ศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ‘วินัย ศรีบุรินทร์’ ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ตามคำร้อง กกต. ประวัติถูกจำคุก 6 เดือนคดีทุจริตเลือกตั้งฐานเสนอให้เงินสถาบันการศึกษา ปี 2551 ศาลอุทธณ์สั่งปรับ 1 หมื่น รอการลงโทษ เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครฯ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 เดือน กุมภาพันธ์ 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายวินัย ศรีบุรินทร์ ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา ในคดีที่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 5 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสระแก้ว ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง ในความผิดฐานให้เสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงินแก่สถาบันการศึกษาเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเองและเป็นการกระทำภายใน 60 วัน ก่อนวันครบวาระการดำรงตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้งเข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด มีรายละเอียดดังนี้
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา – เคยต้องคดีทุจริตในการเลือกตั้ง
วันที่ 26 เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้องนายวินัย ศรีบุรินทร์ ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กำหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กำหนดวันเลือกระดับอำเภอ วันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัด วันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้าน ยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 5 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดสระแก้ว ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือก ระดับจังหวัด ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริง โดยผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดสระแก้วในความผิดฐานให้เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงินแก่สถาบันการศึกษาเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเอง และเป็นการกระทำภายใน 60 วัน ก่อนวันครบวาระการดำรงตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือก เป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (13) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติ- 3 -และลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อใน ใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยรู้อยู่แล้ว ว่าตนเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง ซึ่งเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามกฎหมาย กรณีจึงถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือก ไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือก อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (13) มาตรา 20 วรรคสาม และมาตรา 74 ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิก วุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
ผู้คัดค้านไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า คดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐาน จึงให้งดการไต่สวน
@มีประวัติต้องคำพิพากษาศาลจ.สระแก้วจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธณ์แก้ ปรับ 10,000 บาท รอลงโทษจำคุก 1 ปี
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 14 (13) อันจะถือว่าผู้คัดค้าน กระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
เห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏจากคำร้องและสำนวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดสระแก้ว เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 1 ถึงลำดับ 23 ว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2551 ผู้คัดค้านต้องคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1299/2551 ของศาลจังหวัดสระแก้ว ฐานให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงินแก่สถาบันการศึกษาเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเอง และเป็นการกระทำภายใน 60 วัน ก่อนวันครบวาระการดำรงตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545 มาตรา 57 (2) วรรคหนึ่ง, 118 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษปรับผู้คัดค้าน 20,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงปรับ 10,000 บาท ส่วนโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามสำเนาคำพิพากษาของศาลจังหวัดสระแก้วและศาลอุทธรณ์ภาค 2 เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 19 หน้าที่ 51 ถึงที่ 57 และหนังสือสำคัญเพื่อแสดงว่าคดีถึงที่สุดเอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 19 หน้าที่ 50 ส่วนผู้คัดค้านไม่ยื่นคำคัดค้านและไม่ได้นำพยานหลักฐานมาไต่สวนให้เห็นเป็นอย่างอื่น
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามคำร้อง ผู้คัดค้านจึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (13) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองใน บันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 4 หน้าที่ 9 ถึงที่ 11 ว่าผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายวินัย ศรีบุรินทร์ ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา.
ข่าวคดีอื่น :
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอก