
ผู้บริหารท้องถิ่นอีกราย ! ศาลฎีกาฯพิพากษาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ‘สุรพล ผิวบาง’ ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เคยเป็นรองนายกเทศมนตรี พ้นไม่ถึง 5 ปี รู้อยู่แล้วขาดคุณสมบัติยังสมัคร ถือกระทำไม่สุจริต
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุรพล ผิวบาง ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เนื่องจากผู้คัดค้านสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 19 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลสามชุก ซึ่งเป็นผู้บริหารท้องถิ่น และพ้นจากตำแหน่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเมื่อนับจากวันพ้นจากตำแหน่งจนถึงวันสมัครรับเลือกเป็นเวลาน้อยกว่าห้าปี
การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเคยเป็นรองนายกเทศมนตรีตำบลสามชุก ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น และพ้นจากการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมาแล้วน้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวแต่ยังยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) ว่าไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 รายละเอียดดังนี้
@เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม
คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ลต สว 356/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 40/2568 ศาลฎีกา
วันที่ 7 เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้งผู้ร้อง
ระหว่าง นายสุรพล ผิวบาง ผู้คัดค้านเรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กำหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กำหนดวันเลือกระดับอำเภอวันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัดวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้าน สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 19 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ผู้อำนวยการ การเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้บริหารท้องถิ่น และพ้นจากตำแหน่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเมื่อนับจากวันพ้นจากตำแหน่งจนถึงวันสมัครรับเลือกเป็นเวลาน้อยกว่าห้าปี เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริง การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเคยเป็นรองนายกเทศมนตรีตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น และพ้นจากการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมาแล้วน้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
กรณีจึงมีหลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และ ได้ถูกลบชื่อออกจากบัญชีรายชื่อผู้สมัครแล้ว จึงถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไป โดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือกอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) มาตรา 20 วรรคสาม และมาตรา 74 ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ สมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
@อ้างเข้าใจว่ามิใช่ตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านศึกษาข้อมูลต่าง ๆ แล้วเข้าใจว่าตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีไม่ได้เป็นผู้บริหารท้องถิ่น ขณะยื่นใบสมัครก็ยังคงเชื่อว่าตนไม่ได้เป็นผู้บริหารท้องถิ่น และได้กรอกประวัติการทำงานว่า ผู้คัดค้านเคยเป็นรองนายกเทศมนตรีตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปี 2564 ไว้ในใบสมัคร ซึ่งก็ไม่มีผู้ใดทักท้วงหรือแจ้งให้ผู้คัดค้านทราบ
ว่าผู้คัดค้านเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ผู้คัดค้านได้ยิน เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารการสมัครตอบผู้สมัครรายอื่นว่า ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี สามารถสมัครได้ ต่อมาผู้คัดค้านได้รับการประกาศรายชื่อเป็นผู้มีสิทธิเลือกในระดับอำเภอ กลุ่มที่ 19 ผู้คัดค้านไม่มีเจตนากระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม และมิได้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือก ขอให้ยกคำร้อง
@เพิ่งลาออก เมื่อต้นปี 64 -น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริง รับฟังเป็นยุติในเบื้องต้นว่า ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี และพ้นจากตำแหน่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็น สมาชิกวุฒิสภา อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี กลุ่มที่ 19 ผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภออำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ กลุ่มที่ 19 วันที่ 11 มิถุนายน 2567 ผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัดลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24)
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) อันจะถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
ผู้ร้องมีนายรัฐพงศ์ เปาริก พนักงานสืบสวนและไต่สวนชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุพรรณบุรี มาเป็นพยานเบิกความประกอบสำนวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 1 ถึง 36 ว่า ผู้คัดค้านเคยดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นผู้บริหารท้องถิ่น โดยพ้นจากตำแหน่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นระยะเวลาน้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือก อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
ส่วนผู้คัดค้านอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า ผู้คัดค้านเคยดำรงตำแหน่ง รองนายกเทศมนตรีตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จริง แต่เหตุที่ตนสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาเนื่องจากเข้าใจว่าตำแหน่ง รองนายกเทศมนตรีไม่ใช่ตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น และผู้ร้องไม่ได้ประกาศให้ผู้สมัครทราบชัดเจน ว่าตำแหน่งใดถือเป็นผู้บริหารท้องถิ่น หากผู้คัดค้านทราบว่าตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเป็นผู้บริหาร ท้องถิ่นก็จะไม่ยื่นใบสมัคร ในการยื่นใบสมัครก็ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้านว่าผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิ ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ผู้คัดค้านจึงไม่ได้มีเจตนากระทำความผิดตามที่ผู้ร้องอ้าง
@ พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 อยู่ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร มิใช่เป็นเพียงผู้ช่วยเหลือ
เห็นว่า ตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือในการบริหารราชการตามที่นายกเทศมนตรีมอบหมาย ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 มาตรา 48 อัฏฐ มีสิทธิเข้าประชุมสภาเทศบาลและมีสิทธิแถลงข้อเท็จจริง ตลอดจนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของตนต่อที่ประชุมสภาเทศบาลได้ ตามมาตรา 48 เอกาทศ และในการปฏิบัติราชการในตำแหน่งดังกล่าวห้ามมิให้กระทำการอันเป็นการกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ของเทศบาลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 48 จตุทศ อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ที่ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว จึงอยู่ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการบริหารราชการของเทศบาลซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมิใช่เป็นเพียงผู้ช่วยเหลือในการบริหารงานราชการของเทศบาลเท่านั้น แต่ยังมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงถือได้ว่าตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี เป็นตำแหน่ง ผู้บริหารท้องถิ่นด้วย ผู้คัดค้านซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวจึงเป็นผู้บริหารท้องถิ่น
เมื่อผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลสามชุก จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 นับถึงวันสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านจึงพ้นจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีมาแล้ว น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก อันมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิก วุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24)
การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวแต่ยังยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิก วุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) ตามเอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 15 หน้าที่ 78 และหน้าที่ 79 ว่าผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226
ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่า ผู้คัดค้านเข้าใจว่าตนมิใช่ผู้บริหารท้องถิ่นจึงยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ผู้คัดค้านไม่มีเจตนา กระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมนั้น เห็นว่า เมื่อผู้คัดค้านมีลักษณะ ต้องห้ามตามกฎหมายแล้วก็ไม่อาจยกเอาเหตุผลดังกล่าวมาหักล้างบทบัญญัติแห่งกฎหมายได้
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุรพล ผิวบาง ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา.
ข่าวคดีรายอื่นก่อนหน้า:
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ‘ธานนท์’ ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอสิชล ต้องคดีค้ายา (1)
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอกทรัพย์ (2)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.อำเภอ จ.สระแก้ว มีประวัติทุจริตเลือกตั้ง (3)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นราธิวาส มีประวัติลักทรัพย์ (4)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.มหาสารคาม มีประวัติเจ้ามือเล่นพนัน(5)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ยะลา เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น(6)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.สมุทรสาคร ถือหุ้นบมจ.อาร์เอส (7)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.อ่างทอง ต้องคดีค้ายาเสพติด (8)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.ตราด ถูกจำคุกคดีเจ้ามือไพ่รัมมี่ (9)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นนทบุรี เคยจำคุกคดีหมิ่นประมาท (10)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.พัทลุง ถือหุ้นสื่อ อสมท (11)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ กําแพงเพชร มีประวัติเรียกรับทรัพย์สิน (12)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี ลงสมัครคราวเดียว‘ลูกสาว’ (13)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี ลงสมัครคราวเดียว‘สามี’ (14)
- รายที่ 2! เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี สมัครคราวเดียว‘สามี’ (15)
- • ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปีผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับอ.เมืองเพชรบูรณ์ สมัครคราวเดียวเมีย (16)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ถือหุ้น บมจ.อาร์เอส , หุ้นเดียวก็ไม่ได้! ฉบับเต็ม ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอ.เมืองสมุทรสงคราม ถือหุ้น‘อาร์เอส’ (17)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.อ่างทอง พ้นที่ปรึกษานายกอบจ.ไม่ถึง 5 ปี , ฉบับเต็มคดี‘คอดียะฮ์’ผู้สมัคร สว.! ไขปม ‘ที่ปรึกษานายก อบจ.’ เป็นผู้บริหารท้องถิ่น (18)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา