‘ศาลอาญาคดีทุจริตฯ’ พิพากษายกฟ้องคดี ‘ทอท.’ แก้สัญญาดิวตี้ฟรี ทำให้ 'รัฐ-ผู้ถือหุ้น' เสียหาย ชี้ ‘ผู้ฟ้องคดี’ ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่ปรากฏข้อเท็จจริง ‘บอร์ด ทอท.’ ได้รับประโยชน์อื่นใดที่มิควรได้โดยชอบ 'ชาญชัย' จ่ออุทธรณ์
......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อท 46/2564 ซึ่งเป็นคดีที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ (โจทก์) ฟ้องนายประสงค์ พูนธเนศ ที่ 1 กับพวกรวม 14 คน (จำเลย) ในฐานะคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. ในข้อหาพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดฯ กรณีเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดเก็บเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ การแก้ไขสัญญาสัมปทานในท่าอากาศยานฯ
โจทก์ฟ้องว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทมหาชนจำกัด มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นใน ทอท. จำเลย ทั้งสิบสี่เป็นคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) วันเวลาตามฟ้องจำเลยทั้งสิบสี่ดำเนิน การมีมติในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) มีผลให้เป็นการแก้ไขสัญญาที่ ทำไว้กับบริษัทเอกชนรวม 5 สัญญา
โดยลดผลประโยชน์ที่ ทอท. จะได้รับจากสัญญาที่ทำไว้เดิม ทำให้ ทอท. รวมทั้งโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 90, 91 ,157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 3 ,11 ความผิดต่อพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 4(2), 27
ความผิดต่อพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 93, 97(1) ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 9, 12 ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 มาตรา 5, 20 ความผิดต่อพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 89/8,281/2, 311, 314, 315 และความผิดต่อพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 มาตรา 215
ศาลพิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า คำฟ้องของโจทก์มีมูลให้ประทับฟ้องหรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องคดีนี้ สำหรับความผิดของจำเลยทั้งสิบสี่ที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 นั้น
ความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีองค์ประกอบของการกระทำความผิดสองลักษณะ
ประการแรก จำเลยผู้กระทำต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นตัวอย่างของการกระทำความผิดทางอาญาที่อาจมีผู้เสียหายหรือเหยื่ออาชญากรรมได้ เนื่องจากอาจมีพฤติการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนามุ่งต่อความเสียหายของบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะ และบุคคลผู้ได้รับความเสียหายจากเจตนาพิเศษดังกล่าวของจำเลยย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(4) และมีอำนาจฟ้องคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28 ได้
ประการที่สอง จำเลยผู้กระทำต้องมีเจตนาโดยทุจริต ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(1) บัญญัติว่า “โดยทุจริต” หมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการกระทำความผิดทางอาญาที่ไม่มีเหยื่ออาชญากรรมหรือผู้เสียหาย ซึ่งถือว่ารัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย เมื่อการพ้องคดีอาญาเป็นการดำเนินคดีซึ่งมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ถูกฟ้องและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
การดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมทางอาญา จึงย่อมต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดขึ้นเพื่อรับรอง คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และกำหนดกระบวนวิธีพิจารณาความอาญาไว้ การฟ้องคดี วิธีพิจารณาคดีย่อมต้องอยู่ ภายใต้บังคับของกฎหมายและต้องดำเนินการไปตามบทบัญญัติของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ดังนั้น ความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวในส่วนที่ถือว่ารัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์จึงไม่อาจเป็นผู้เสียหายได้
