‘ผู้ตรวจการอัยการ’ หนังสือถึง ‘ดีอีเอส' หลังแจ้งให้ ‘อสส.’ เปลี่ยนตัว ‘อนุญาโตตุลาการ’ คดีพิพาทสัมปทานดาวเทียมไทยคม ขณะที่ 'ประธาน ก.อ.' สั่งตรวจสอบเป็นการภายในแล้ว
....................
สืบเนื่องจากกรณีที่ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) ทำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ อส 0001/197 ลงวันที่ 7 ก.ค.2564 ถึงปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แจ้งคำสั่งเปลี่ยนแปลงอนุญาโตตุลาการฝ่ายกระทรวงดีอีเอส กรณีพิพาทสัญญาการดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ดาวเทียมไทยคม) จำนวน 3 ข้อพิพาท โดยแต่งตั้งนายธีระวัฒน์ พุฒิบูรณวัฒน์ อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขานุการอัยการสูงสุด (นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์) เป็นอนุญาโตตุลาการทั้ง 3 ข้อพิพาท นั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ นางสุรางค์ นาสมใจ ผู้ตรวจการอัยการ ซึ่งเป็นอัยการที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอนุญาโตตุลาการฝ่ายกระทรวงดีอีเอส ในคดีพิพาทสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม 1 ข้อพิพาท ได้ส่งสำเนาเอกสารหลักฐานต่างๆไปยังนายพชร ยุติธรรมดํารง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) กรณีอัยการสูงสุดแจ้งถอดตนเองออกจากตำแหน่งอนุญาโตตุลาการฝ่ายกระทรวงดีอีเอส โดยนางสุรางค์ เห็นว่า อัยการสูงสุดไม่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น และที่ผ่านมาตนเองปฏิบัติหน้าที่ในฐานะอนุญาโตตุลาการฝ่ายรัฐ ด้วยความเที่ยงธรรมมาโดยตลอด
“การตั้งอนุญาโตตุลาการคนใหม่ จะต้องได้รับความยินยอมจากคนจะไปเป็นก่อน เพราะเมื่อมีการแต่งตั้งใครเข้าไปเป็นอนุญาโตตุลาการแล้วนั้น จะถือเป็นสิทธิเฉพาะตัว ดังนั้น หากไม่มีการคัดค้านจากคู่ความ หรือเจ้าตัวไม่ลาออกเอง หน่วยงาน (สำนักงานอัยการสูงสุด) จะไปมีคำสั่งเปลี่ยนตัวอัยการที่เป็นอนุญาโตตุลาการไม่ได้ อีกทั้งในการพิจารณาข้อพิพาทดังกล่าว ก็ไม่มีใครมาร้องว่านางสุรางค์ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นธรรม หรือแม้แต่ไทยคม (บมจ.ไทยคม) ก็ไม่เคยมาร้องด้วยซ้ำ” แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวกับสำนักข่าวอิศรา
ขณะที่ล่าสุด นายพชร สั่งการให้รวบรวมเอกสารว่าเกิดอะไรขึ้น และให้มีการตรวจสอบในเบื้องต้นว่า การกระทำของอัยการสูงสุดดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คำสั่งของนายพชร เป็นการสั่งการภายใน และไม่ได้ออกคำสั่งเป็นหนังสือแต่อย่างใด เนื่องจากไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการโดยตรง ขณะที่ในอดีตที่ผ่านมา ไม่เคยปรากฏว่ามีอัยการสูงสุดแต่งตั้งตัวเองเข้าไปเป็นอนุญาโตตุลาการในคดีต่างๆ หรือแม้กระทั่งมีคำสั่งเปลี่ยนตัวอนุญาโตตุลาการได้เอง
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ นางสุรางค์ ได้รับแจ้งว่า กระทรวงดีอีเอสมีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ดศ 0202.3/6373 ลงวันที่ 11 มิ.ย.2564 มายังสำนักงานอัยการสูงสุด ขอเปลี่ยนแปลงตัวอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม และต่อมาสำนักงานอัยการสูงสุด โดยสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายการอนุญาโตตุลาการ 2 มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ อส 0024/197 ลงวันที่ 11 มิ.ย.2564 แจ้งว่า สำนักงานอัยการสูงสุดได้แต่งตั้งนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทระหว่างกระทรวงดีอีเอส และ บมจ.ไทยคม ทั้ง 3 ข้อพิพาท
