
เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็ม คดี ‘คอดียะฮ์ ทรงงาม’ ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับจังหวัดอ่างทอง โดนเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี เคยเป็นที่ปรึกษานายก อบจ. ขาดคุณสมบัติยังสมัคร ถือกระทำไม่สุจริต ไขปม ทำไมตำแหน่งนี้เป็นผู้บริหารท้องถิ่น
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนางสาวคอดียะฮ์ ทรงงาม ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี เนื่องจากผู้คัดค้านสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 18 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอและในระดับจังหวัด กรณีผู้คัดค้านเคยเป็นที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทองจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) ว่า ผู้ไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานแล้ว (ข่าวเกี่ยวข้อง : เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.อ่างทอง พ้นที่ปรึกษานายกอบจ.ไม่ถึง 5 ปี)
คดีนี้ผู้คัดค้านต่อสู้ว่า ตำแหน่ง ‘ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อ่างทอง’ มิใช่ตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ได้มีสถานะเหมือนนายก อบจ. และไม่ได้มีอํานาจทางบริหารเทียบเท่ารองนายก อบจ. ผู้คัดค้านจึงไม่ได้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา แต่ทว่าศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตําแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ. เป็นตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
สำนักข่าวอิศรานำคำพิพากษาฉบับเต็มมารายงาน
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษาฉบับเต็ม
คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ ลต สว 334/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 41/2568 ศาลฎีกา วันที่ 13 เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นางสาวคอดียะฮ์ ทรงงาม ผู้คัดค้าน
เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กําหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กําหนดวันเลือกระดับอําเภอวันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัดวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้าน สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 18 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอําเภอ อําเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอําเภอและในระดับจังหวัด ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ผู้อํานวยการการเลือกระดับประเทศ ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับประเทศในลําดับที่ 4 ของกลุ่มที่ 18 ก่อนประกาศผลการเลือก ผู้ร้องได้รับคําร้องว่า ผู้คัดค้านสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพราะผู้คัดค้านเคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่นและพ้นจากการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมาแล้วน้อยกว่าห้าปีถึงวันสมัคร รับเลือก ผู้ร้องทําการไต่สวนแล้วได้ความว่าผู้คัดค้านเคยดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ผู้ร้องพิจารณาแล้วเห็นว่า ตําแหน่งดังกล่าวเป็นตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) การที่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา แม้ผู้คัดค้านจะเข้าใจว่าตําแหน่งดังกล่าวมิใช่ตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น และผู้คัดค้านผ่านเข้าสู่กระบวนการเลือกระดับประเทศแล้ว โดยที่มิได้มีการลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้สมัคร แต่เป็นกรณีก่อนประกาศผลการเลือกและมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านกระทําการอันเป็นเหตุให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภามิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60 ประกอบมาตรา 14 (24) ผู้ร้องจึงสั่งระงับสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านเป็นการชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 224 (4) และมาตรา 225 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60 วรรคหนึ่ง ขอให้มีคําสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60 วรรคสอง
@ ยื่นคัดค้าน ‘ที่ปรึกษานายก อบจ.’ ไม่ใช่ตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น-อ้างกกต.กระทำขัด รธน.
ผู้คัดค้านยื่นคําคัดค้านว่า ผู้คัดค้านไม่เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น การดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทองไม่ได้มีสถานะเป็นการดํารงตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ผู้คัดค้านจึงไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา การที่ผู้ร้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านเป็นผู้บริหารท้องถิ่นโดยพิจารณาหลักกฎหมายตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 35/3 และมาตรา 44/3 เป็นการกระทําที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 5 และผู้ร้องเคยมีหนังสือตอบข้อหารือ ตามหนังสือสํานักงานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง ที่ ลต 0012/886 ลงวันที่ 23 มกราคม 2567 ว่า ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี ซึ่งเป็นตําแหน่งที่ปรึกษาคณะทํางานทางการเมืองเช่นกัน ไม่ใช่ตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นอันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ขอให้ยกคําร้อง ระหว่างพิจารณา ผู้คัดค้านยื่นคําร้องฉบับลงวันที่ 5 มีนาคม 2568 อ้างเหตุว่า การที่ผู้ร้องนําบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 35/3 และมาตรา 44/3 มาวินิจฉัยว่า การดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของผู้คัดค้านเป็นผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการกระทําที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 5 ขอให้ส่งคําร้องของผู้คัดค้านไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทําของผู้ร้องขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 212 หรือไม่
@บทบัญญัติของกม.ไม่ขัดแย้งต่อ รธน. /ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะส่งคําร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริง รับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 18 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอําเภอ อําเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ต่อมาวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ผู้อํานวยการการเลือกระดับประเทศ ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับประเทศในลําดับที่ 4 ของกลุ่มที่ 18 ก่อนประกาศผลการเลือก ผู้ร้องได้รับคําร้องว่า ผู้คัดค้านสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพราะผู้คัดค้านเคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่นและพ้นจากการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมาแล้วน้อยกว่าห้าปีถึงวันสมัครรับเลือก ผู้ร้องทําการไต่สวนแล้วได้ความว่า ผู้คัดค้านเคยดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ตําแหน่งดังกล่าวเป็นตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) ผู้ร้องจึงสั่งระงับสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านเป็นการชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งปี
พิเคราะห์แล้ว เห็นสมควรวินิจฉัยคําร้องขอส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยของผู้คัดค้านเสียก่อนว่า กรณีเข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลฎีกาจะส่งคําร้องของผู้คัดค้านไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่
เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 212 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในการที่ศาลจะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายบังคับแก่คดีใด ถ้าศาลเห็นเองหรือคู่ความโต้แย้งพร้อมด้วยเหตุผลว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นต้องด้วยมาตรา 5 และยังไม่มีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับบทบัญญัตินั้น ให้ศาลส่งความเห็นเช่นว่านั้นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย ในระหว่างนั้นให้ศาลดําเนินการพิจารณาต่อไปได้แต่ให้รอการพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” การที่ศาลจะส่งคําร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องเป็นกรณีที่มีการโต้แย้งว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่จะปรับใช้แก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้น กรณีตามคําร้องของผู้คัดค้านเป็นการอ้างว่าการที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีอํานาจหน้าที่ตามกฎหมายพิจารณาและตีความบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และวินิจฉัยว่าตําแหน่งของผู้ร้องเป็นตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น เป็นการกระทําที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มิใช่เป็นการโต้แย้งว่าบทบัญญัติของกฎหมายใดขัดต่อรัฐธรรมนูญ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งศาลจะส่งคําร้องของผู้คัดค้านไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 212 วรรคหนึ่ง จึงให้ยกคําร้องดังกล่าว
@ กกต.ยื่นคำร้อง ตามข้อ กม.
ก่อนจะวินิจฉัยว่า มีเหตุจะเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านหรือไม่ เห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่า กรณีตามคําร้องของผู้ร้องเป็นการขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60 วรรคสอง ตามที่ผู้ร้องอ้างมาในคําร้องหรือไม่ โดยผู้ร้องอ้างในคําร้องว่า ผู้คัดค้านได้เข้าสู่กระบวนการดําเนินการเลือกในระดับอําเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ โดยที่มิได้มีการลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้สมัครตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 จึงเป็นกรณีก่อนประกาศผลการเลือกมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านกระทําการอันเป็นเหตุให้การเลือกสมาชิกวุฒิสภามิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60
เห็นว่า ตามคําร้องของผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ในการเลือกระดับประเทศมีการประกาศผลการนับคะแนนแล้วโดยผู้คัดค้านเป็นผู้ได้รับเลือก แต่ยังไม่มีการประกาศผลการเลือก จึงเป็นกรณีที่อยู่ในขั้นตอนที่ผู้ร้องรอการประกาศผลการเลือกไว้ไม่น้อยกว่าห้าวันเพื่อตรวจสอบว่าการเลือกเป็นไปโดยถูกต้อง สุจริต และเที่ยงธรรมหรือไม่ โดยเปิดโอกาสให้มีการคัดค้านผู้ที่มีคะแนนเป็นผู้ได้รับเลือกได้ หากผู้ร้องเห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยถูกต้อง สุจริต และเที่ยงธรรมแล้ว ผู้ร้องจึงจะประกาศผลการเลือก ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 42 วรรคสอง จึงถือว่ายังอยู่ระหว่างการดําเนินการเลือกระดับประเทศ เมื่อมีผู้มายื่นคําร้องว่าผู้คัดค้านสมัครรับเลือกโดยทราบอยู่แล้วว่าตนเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ย่อมเข้ากรณีความปรากฏขึ้นในระหว่างการดําเนินการเลือกไม่ว่าในระดับใดก่อนประกาศผลการเลือกว่า ผู้สมัครผู้ใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามหรือสมัครมากกว่าหนึ่งกลุ่มหรือหนึ่งอําเภอ หรือแสดงข้อมูลในใบสมัครหรือเอกสารหรือหลักฐานประกอบการสมัครอันเป็นเท็จ ซึ่งให้ถือว่าผู้สมัครผู้นั้นกระทําการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคหนึ่งและวรรคสาม ดังนั้นเมื่อผู้ร้องสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านไว้เป็นการชั่วคราวเป็นเวลาไม่เกินหนึ่งปี และมายื่นคําร้องต่อศาลฎีกาขอให้สั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน จึงเป็นการยื่นคําร้องขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226
หาใช่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 60 วรรคสอง ดังที่ผู้ร้องอ้างไม่
@ตั้งประเด็นวินิจฉัย มีลักษณะต้องห้าม /กระทําการไม่สุจริตเที่ยงธรรม หรือไม่
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) อันจะถือว่า ผู้คัดค้านกระทําการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
ผู้ร้องมีนางสาวดรุพร ปิงสุทธิวงศ์ ซึ่งขณะเกิดเหตุดํารงตําแหน่งพนักงานสืบสวนและไต่สวนชํานาญการพิเศษ สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดอ่างทองและเป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกรณีของผู้คัดค้านมาเป็นพยานเบิกความประกอบสํานวนการไต่สวนเรื่องร้องคัดค้านการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศเอกสารหมาย ร. 9 ลําดับ 1 ถึง 45 ว่า ผู้คัดค้านเคยดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทองและพ้นจากตําแหน่งเมื่อ วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นระยะเวลาน้อยกว่า 5 ปี นับจากผู้คัดค้านพ้นจากตําแหน่งจนถึงวันสมัครรับเลือก
@ที่ปรึกษานายก อบจ.เป็นตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นด้วย/คุณสมบัติต้องห้าม
ส่วนผู้คัดค้านอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความว่า ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 ตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมิใช่ตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น ไม่ได้มีสถานะเหมือนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และไม่ได้มีอํานาจทางบริหารเทียบเท่ารองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้คัดค้านจึงไม่ได้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24)
เห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า ผู้คัดค้านเคยดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ซึ่งตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 35/3 วรรคสอง บัญญัติให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอาจแต่งตั้งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ และตามมาตรา 37/1 บัญญัติให้ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพ้นจากตําแหน่งเมื่อนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพ้นจากตําแหน่ง เห็นได้ว่าการเข้าสู่ตําแหน่งของที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดก็โดยการแต่งตั้งจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและพ้นจากตําแหน่งในคราวเดียวกับนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดด้วย นอกจากนี้ตามมาตรา 44/3 ยังบัญญัติห้ามนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้ใน (1) ถึง (3) ของมาตราดังกล่าว การที่บทบัญญัติมาตราดังกล่าวห้ามทั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และผู้ดํารงตําแหน่งอื่นซึ่งรวมถึงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดไว้เช่นนี้ ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอยู่ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการบริหารงานราชการขององค์การบริหารส่วนจังหวัด จึงถือได้ว่าตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นด้วย ผู้คัดค้านซึ่งดํารงตําแหน่งดังกล่าวจึงเป็นผู้บริหารท้องถิ่น แม้ผู้คัดค้านจะเข้าใจว่าตําแหน่งที่ปรึกษาองค์การบริหารส่วนจังหวัดมิใช่ตําแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้ร้องเคยมีหนังสือตอบข้อหารือว่าตําแหน่งที่ปรึกษานายกเทศมนตรีไม่ใช่ผู้บริหารท้องถิ่นตามเอกสารหมาย ร.1 ลําดับ 27 หน้าที่ 76 ก็ตาม ดังนั้น เมื่อนับถึงวันสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านจึงพ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมาแล้วน้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก อันมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว แต่ยังยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ ถ้อยคําของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) ตามเอกสารหมาย ร.1 ลําดับ 5 หน้าที่ และหน้าที่ 13 ว่า ผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทําการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนางสาวคอดียะฮ์ ทรงงาม ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคําพิพากษา


ข่าวคดีรายอื่นก่อนหน้า :
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ‘ธานนท์’ ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอสิชล ต้องคดีค้ายา (1)
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอกทรัพย์ (2)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.อำเภอ จ.สระแก้ว มีประวัติทุจริตเลือกตั้ง (3)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นราธิวาส มีประวัติลักทรัพย์ (4)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.มหาสารคาม มีประวัติเจ้ามือเล่นพนัน(5)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ยะลา เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น(6)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.สมุทรสาคร ถือหุ้นบมจ.อาร์เอส (7)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.อ่างทอง ต้องคดีค้ายาเสพติด (8)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.ตราด ถูกจำคุกคดีเจ้ามือไพ่รัมมี่ (9)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นนทบุรี เคยจำคุกคดีหมิ่นประมาท (10)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.พัทลุง ถือหุ้นสื่อ อสมท (11)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ กําแพงเพชร มีประวัติเรียกรับทรัพย์สิน (12)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี ลงสมัครคราวเดียว‘ลูกสาว’ (13)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี ลงสมัครคราวเดียว‘สามี’ (14)
- รายที่ 2! เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี สมัครคราวเดียว‘สามี’ (15)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปีผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับอ.เมืองเพชรบูรณ์ สมัครคราวเดียวเมีย (16)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ถือหุ้น บมจ.อาร์เอส , หุ้นเดียวก็ไม่ได้! ฉบับเต็ม ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอ.เมืองสมุทรสงคราม ถือหุ้น‘อาร์เอส’ (17)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.อ่างทอง พ้นที่ปรึกษานายกอบจ.ไม่ถึง 5 ปี (18)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา