
ศาลฎีกาฯพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ‘สุรพงษ์ รอดเสียงล้ำ’ ผู้ได้รับเลือก สว.ในระดับอำเภอ จ.กําแพงเพชร มีประวัติต้องคําพิพากษา เจ้าพนักงานกระทำทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานเรียกรับทรัพย์สิน จําคุก 2 ปี 6 เดือน รอการลงโทษ 2 ปี เขียนใบรับรองไม่มีลักษณะต้องห้าม ถือกระทำการเพื่อให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ นายสุรพงษ์ รอดเสียงล้ำ ผู้คัดค้าน เป็นเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เนื่องจากผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 19 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเมืองกําแพงเพชร จังหวัดกําแพงเพชร และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ 3
ต่อมาผู้อํานวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดกําแพงเพชร ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
แต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคําของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) ว่า ผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่า ผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 รายละเอียดดังนี้
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา - ยื่นใบสมัครฯกลุ่มที่ 19 -ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต้องคำพิพากษาทุจริตต่อหน้าที่ราชการ
คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 371/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 36/2568 ศาลฎีกา วันที่ 8 เดือน เมษายน พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นายสุรพงษ์ รอดเสียงล้ำ ผู้คัดค้าน เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กำหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กำหนดวันเลือกระดับอำเภอ วันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัด วันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน 2567
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 19 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเมืองกําแพงเพชร จังหวัดกําแพงเพชร และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อํานวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดกําแพงเพชร ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริง
ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเคย ต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กรณีถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือก อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) มาตรา 20 วรรคสาม และมาตรา 74 ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
ผู้คัดค้านไม่ยื่นคําคัดค้าน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาคําร้องและเอกสารประกอบคําร้องแล้ว เห็นว่า คดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐาน จึงให้งดการไต่สวน
@ พบประวัติศาลสั่งจำคุก 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แก้เป็นปรับคนละ 10,000 บาท อีกสถานหนึ่ง โทษจําคุกให้รอการลงโทษ 2 ปี
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) อันจะถือว่า ผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
เห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความจากคําร้องและสํานวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดกําแพงเพชร เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 1 ถึง 38 ว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3312/2558 ของศาลจังหวัดกําแพงเพชร ว่า ผู้คัดค้านซึ่งเป็นจําเลยที่ 1 ร่วมกับจําเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ประกอบมาตรา 83 ลงโทษจําคุกคนละ 2 ปี 6 เดือน ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษปรับคนละ 10,000 บาท อีกสถานหนึ่ง โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี
นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคําพิพากษาศาลชั้นต้น ตามสำเนาคําพิพากษาศาลจังหวัดกําแพงเพชรและสำเนารายงานกระบวนพิจารณาเอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 14 และลำดับ 15 หน้าที่ 43 ถึงหน้าที่ 50 และสำเนาคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 16 หน้าที่ 51 ถึงหน้าที่ 57 ส่วนผู้คัดค้านไม่ยื่นคําคัดค้านและไม่ได้นําพยานหลักฐานมาไต่สวนให้เห็นเป็นอย่างอื่น
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ผู้คัดค้านจึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคําของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 3 หน้าที่ 10 และหน้าที่ 11 ว่า ผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่า ผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุรพงษ์ รอดเสียงล้ำ ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคําพิพากษา.

ข่าวคดีรายอื่นก่อนหน้า:
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ‘ธานนท์’ ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอสิชล ต้องคดีค้ายา (1)
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอกทรัพย์ (2)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.อำเภอ จ.สระแก้ว มีประวัติทุจริตเลือกตั้ง (3)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นราธิวาส มีประวัติลักทรัพย์ (4)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.มหาสารคาม มีประวัติเจ้ามือเล่นพนัน(5)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ยะลา เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น(6)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.สมุทรสาคร ถือหุ้นบมจ.อาร์เอส (7)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.อ่างทอง ต้องคดีค้ายาเสพติด (8)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.ตราด ถูกจำคุกคดีเจ้ามือไพ่รัมมี่ (9)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นนทบุรี เคยจำคุกคดีหมิ่นประมาท (10)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.พัทลุง ถือหุ้นสื่อ อสมท (11)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา