
ศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หนูปอน ทับภูตา ผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในระดับอำเภอ อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม มีประวัติเป็นเจ้ามือเล่นพนันสลากกินรวบ จําคุก 4 เดือน รอการลงโทษ เข้าลักษณะต้องห้าม ตามคำร้อง กกต.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนางหนูปอน ทับภูตา ผู้คัดค้านเป็นระยะเวลา 10 ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษา ในคดีที่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 10 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อํานวยการการเลือก ระดับจังหวัด จังหวัดมหาสารคาม ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิด ฐานเป็นเจ้ามือผู้รับกินรับใช้ และฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่น ศาลมีคําพิพากษาอันถึงที่สุด จําคุก 4 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมความประพฤติ เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย ลบชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จึงยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ลงโทษตามกฎหมาย
คำพิพากษามีรายละเอียดดังนี้
@ลงสมัคร สว. มหาสาคาม ผ่านรับเลือกในระดับอำเภอ
คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 337/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 11/2568 ศาลฎีกา ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นางหนูปอน ทับภูตา ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กำหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กำหนดวันเลือกระดับอำเภอวันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัดวันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 10 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อํานวยการการเลือก ระดับจังหวัด จังหวัดมหาสารคาม ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็น สมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิด ฐานเป็นเจ้ามือผู้รับกินรับใช้ และฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่น เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริงผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา และได้ถูกลบชื่อออกจากบัญชีรายชื่อผู้สมัครแล้ว จึงถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมและรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือกอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) มาตรา 20 วรรคสาม และมาตรา 74 ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
ผู้คัดค้านไม่ยื่นคําคัดค้าน
@ ต้องคำพิพากษาฐานเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 10 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม และเป็น ผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ กลุ่มที่ 10 ลำดับที่ 2 ต่อมาผู้อํานวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดมหาสารคาม ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561มาตรา 14 (12) จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้ว ได้ความว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3777/2555 ของศาลจังหวัดมหาสารคาม ว่าผู้คัดค้านมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่น และฐานเข้าร่วมเล่นเป็นเจ้ามือ ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก ตามสำเนาคําพิพากษาศาลจังหวัดมหาสารคาม เอกสาร หมาย ร.1 ลำดับ 12 หน้าที่ 29 ถึงที่ 30
@เคยถูกศาลสั่งจําคุก 4 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) อันจะถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากพยานผู้ร้องปากสิบตำรวจเอกธนายุทธ สีพลไกร กรรมการสืบสวนและไต่สวนคดีนี้ ซึ่งเบิกความประกอบสํานวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดมหาสารคาม เอกสารหมาย ร.1 ลำดับที่ 1 ถึงลำดับที่ 22 และบันทึกการจับกุมผู้คัดค้านของสถานีตำรวจภูธรเชียงยืน จังหวัดมหาสารคามว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2555 ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3777/2555 ของศาลจังหวัดมหาสารคาม โดยคดีดังกล่าวมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ผู้คัดค้านมีความผิดฐานเข้าร่วมเล่นการพนันสลากกินรวบ โดยผู้คัดค้าน เป็นฝ่ายเจ้ามือผู้รับกินรับใช้ และฐานเป็นผู้จัดให้มีการเล่นเพื่อนํามาซึ่งผลประโยชน์แห่งตน ให้ลงโทษผู้คัดค้านจําคุก 4 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และคุมความประพฤติ ส่วนผู้คัดค้านไม่ได้นําพยานหลักฐานใดมาไต่สวนเพื่อให้เห็นเป็นอย่างอื่น ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก ผู้คัดค้านจึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคําของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 6 หน้าที่ 11 ถึงที่ 15 ว่า ผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนางหนูปอน ทับภูตา ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคําพิพากษา

ข่าวคดีอื่น :
ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอกทรัพย์
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.อำเภอ จ.สระแก้ว มีประวัติทุจริตเลือกตั้ง
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นราธิวาส มีประวัติลักทรัพย์

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา