อ้างผิดพลาด! 'ปลัดดีอีเอส'ขออภัย 'ผู้ตรวจอัยการ’ ยันไม่เปลี่ยน‘อนุญาโตฯ’ คดีไทยคม 5

des 20 07 21pic

‘ปลัดดีอีเอส’ แจง ‘ผู้ตรวจการอัยการ’ ยืนยันไม่เปลี่ยนตัว ‘อนุญาโตตุลาการ’ ข้อพิพาท A27/2020 คดีดาวเทียมไทยคม 5 พร้อม ‘ขออภัย’ หลังเขียนหนังสือที่ทำให้เกิดความกังวลใจ

......................

สืบเนื่องจากกรณีนางสุรางค์ นาสมใจ ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะอนุญาโตตุลาการฝ่ายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ข้อพิพาทเลขที่ A27/2020 (ข้อพิพาทดาวเทียมไทยคม 5) ทำหนังสือถึง น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดีอีเอส เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีมีหนังสือ ด่วนที่สุดที่ ดศ 0202.3/6373 ลงวันที่ 11 มิ.ย.2564 เรื่อง ขอเปลี่ยนแปลงอนุญาโตตุลาการ กรณีพิพาทสัญญาการดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ

โดยหนังสือดังกล่าว มีเนื้อหาตอนหนึ่งกล่าวหานางสุรางค์ว่า “อาจถูกคู่พิพาทอีกฝ่ายคัดค้าน โดยอาศัยเหตุมีผลประโยชน์ขัดกัน ขาดความเป็นกลาง” นั้น

ล่าสุด ปลัดกระทรวงดีอีเอส ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ ดศ.0202.3/7820 ลงวันที่ 15 ก.ค.2564 ชี้แจงนางสุรางค์ โดยมีเนื้อหาว่า ในการดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทกรณีตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (สัญญาสัมปทาน)

เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของรัฐ กระทรวงดีอีเอส จึงได้มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมเพื่อจะเข้ามาเป็นอนุญาโตตุลาการของกระทรวงฯ ซึ่งอัยการสูงสุดได้แต่งตั้งท่าน (นางสุรางค์ นาสมใจ) มาเป็นอนุญาโตตุลาการของกระทรวงฯ ในข้อพิพาทเลขที่ A27/2020 ของสถาบันอนุญาโตตุลาการ กระทรวงยุติธรรม

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้มีข้อพิพาทในสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (สัญญาสัมปทาน) ดังกล่าวอยู่แล้วอีกคดีหนึ่ง ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 97/2560 อนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งอัยการสูงสุดได้แต่งตั้งนายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ เป็นอนุญาโตตุลาการของกระทรวงฯ ต่อมาเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2564 นายธีระวัฒน์ได้ยื่นหนังสือขอถอนตัวออกจากการเป็นอนุญาโตตุลาการในคดีดังกล่าว กระทรวงฯ จึงต้องแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการท่านใหม่

นอกจากนั้น กระทรวงฯ มีข้อพิพาทอีกคดีหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับข้อพิพาทเลขที่ A27/2020 ของสถาบันอนุญาโตตุลาการ กระทรวงยุติธรรม โดยอีกฝ่ายหนึ่งได้ไปยื่นคดีหมายเลขดำที่ 93/2563 กับสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรมอีกด้วย กระทรวงฯ จึงต้องแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการในคดีนี้ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น

เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบกับความสำคัญแห่งคดีทั้ง 3 คดี มีความเกี่ยวโยงกันและมีมูลค่าเกินกว่าหมื่นล้านบาท อีกทั้งอนุญาโตตุลาการของคู่กรณีทั้ง 3 คดี เป็นบุคคลเดียวกัน กระทรวงฯ จึงได้ขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาผู้มีความเหมาะสมจะเป็นอนุญาโตตุลาการของกระทรวงฯ ทั้ง 3 ข้อพิพาท เป็นบุคคลเดียวกัน คือ

ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 97/2560 สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม ข้อพิพาทเลขที่ A27/2020 ของสถาบันอนุญาโตตุลาการ กระทรวงยุติธรรม และข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 93/2563 สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อที่จะสามารถเข้าใจถึงเนื้อหาและความสัมพันธ์ของทั้ง 3 คดี อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของชาติต่อการดำเนินคดีทุกคดี

ซึ่งอัยการสูงสุดมีหนังสือถึงกระทรวงฯ ว่าจะเข้ามาทำหน้าที่อนุญาโตตุลาการทั้ง 3 คดีของกระทรวงฯ ด้วยตนเอง จึงเป็นเหตุให้กระทรวงฯ ได้แต่งตั้งนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด เป็นอนุญาโตตุลาการของกระทรวงฯ ในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 93/2563 สถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม

โดยได้คาดหมายว่า เมื่ออัยการสูงสุดเข้ามาเป็นอนุญาโตตุลาการของกระทรวงฯ จะสามารถทำให้เกิดการประสานภายในสำนักงานอัยการสูงสุด และพนักงานอัยการผู้ดำเนินคดีทุกคดีดังกล่าว มีข้อมูลประสานงานเกี่ยวกับการดำเนินการได้ระหว่างอัยการสูงสุดและท่าน (นางสุรางค์ นาสมใจ) ได้เป็นอย่างดี อันก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของชาติต่อการดำเนินคดีทุกคดี กระทรวงฯ มิได้หมายความถึงความไม่เหมาะสมของตัวบุคคลแต่อย่างใด

