ปปง.แพร่ข่าวอายัดทรัพย์สินคดีฉ้อโกงหุ้น MORE เพิ่มอีก 19 ล้าน รวม 2 ครั้ง 36 รายการ มูลค่า 5,319 ล้าน
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รักษาราชการแทน เลขาธิการ ปปง. เปิดเผยว่า ตามที่ สํานักงาน ปปง. ได้ดําเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด ไว้ชั่วคราว รายนายอภิมุขฯ กับพวก ซึ่งมีพฤติการณ์กระทําความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมาย อาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จํานวน 34 รายการ (เงินหรือหลักทรัพย์ที่ซื้อต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการ ขายหุ้น MORE หรือ MORE-R) รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 5,300 ล้านบาท พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน คือ นับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 นั้น
รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสืบสวนสอบสวนขยายผล เพื่อดําเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทําความผิดรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ทั้งหมด พบว่า นายอภิมุขฯ กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติม สํานักงาน ปปง. จึงมีคําสั่งอายัดทรัพย์สิน ที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จํานวน 2 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินประเภทเงินหรือ หลักทรัพย์ที่ซื้อต่อเนื่องจากเงินที่ได้จากการขายหุ้น MORE หรือ MORE-R รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 19 ล้านบาท พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน คือ นับตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566
ในภาพรวมสํานักงาน ปปง. ได้ดําเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด ไว้ชั่วคราวในรายคดีนี้ 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 36 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 5,319 ล้านบาท
ทั้งนี้ สํานักงาน ปปง. ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ทราบว่า ผู้ใดกระทําการดังต่อไปนี้ (1) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของ ทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทําความผิด มิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษ น้อยลง ในความผิดมูลฐาน หรือ (2) กระทําด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออําพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มา แหล่งที่ตั้ง การจําหน่าย การโอน การได้สิทธิใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด หรือ (3) ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สิน โดยรู้ในขณะที่ได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้น ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด ผู้นั้นกระทําความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และผู้ใดยักย้าย ทําให้เสียหาย ทําลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทําให้สูญหายหรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารหรือบันทึก ข้อมูล หรือทรัพย์สิน ที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้ หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดินตามพระราชบัญญัติป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ข่าวเกี่ยวข้อง:
ตำรวจ ‘ปอศ.’ นัดหารือ ‘ก.ล.ต.’ คดีฉ้อโกง ‘โบรกเกอร์’ กรณีซื้อขายหุ้น MORE พรุ่งนี้
เงินกองทุนฯต่ำเกณฑ์! 'ก.ล.ต.' สั่ง 'บล.เอเชีย เวลท์' ระงับการดำเนินธุรกิจทุกประเภท
‘ปปง.’อายัดทรัพย์ธุรกรรมซื้อขาย MORE 34 รายการ-‘ตลท.’ส่งข้อมูลให้‘ก.ล.ต.’ฟันปั่นหุ้นแล้ว
‘ก.ล.ต.’ตั้ง‘คณะทำงานฯ’ตรวจสอบซื้อขายหุ้น MORE-ให้โอกาส‘เอเชีย เวลท์’หาเงินคืนลูกค้า
‘ตลท.’คุ้ยหลักฐานสอบปั่นหุ้น MORE-แจงวิธีโอนหลักทรัพย์ หลัง‘ก.ล.ต.’สั่งปิด‘เอเชีย เวลท์’
'บช.ก.-ปอศ.'หารือ'ก.ล.ต.'ปมซื้อขายหุ้น MORE ผิดปกติ-จ่อเรียก'เสี่ย ม.-เสี่ย ป.'ให้ปากคำ
ระงับโอนธุรกรรมน่าสงสัย! 'ตลท.'สอบสายสัมพันธ์หุ้น MORE ย้อนหลัง-โบรกฯร้องเสียหาย 4 พันล.
‘ตลท.’ ประสานตำรวจ ‘ปอศ.’ เร่งสืบสวนหาผู้กระทำผิด ปมซื้อขายหุ้น MORE ผิดปกติ
‘ตลท.’ เดินหน้าตรวจสอบกรณีซื้อขายหุ้น MORE ผิดปกติ-ยันไม่กระทบเสถียรภาพตลาด