ส่วนกรณีการกระทำความผิดที่มีองค์ประกอบความผิดตามบทบัญญัติที่อาจมีผู้เสียหายหรือเหยื่ออาชญากรรมได้นั้น เมื่อทางไต่สวนไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสิบสี่กระทำการตามที่โจทก์ได้บรรยายฟ้องโดยมีเจตนามุ่งหมายกลั่นแกล้งโจทก์เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายต่อโจทก็โดยตรงหรือโดยเฉพาะเจาะจงอย่างไร โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษ มิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์จึงไม่อาจเป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 89/7, 281/2, 311, 314 และ 315 และความผิดต่อพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 มาตรา 215 โจทก์บรรยายฟ้องโดยใช้สิทธิฟ้องคดีในฐานะผู้ถือหุ้นใน ทอท. ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและใช้สิทธิเรียกร้องแทนนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมหาชนในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว
กรณีบุคคลใดจะอ้างว่าตนเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานใด ย่อมต้องพิจารณาว่าบุคคลนั้นได้รับความเสียหายหรือถูกกระทบต่อสิทธิของตนเพียงใด ความเสียหายที่เกิดแก่สิทธิที่อ้างว่าถูกกระทบนั้น สิทธิดังกล่าวมีขึ้นตามบทบัญญัติกฎหมายใด เป็นการใช้สิทธิโดยอ้างสถานะใดในทางกฎหมาย และมีข้อจำกัดสิทธินั้นๆ ตามกฎหมายหรือไม่
ส่วนคำพิพากษาศาลฎีกาที่โจทก์ยกขึ้นอ้างหาได้วินิจฉัยถึงเงื่อนไขการฟ้องคดีอันเป็นข้อเท็จจริงในคดีนี้ ซึ่งต้องพิจารณาต่อไปว่า เมื่อการใช้สิทธิของโจทก์เกิดขึ้นในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้น มิใช่บุคคลทั่วไป โจทก์จึงย่อมมีสิทธิและข้อจำกัดสิทธิภายใต้บังคับของกฎหมายเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นนั้นๆ กรณีจึงต้องพิจารณาต่อไปว่า สิทธิของโจทก์ถูกกระทบทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ กล่าวคือ สิทธิของโจทก์อันเกิดขึ้นเนื่องจากโจทก็มีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นถูกกระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือไม่
ทั้งนี้ สถานะของโจทก็ในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นเกิดขึ้นตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งโดยทั่วไป นอกจากมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ในหุ้นหรือเงินปันผล ผู้ถือหุ้นในฐานะหุ้นส่วนในบริษัทยังมีภาระหรือต้องยอมรับในกรณีที่สิทธิหรือผลประโยชน์ที่จะได้รับดังกล่าวต้องถูกกระทบหรือที่ต้องเสียไป เนื่องจากการบริหารงานหรือการดำเนินนโยบายของกรรมการหรือผู้มีอำนาจบริหารหรือดำเนินนโยบายนั้นๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังถูกจำกัดสิทธิบางประการที่กำหนดให้ผู้ถือหุ้นจำต้องดำเนินการตามกระบวนการที่กฎหมายบัญญัติไว้หากจะใช้สิทธิเรียกร้องเกี่ยวกับผลประโยชน์หรือสิทธิที่ต้องเสียไป สิทธิอันเกิดขึ้นหรือมีขึ้นเนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นจึงยังไม่ถือว่าได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินการของกรรมการหรือผู้มีอำนาจบริหารของบริษัท เนื่องจากจำต้องยอมรับในความเสียหายหรือสิทธิและผลประโยชน์ที่เสียไปอันเกิดจากการบริหารหรือดำเนินนโยบายของบริษัท โดยจะถือว่าผู้ถือหุ้นนั้นถูกกระทบกระเทือนสิทธิอันเกิดขึ้นจากการมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นนั้นๆ จนเกิดความเสียหายก็ต่อเมื่อได้ดำเนินการตามกระบวนการจำกัดสิทธินั้นจนครบถ้วนแล้วตามกฎหมาย
เมื่อ ทอท. เป็นบริษัทมหาชนจำกัดและเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ซึ่งได้กำหนดผู้มีอำนาจบริหารบริษัท กระบวนการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นในการบริหารบริษัทไว้เพื่อให้การบริหารจัดการบริษัทเป็นไปโดยเรียบร้อย มิให้การดำเนินการของผู้ถือหุ้นแต่ละรายก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นรายอื่นโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเป็นข้อจำกัดสิทธิของโจทก์ผู้ถือหุ้น เพราะกฎหมายมีเจตนารมณ์ไม่ต้องการให้ผู้ถือหุ้นเข้าไปก้าวล่วงจัดการเกี่ยวกับธุรกิจปกติของบริษัทมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ดำเนินการตามกระบวนการดังกล่าว สิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นที่จะใช้สิทธิเรียกร้องจึงยังไม่เกิดขึ้นตามข้อจำกัดสิทธิของโจทก์ดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าสิทธิของโจทก์ตามกฎหมายยังไม่ถูกกระทบยังไม่ได้รับความเสียหายตามกฎหมายโจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ทั้งไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะมีอำนาจฟ้องแทน ทอท. ซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
ประกอบกับเมื่อพิจารณาแล้วการดำเนินการของจำเลยทั้งสิบสี่ตามฟ้อง มิใช่การดำเนินการอันเข้าบทนิยามตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ที่ต้องดำเนินการต่อไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไป ดังนั้น การที่ไม่ปรากฏการดำเนินการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงมิใช่การอันมิชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด
