
ศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ‘ชลอ และยา’ ผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาระดับอำเภอ อ.เมืองรามัน จ.ยะลา เป็นระยะเวลา 10 ปี เคยเป็นรองนายก อบต. พ้นจากตำแหน่งมาแล้วน้อยกว่าห้าปี เข้าลักษณะมิให้ใช้สิทธิฯตามกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของ นายชลอ และยา ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา เนื่องจากผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเมืองรามัน จังหวัดยะลา และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา และพ้นจากตำแหน่งมาแล้วน้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก จึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) รายละเอียดดังนี้
@ เปิดรายละเอียดคำพิพากษา
คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ลต สว 340/2567 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 19/2568 ศาลฎีกา
วันที่ 5 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง
ระหว่าง นายชลอ และยา ผู้คัดค้าน เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กำหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กำหนดวันเลือกระดับอำเภอ วันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัด วันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอเมืองรามัน จังหวัดยะลา และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอำเภอ ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดยะลา ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้ว พบว่า ผู้คัดค้านเคยดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา เข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริง ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองว่าตนเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็น ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561
โดยรู้อยู่แล้ว ว่าตนเคยดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา อันเป็นผู้บริหารท้องถิ่นและพ้นจากการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมาแล้วน้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก ซึ่งเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามกฎหมาย กรณีจึงถือได้ว่า ผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิ สมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือก อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) มาตรา 20 วรรคสาม และมาตรา 74 ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
ผู้คัดค้านไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริง เบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็น สมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 20 ต่อผู้อำนวยการการเลือกระดับอำเภอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา และเป็น ผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอกลุ่มที่ 20 ลำดับที่ 1 ต่อมาผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดยะลา ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านพบว่า มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) จึงลบชื่อผู้คัดค้านออก จากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด ผู้ร้องทำการไต่สวนแล้วได้ความว่า ผู้คัดค้านเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่นและพ้นจากการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมาแล้วน้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัคร รับเลือก ตามเอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 9 หน้าที่ 22
@ พ้นตำแหน่งรองนายก อบต.มาแล้วน้อยกว่าห้าปี มีลักษณะต้องห้าม
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็น สมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) อันจะถือว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากพยานผู้ร้อง ปากร้อยตำรวจเอกสมนึก กุลมณี ผู้อำนวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดยะลา ซึ่งเบิกความประกอบสำนวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดยะลา เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 7 หน้าที่ 20 และลำดับ 8 หน้าที่ 21 ว่า ผู้คัดค้านเคยดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2564 โดยพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 และเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ส่วนผู้คัดค้านไม่ยื่นคำคัดค้าน และมิได้นำพยานหลักฐานมาไต่สวนให้เห็นเป็นอย่างอื่น
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเคยเป็น รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโดยมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือในการบริหารขององค์การบริหารส่วนตำบลตามที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมอบหมาย ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 58/3 มีสิทธิเข้าประชุมสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและมีสิทธิแถลงข้อเท็จจริง ตลอดจนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานในหน้าที่ของตนต่อที่ประชุมได้ตามมาตรา 58/6 และในการปฏิบัติราชการให้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มีอำนาจเปรียบเทียบคดีละเมิดข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบลได้ตามระเบียบและวิธีการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65
แสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งรองนายก องค์การบริหารส่วนตำบลถือว่าเป็นผู้บริหารท้องถิ่นตามบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมาแล้วน้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก ผู้คัดค้านจึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (24) การที่ผู้คัดค้าน ซึ่งมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว แต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคำของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลำดับ 3 หน้าที่ 9 และที่ 10 ว่า ตนไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทำการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายชลอ และยา ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษา.

ข่าวคดีอื่น
ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอกทรัพย์
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.อำเภอ จ.สระแก้ว มีประวัติทุจริตเลือกตั้ง
ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นราธิวาส มีประวัติลักทรัพย์
เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.มหาสารคาม มีประวัติเจ้ามือเล่นพนัน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา