุ ‘จีดีพีหดตัว-พักชำระหนี้’
ว่างงานยังสูง-เศรษฐกิจส.ค.ฟื้นตัวช้าลง! ธปท.มองจีดีพีพลิกบวกไตรมาส 2 ปีหน้า
ก่อหนี้ใหม่ 1.46 ล้านล้าน! ครม.เคาะแผนบริหารหนี้สาธารณะปีงบ 64
หนุนรัฐกระตุ้นศก.! ‘วิรไท’ ชี้ขยายกรอบหนี้สาธารณะได้หากจำเป็น-'คลัง' โต้ ‘ถังแตก’
หนี้สาธารณะพุ่ง 51.64% ต่อจีดีพี! ครม.ไฟเขียวแผนบริหารใหม่-6 ปี 'บิ๊กตู่' เพิ่ม 2.68 ล้านล.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/