สำหรับการฝ่าฝืนไม่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 มาตรา 27 ได้ความจากหนังสือชี้แจงของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและคำเบิกความพยานศาลว่าการดำเนินการของจำเลยทั้งสิบสี่ตามฟ้องโจทก์ไม่อยู่ในบังคับบทบัญญัติมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561และประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง การดำเนินกิจกรรมมาตรการ หรือโครงการที่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต พ.ศ.2561 พร้อมตัวอย่างการดำเนินการของหน่วยงานอื่นที่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ แต่ไม่เข้าเงื่อนไขที่จำต้องขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามกฎหมายและประกาศดังกล่าว
นอกจากนี้ จากทางไต่สวนไม่ปรากฎว่าการดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ ดังกล่าวที่โจทก์ยกขึ้นอ้างตามฟ้องมีการแปลความหรือแจ้งเวียนเผยแพร่แนวทางปฏิบัติอย่างชัดแจ้งให้เห็นได้ดังที่โจทก์ยกขึ้นอ้างแปลความ อันจะบ่งชี้แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสิบสี่ได้ทราบแล้วจงใจไม่ปฏิบัติหรือมีเจตนาปฏิบัติดำเนินการให้ฝ่าฝืนหรือให้ขัดหรือแย้งต่อกฎหมายดังกล่าว
ดังนั้น การที่จำเลยทั้งสิบสี่ มิได้ดำเนินการดังที่โจทก์อ้างจึงฟังได้เพียงว่าเป็นการดำเนินการที่แตกต่างหรือไม่ปฏิบัติตามกระบวนการที่สอดคล้องกับความเห็นของโจทก์เท่านั้น ทั้งไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสิบสี่ได้รับประโยชน์อื่นใดที่มิควรได้โดยชอบแต่อย่างใด กรณีจึงไม่ใช่เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหาย หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
และไม่มีผลให้ฟังได้ว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 หรือความผิดต่อพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535
ส่วนปัญหาที่ว่าเงินรายได้ของ ทอท.ทั้งหมดที่ได้รับมาถือเป็นรายได้ของรัฐหรือไม่ การที่ ทอท.แก้ไขสัญญากับเอกชนและการออกมาตรการเยียวยาให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากผลกระทบของวิกฤติการณ์สถานะการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid 19) เป็นการกระทำให้รัฐสูญเสียรายได้หรือไม่ และเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 มาตรา 12 หรือไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ ไม่ว่ากรณีจะเป็นเช่นไรก็ตาม เมื่อโจทก็ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสิบสี่เป็นคดีนี้ คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
นายชาญชัย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า ขณะนี้ขอรอคำพิพากษาฉบับเต็มก่อน เพราะยังไม่รู้รายละเอียดว่าศาลฯได้ตัดสินในแต่ละประเด็นอย่างไรบ้าง แต่ยืนยันว่าจะอุทธรณ์แน่นอน โดยเฉพาะในประเด็นอำนาจฟ้อง รวมทั้งประเด็นอื่นๆที่จะขอให้ศาลฯวินิจฉัย นอกจากนี้ จะมีการทำหนังสือไปยังหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจฟ้องให้ไปฟ้องคดีนี้ต่อศาลฯ เนื่องจากกรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อป้องกันและปรามการทุจริต เช่น ต่อไปหน่วยงานอื่นๆอาจเอาไปใช้แบบอย่าง คือ ใช้ดุลพินิจหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายได้
อ่านประกอบ :
พลิกคำแถลงฯ‘อัยการ’แก้ต่าง คดีฟ้อง‘ทอท.’แก้สัญญา‘ดิวตี้ฟรี’มิชอบ ก่อนศาลฯนัดชี้มูล ก.พ.66
‘ศาลคดีทุจริตฯ’นัดชี้มูล คดี‘ทอท.’แก้สัญญา‘ดิวตี้ฟรี-พื้นที่เชิงพาณิชย์’ 28 ก.พ.ปีหน้า
ศาลคดีทุจริตฯ นัดสืบพยานปาก 'ผู้แทน สศค.' คดี 'ทอท.' แก้สัญญา' ดิวตี้ฟรี 7 ธ.ค.นี้
'ศาลคดีทุจริตฯ'นัด'พยานปากสุดท้าย'ไต่สวนมูลฟ้อง คดี'ทอท.'แก้สัญญา'ดิวตี้ฟรี' ต.ค.นี้
ย้อนบันทึก'บอร์ด ทอท.' ต่อเวลาอุ้ม'สายการบิน-ดิวตี้ฟรี' พยุงรายได้ปี 65 แตะ 2 หมื่นล.
'ศาลคดีทุจริตฯ'แจ้ง'ผู้ตรวจการแผ่นดิน'ส่งผู้แทนเบิกความเป็นพยาน คดีแก้สัญญา'ดิวตี้ฟรี'
ศาลคดีทุจริตฯ เรียก 5 หน่วยงาน ให้ข้อเท็จจริง คดีฟ้อง'ทอท.'แก้สัญญา'ดิวตี้ฟรี'มิชอบ
เป็นอำนาจบอร์ด! 'ทอท.' ย้ำแก้สัญญา ‘ดิวตี้ฟรี’ ไม่เข้าข่ายพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังฯ
‘สคร.กลับลำ! ร่อนหนังสือแจ้ง‘ทอท.’แก้สัญญาดิวตี้ฟรี ไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.วินัยการเงินฯ
'ศาลอุทธรณ์' พิพากษากลับ ยกฟ้อง ‘ชาญชัย’ คดีหมิ่นประมาท ‘คิงเพาเวอร์’
‘สคร.’ร่อน‘หนังสือลับ’สั่ง‘ทอท.’แจงปมแก้ไขสัญญา‘ดิวตี้ฟรี-บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์’
เลื่อนนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์! คดี‘ชาญชัย’ฟ้อง‘ทอท.’แก้สัญญา'ดิวตี้ฟรี'เสียหาย 4.2 หมื่นล.