อนึ่ง กระทรวงฯ ยังไม่ได้ดำเนินการแจ้งเปลี่ยนอนุญาโตตุลาการ ในข้อพิพาทเลขที่ A27/2020 ถึงสถาบันอนุญาโตตุลาการ กระทรวงยุติธรรม ท่าน (นางสุรางค์ นาสมใจ) ยังคงเป็นอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2564 อัยการสูงสุดได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงอนุญาโตตุลาการฝ่ายกระทรวงฯ จากอัยการสูงสุดที่จะเข้ามาทำหน้าที่อนุญาโตตุลาการของกระทรวงฯ โดยขอเสนอให้นายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นอนุญาโตตุลาการฝ่ายกระทรวงฯ เพียงคนเดียวทั้ง 3 ข้อพิพาท ทั้งที่นายธีระวัฒน์ได้เคยยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นอนุญาโตตุลาการไว้ครั้งหนึ่งแล้ว

ซึ่งกระทรวงฯพิจารณาแล้วมีความเห็นว่า เนื่องจากนายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการสูงสุด เคยยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นอนุญาโตตุลาการ ด้วยเหตุผลว่ามีภารกิจเป็นจำนวนมากอาจไม่สามารถดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้

หากมีการแต่งตั้งนายธีระวัฒน์เข้ามาทำหน้าที่อนุญาโตตุลาการอีกครั้ง ก็จะทำให้สถาบันอนุญาโตตุลาการเข้าใจว่ากระทรวงฯ ประวิงการพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการ อันอาจทำให้คดีดังกล่าวทั้งหมดของกระทรวงฯ ได้รับความเสียหายเนื่องจากมีความเกี่ยวพันกัน กระทรวงฯ ได้มีหนังสือเมื่อวันที่ 14 ก.ค.2564 ขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาเสนอชื่ออนุญาโตตุลาการอีกครั้ง

ทั้งนี้ เนื่องจากกระทรวงฯ เห็นว่า ท่าน (นางสุรางค์ นาสมใจ) เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ความรับผิดชอบสูงต่อการดำเนินคดี ทั้งยังมีความรู้เกี่ยวกับสัญญาสัมปทานของหน่วยงานของรัฐและการดำเนินคดีแพ่งเป็นอย่างดี ดังนั้น เพื่อการรักษาทรัพย์สินและผลประโยชน์ของประเทศชาติที่มีมูลค่าที่ควรได้มาอย่างชอบธรรม กระทรวงฯ จึงเชื่อว่าท่านมีความเหมาะสมจะเป็นอนุญาโตตุลาการของกระทรวงฯ

“อนึ่ง หากมีความผิดพลาดในเรื่องการประสานงานไม่ว่าโดยหนังสือ ข้อความ หรือถ้อยคำใดๆ อันก่อให้เกิดความกังวลใจไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม กระทรวงฯ ขออภัย มา ณ ที่นี้ และกระทรวงฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระทรวงฯ จะได้ร่วมงานกับท่านในคดีดังกล่าวต่อไป” หนังสือด่วนที่สุด ที่ ดศ.0202.3/7820 ลงวันที่ 15 ก.ค.2564 ที่ปลัดกระทรวงดีอีเอส ส่งถึงนางสุรางค์ ระบุ

อ่านประกอบ :

'รมว.ดีอีเอส' ยันเสนอชื่อ ‘อนุญาโตฯ’ คดี 'ไทยคม' ใหม่อีกรอบ ขึ้นอยู่กับ ‘อสส.’

‘ดีอีเอส’ ตีกลับ‘เลขาฯอสส.’! แจ้งขอเปลี่ยน 'อนุญาโตฯ' คดีพิพาทไทยคมอีกรอบ

4 ปมปัญหา! เบื้องหลังเปลี่ยน ’อนุญาโตฯ’คดีไทยคม หลังผลัดเก้าอี้ 'รมว.ดีอีเอส'

ปมขัดแย้งเปลี่ยน ‘อนุญาโตฯ’ ฝ่ายอัยการ คดีข้อพิพาท ‘ไทยคม’ เดิมพันผล ปย.หมื่นล้าน

เสียหายต่อชื่อเสียง! ‘ผู้ตรวจอัยการ’ จี้ ‘ปลัดดีอีเอส’ แจงปมเปลี่ยน 'อนุญาโตฯ' คดีไทยคม

ข้องใจ! ‘ผู้ตรวจฯอัยการ’ ถาม ‘ดีอีเอส’ หลัง ‘อสส.’ เปลี่ยน ‘อนุญาโตฯ’ คดีไทยคม

อสส.ตั้ง 'เลขาฯ’ตัวเองนั่งอนุญาโตฯ ‘คนเดียว’ พิจารณาข้อพิพาทดาวเทียมไทยคม 3 คดี

เลื่อนเคาะราคาเป็น 28 ส.ค.!'บอร์ด กสทช.'ขยายเวลาประมูลใบอนุญาตใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียม

ไม่มีการแข่งขัน! ‘ชัยวุฒิ’ เสนอล้มประมูลใบอนุญาตดาวเทียม หลัง ‘ไทยคม’ ยื่นรายเดียว

มารายเดียว! ‘บ.ลูกไทยคม’ ยื่นเอกสารประมูลใบอนุญาตดาวเทียม-‘มิวสเปซ’ ถอดใจ

ส่อวุ่น! ศึกประมูลดาวเทียม ‘ดีอีเอส’ งัดข้อ กสทช. -‘มิว สเปซ’ เขย่าบังลังก์ ‘ไทยคม’