เมื่อทราบเช่นนั้น นางสุรางค์ จึงทำหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงดีอีเอส เพื่อขอให้ชี้แจงเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงตัวอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทสัมปทานดาวเทียมไทยคม เพราะในหนังสือของกระทรวงดีอีเอสแจ้งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด โดยอ้างว่าต้องการบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและเที่ยงธรรมซึ่งอาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่า นางสุรางค์ ไม่มีความรู้ความสามารถและไม่มีความเที่ยงธรรม ทั้งๆที่ไม่มีใครร้องเรียนเข้ามาเลย จึงไม่เป็นธรรมกับนางสุรางค์ทั้งๆที่ไม่มีการร้องเรียนใดๆเกี่ยวกับนางสุรางค์จากคู่กรณี โดยนางสุรางค์ได้ขอให้กระทรวงดีอีเอสแจ้งคำตอบมาให้ตนเองทราบภายใน 15 วัน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาวันที่ 7 ก.ค.2564 อัยการสูงสุด ซึ่งเป็นอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทสัมปทานดาวเทียมไทยคมทั้ง 3 ข้อพิพาท ได้ทำหนังสือแจ้งไปกระทรวงกระทรวงดีอีเอสอีกครั้งว่า ขอเปลี่ยนแปลงอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทสัมปทานดาวเทียมไทยคมทั้ง 3 ข้อพิพาท เป็นนายธีรวัฒน์ โดยให้เหตุผลว่า มีภารกิจอื่นเป็นจำนวนมากอาจมีเวลาไม่เพียงพอในการเป็นอนุญาโตตุลาการถึง 3 ข้อพิพาท ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ นายธีรวัฒน์ได้ลาออกจากการเป็นอนุญาโตตุลาการในคดีนี้ (ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 97/2560) แล้ว โดยให้เหตุผลว่า มีงานมากและไม่มีเวลาว่าง
แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงตัวอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทสัมปทานไทยคมทั้ง 3 ข้อพิพาทดังกล่าว ยังส่งผลกระทบถึงข้อพิพาทระหว่างกระทรวงดีอีเอสและ บมจ.ไทยคม ในคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิความเป็นเจ้าของดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 ซึ่งกระทรวงดีอีเอสเห็นว่าดาวเทียมทั้ง 2 ดวงเป็นดาวเทียมภายใต้สัมปทาน แต่บมจ.ไทยคมบอกว่าไม่ใช่ เพราะเป็นดาวเทียมดาวใหม่ และได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. เพราะคดีนี้มีการสืบพยานมาหลายปีและเกือบจะจบแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนตัวอนุญาโตตุลาการดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อคดีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อ่านประกอบ :
อสส.ตั้ง 'เลขาฯ’ตัวเองนั่งอนุญาโตฯ ‘คนเดียว’ พิจารณาข้อพิพาทดาวเทียมไทยคม 3 คดี
เลื่อนเคาะราคาเป็น 28 ส.ค.!'บอร์ด กสทช.'ขยายเวลาประมูลใบอนุญาตใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียม
ไม่มีการแข่งขัน! ‘ชัยวุฒิ’ เสนอล้มประมูลใบอนุญาตดาวเทียม หลัง ‘ไทยคม’ ยื่นรายเดียว
มารายเดียว! ‘บ.ลูกไทยคม’ ยื่นเอกสารประมูลใบอนุญาตดาวเทียม-‘มิวสเปซ’ ถอดใจ
ส่อวุ่น! ศึกประมูลดาวเทียม ‘ดีอีเอส’ งัดข้อ กสทช. -‘มิว สเปซ’ เขย่าบังลังก์ ‘ไทยคม’
ยิงดาวเทียมต้องใช้เวลา 2 ปี! ‘กสทช.’ ยันเดินหน้าเคาะประมูลใบอนุญาตฯ 24 ก.ค.นี้
กระทบดาวเทียมเก่า! ‘ไทยคม’ ร้อง ‘ดีอีเอส’ ถก ‘กสทช.’ ทบทวนเปิดประมูลสิทธิ 2 วงโคจร
วงเสวนาชำแหละ! ประมูลไลเซ่นส์ดาวเทียม ส่อมีเจ้าเดียว-ห่วงนอมินี
‘กสทช.’ เปิดฟังความเห็นร่างประกาศประมูล 'ใบอนุญาตดาวเทียม' 4 ชุด 2.2 พันล้าน
แบ่งใบอนุญาตเป็น 4 ชุด! กสทช.เดินหน้าคัดเลือกผู้รับสิทธิใช้ 'วงโคจรดาวเทียม' ปลายปีนี้
ท้าชิงไทยคมฯ ‘มิว สเปซ’ บ.ลูกชายอดีตหน.สนง.ทบ. จ่อร่วมประมูลใบอนุญาตดาวเทียม
บอร์ดกสทช.ไฟเขียวร่างประกาศกิจการดาวเทียม 3 ฉบับ
กางพิมพ์เขียวเปิดเสรี‘ดาวเทียมไทย’ กสทช..ประชาพิจารณ์21ต.ค.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/