‘ศาลปกครองสูงสุด’ นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก คดี ‘พินิจ สารภูมี-พวก’ ฟ้องเพิกถอนคำสั่ง ‘อธิบดี กพร.’ อนุญาต 'บ.อัคราฯ' เปลี่ยนสถานที่สร้าง ‘บ่อทิ้งเก็บกากแร่’ แห่งที่ 2 เหมือนทองชาตรี โดยมิชอบ 1 พ.ย.นี้
..................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ศาลปกครองสูงสุดนัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีหมายเลขดำที่ อส.48/2557 ระหว่าง นายพินิจ สารภูมี กับพวกรวม 108 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ 1 กับพวกรวม 14 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า บริษัท อัครา ไมนิ่ง จำกัด หรือบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7) ได้ขอขยายพื้นที่และโรงงานทำเหมืองแร่ทองคำและประกอบโลหกรรม โดยผู้อำนวยการสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 9) ได้ออกประกาศรับฟังความคิดเห็นของประชาชน แต่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบไม่ได้ให้ความยินยอมและคัดค้าน
อีกทั้งการขอขยายโรงงานไม่ได้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และไม่ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 แต่กลับมีการออกใบอนุญาตให้ขยายพื้นที่ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพ.ร.) (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 เปลี่ยนสถานที่ก่อสร้างบ่อทิ้งเก็บกากแร่แห่งที่ 2 (TSF2) ในสถานที่แห่งใหม่ที่ไม่เป็นไปตามแผนผังเดิมที่ได้รับประทานบัตร ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
ต่อมาศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่อนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 เปลี่ยนแปลงแผนผังโครงการเหมืองแร่ทองคำชาตรีเหนือ ซึ่งเป็นการอนุญาตให้เปลี่ยนสถานที่ก่อสร้างบ่อทิ้งเก็บกากแร่แห่งที่ 2 (TSF2) จากเดิมที่กำหนดให้ก่อสร้างทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ่อทิ้งเก็บกากแร่แห่งที่ 1 (TSF1) ไปเป็นก่อสร้างบนพื้นที่ที่เคยได้รับอนุญาตให้จัดทำเป็นสถานที่เก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทราย ตามใบประทานบัตรที่ 1/2548 ของโครงการเหมืองแร่ทองคำชาตรี (เดิม)
และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 9 และผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10) ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ในการควบคุมกำกับดูแลผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ไม่ให้ทำการก่อสร้างและใช้งานบ่อทิ้งเก็บกากแร่แห่งที่ 2 ดังกล่าว และห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 14) ออกคำสั่งหรือออกใบอนุญาตการขยายโรงงานประกอบโลหกรรม (ส่วนขยาย) ให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 จนกว่าจะได้ดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนในชั้นการพิจารณาทางปกครองตามที่บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้กำหนดไว้อย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว
รวมทั้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 9 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 14 ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติในการควบคุมกำกับดูแลไม่ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 เดินเครื่องจักรเพื่อประกอบกิจการในโรงงานประกอบโลหกรรม (ส่วนขยาย)
และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 14 เสนอต่อปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมายให้พิจารณาอนุมัติให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการผูกมัดประทับตราเครื่องจักรในโรงงานประกอบโลหกรรม (ส่วนขยาย) ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ดังกล่าว จนกว่าจะได้มีการดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนในชั้นพิจารณาทางปกครองและมีคำสั่งอนุญาตตามกฎหมายอย่างถูกต้องครบถ้วน ทั้งนี้ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 9 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 10 และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 14 ดำเนินการภายใน 30 วัน นับแต่คดีถึงที่สุด
เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 จะเปลี่ยนแปลงผังโครงการ โดยเปลี่ยนสถานที่ก่อสร้างบ่อทิ้งเก็บกากแร่แห่งที่ 2 จากสถานที่ที่ถูกกำหนดไว้เดิมไปก่อสร้างยังที่แห่งใหม่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 จะต้องเสนอรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวประกอบกับมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านโครงการเหมืองแร่พิจารณาให้ความเห็นชอบเสียก่อน
เพราะเมื่อสถานที่ก่อสร้างฯ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมย่อมมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจเกิดความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อม และสร้างปัญหาทางด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างร้ายแรงได้ ดังนั้น ขั้นตอนการพิจารณาทางปกครองที่ต้องให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านโครงการเหมืองแร่พิจารณาให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างบ่อทิ้งเก็บกากแร่ดังกล่าว จึงเป็นขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญในการออกคำสั่งอนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงแผนผังโครงการหรือสถานที่ก่อสร้าง
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่ง อนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 เปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างบ่อทิ้งเก็บกากแร่แห่งที่ 2 โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการด้านโครงการเหมืองแร่ก่อน นั้น จึงเป็นคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยไม่ถูกต้องตามขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญ คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนกรณีการประกอบกิจการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นการขยายโรงงานประกอบโลหกรรม (ส่วนขยาย) เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ศาลฯ เห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ได้ก่อสร้างและขยายโรงงานประกอบโลหกรรม (ส่วนขยาย) เพื่อเพิ่มหรือขยายกำลังการผลิต โดยมีการทดลองเดินเครื่องเพื่อทำการผลิตในโรงงาน ทั้งที่ยังไม่ได้ดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาทางปกครองตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และยังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และที่ 14 จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และตราบใดที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และที่ 14 ย่อมไม่มีอำนาจที่จะออกคำสั่งอนุญาตให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 ทำการก่อสร้างส่วนขยาย โดยที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ 9 ที่ 10 และที่ 14 มีหน้าที่ต้องควบคุมกำกับดูแลผู้ถูกฟ้องคดีที่ 7 แต่กลับปล่อยมีการก่อสร้างและใช้งานในส่วนที่ไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ
ผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีจึงยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด
อ่านประกอบ :
อยู่ระหว่างสอบข้อเท็จจริง!‘ป.ป.ช.’แจ้งความคืบหน้าปมกล่าวหา‘สุริยะ’ไม่ดำเนินคดี‘บ.อัคราฯ’
ครม.รับทราบคืบหน้าเจรจา 'คิงส์เกต' ชี้สัญญาณดี ปมเหมืองทองอัครา
อภิปรายไม่ไว้วางใจ :‘จิราพร’ ย้ำปมเหมืองทองอัครา เตือน 9 ครั้ง ไม่ฟังทำชาติเสียหาย
ดีเอสไอยุติสืบสวนคดีออกอาชญาบัตรพิเศษ'เหมืองทองอัครา'ส่งสำนวน ป.ป.ช.ดูต่อตามกฎหมาย
'อนุญาโตฯ'เลื่อนชี้ขาด'คดีเหมืองทองอัครา'-'กพร.'แจงปมอนุมัติประทานบัตรฯ 3 แปลง'รุกป่า'
‘ดีเอสไอ’ ตั้งเรื่องสอบ คดี ‘บอร์ดแร่ฯ’ ออกอาชญาบัตรฯสำรวจทองให้ ‘บ.อัครา’ ผิดกม.ฮั้ว
ฟื้น'เหมืองทองอัครา'! ดีลให้'ประทานบัตร'แลกถอนฟ้อง? จับตา'อนุญาโตฯ'เลื่อนชี้ขาดคดี
ร้องตร.ป.ป.ป.เอาผิดDSIละเว้นปฎิบัติหน้าที่-จี้สอบปมขอประทานบัตรเหมืองทองอัคราฯ
'รัฐบาลไทย' อนุมัติประทานบัตรฯ 4 ฉบับ พื้นที่ 'เหมืองทองคำชาตรี' ให้ 'คิงส์เกต'
ถอดบทเรียน! ก่อนปิด ‘เหมืองทองอัครา’ ปมผลกระทบ ‘สุขภาพ’ ที่ยังไม่คลี่คลาย?
รบ.ยังไม่เสียสักบาท! ‘วิษณุ’สวนฝ่ายค้านแนวโน้มไทยแพ้ค่าโง่เหมืองอัคราฯแค่เฟกนิวส์
ฝ่ายค้านขุดเอกสารลับ!แนวโน้มไทยแพ้ค่าโง่ 2 หมื่นล.อัคราฯ ‘สุริยะ-บิ๊กตู่’ปัดเอื้อ ปย.