ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ‘มหาดี มามะ’ ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ อ.สุไหงไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ตามคำร้อง กกต. คุณสมบัติต้องห้าม เคยถูกพิพากษาจำคุกคดีถึงที่สุดฐานลักทรัพย์ รับของโจร
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายมหาดี มามะ ผู้คัดค้านเป็นระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษา ในคดีที่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอสุไหงไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนราธิวาส ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกในความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ โดยพ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกในระดับอำเภอ และเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดในความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา เข้าลักษณะต้องห้าม ตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) ว่าผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน มีรายละเอียดดังนี้
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา
คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 364/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 26/2568 ศาลฎีกา วันที่ 13 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นายมหาดี มามะ ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า สืบเนื่องจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กำหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กำหนดวันเลือกระดับอำเภอวันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัดวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศวันที่ 26 มิถุนายน 2567
@พบประวัติเคยต้องคำพิพากษาฐานลักทรัพย์ รับของโจร กระทำโดยทุจริต
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอสุไหงไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนราธิวาส ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกในความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ โดยพ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกในระดับอำเภอ และเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดในความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา เข้าลักษณะต้องห้าม ตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริง ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (9) (12) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยรับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐรรมนูญว่าด้วยการให้ได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเคยได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษยังไม่ถึงสิบปี และเคยต้องคำพิพากษาถึงถึงที่สุดของศาลให้ลงโทษจำคุกในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ซึ่งเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กรณีถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือ เที่ยงธรรม และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือกอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.ศ. 2561 มาตรา 14 (9) (12) ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
ผู้คัดค้านไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว เห็นว่า คดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐาน จึงให้งดการไต่สวน
@มีลักษณะต้องห้ามแต่ยื่นใบสมัครฯเขียนถ้อยคำรับรอง ย่อมถือกระทำการไม่สุจริต
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (9) และ (12) อันจะถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
เห็นว่า ได้ความจากสำนวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ระดับจังหวัด จังหวัดนราธิวาส เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 1 ถึงลำดับ 23 ว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 369/2553 ของศาลจังหวัดนราธิวาส ในความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร โดยศาลฎีกาพิพากษาให้ลงโทษจำคุกผู้คัดค้าน คดีถึงที่สุดแล้วตามหนังสือสำคัญเพื่อแสดงว่า คดีถึงที่สุด เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 9 หน้าที่ 32
ส่วนผู้คัดค้านไม่ได้นำพยานหลักฐานใดมาไต่สวนเพื่อให้เห็นเป็นอย่างอื่น
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดฐานลักทรัพย์ รับของโจร อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญาอันเป็นลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12)
การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือก เป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 3 หน้าที่ 9 และที่ 21 ว่า ผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 เมื่อวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) แล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14 (9) หรือไม่อีก เพราะเมื่อผู้คัดค้านพ้นโทษจำคุกมาครบ 10 ปีแล้ว ก็ยังคงเข้าลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14 (12) อยู่นั่นเอง
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายมหาดี มามะ ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา.
ข่าวคดีอื่น :
ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอกทรัพย์
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.อำเภอ จ.สระแก้ว มีประวัติทุจริตเลือกตั้ง