ศาลปค.สูงสุด พิพากษายืนให้ อบจ.สงขลา ชำระหนี้ค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน แก่ บ.พลวิศว์ จำกัด เป็นจำนวนเงินรวมดอกเบี้ยกว่า 80 ล้าน- ส่วนคดีอาญา 'นิพนธ์ บุญญามณี' ชัดแล้ว ป.ป.ช.ลงมติยืนฟ้องเอง หลังเห็นต่าง อสส.
กรณี สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 นี้ เวลา 11.00 น. ศาลปกครองสงขลา มีนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง กรณีบริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ฟ้องคดี องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ไม่เบิกจ่ายเงินให้บริษัทฯ เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,850,000 บาท ทั้งที่ทำสัญญาซื้อขายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2556
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานความคืบหน้าล่าสุด ว่า ในช่วงสายวันที่ 9 มิ.ย.2565 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสงขลา ได้อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ อบจ.สงขลา ชำระหนี้ค่ารถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ผู้ฟ้อง เป็นจำนวนเงินรวมดอกเบี้ยกว่า 80 ล้านบาท รวมดอกเบี้ย แล้ว
ขณะที่ นายเชิดเกียรติ เมธีรักษ์ ที่ปรึกษาอบจ.สงขลา เปิดเผยว่า จากผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ที่ออกมาทำให้ อบจ.สงขลา ต้องชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยประมาณ 80 ล้านบาทให้แก่บริษัท พลวิศว์ ฯ เพราะคดีถึงที่สุดแล้ อย่างไรก็ดี ในส่วนคดีอาญาที่นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง อบจ.สงขลา ได้แจ้งความในคดีฮั้วประมูลของบริษัทพลวิศน์ ก็ต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนเตรียมส่งฟ้องในเร็ว ๆ นี้
ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ถึงความคืบหน้าการยื่นเรื่องฟ้องคดีอาญา นายนิพนธ์ บุญญามณี กรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ได้มีมติเห็นชอบให้ ป.ป.ช. ฟ้องคดีนี้เองแล้ว ภายหลังจากที่การตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทนฝ่ายอัยการ และผู้แทนฝ่าย ป.ป.ช. ไม่สามารถหาข้อยุติข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดีนี้ได้ โดยมีการมอบหมายให้สำนักคดีดำเนินการร่างคำฟ้องเป็นทางการแล้ว
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เคยให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศรา กรณีนี้ตอนหนึ่งว่า ตนเข้ามาเป็นนายก อบจ.สงขลา ภายหลังการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว โดยมีปัญหาการร้องเรียนว่าการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวอาจมีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้วฯ) หรือไม่ โดยผู้ร้องเรียนได้ร้องเรียนไปหลายที่ทั้ง อบจ.สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สตง.ภูมิภาคที่ 15 และสำนักงาน ป.ป.ช.สงขลา ต่อมาจังหวัดสงขลา โดยรองผู้ว่าฯสงขลา ทำหนังสือถึง อบจ.สงขลา ให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ตนจึงดำเนินการตามหนังสือของจังหวัดสงขลาดังกล่าว
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ระหว่างที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เอกชนที่ชนะการประกวดราคา เมื่อเห็นว่า อบจ.สงขลา ยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินให้ จึงฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย หากกรณีมีปัญหาร้องเรียนตรวจสอบ เมื่อมีการฟ้องต่อศาล ต้องรอให้ศาลพิจารณาให้คดีถึงที่สุดก่อน จึงยังไม่สามารถทำอะไรต่อได้จนกว่าศาลจะพิจารณาแล้วเสร็จ
'นิพนธ์'โต้ผลพิจารณาทางแพ่งนำมาใช้กับคดีอาญาไม่ได้
วันเดียวกันนี้ นายนิพนธ์ ชี้แจงถึงกรณีเรื่องข้อพิพาทสัญญาซื้อขายรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ของ อบจ.สงขลา หลังศาลปกครองสูงสุดอ่านคำพิพากษาว่าการประมูลจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทาง ของ อบจ.สงขลานั้นมีทั้งหมด 3 ครั้ง แบ่งเป็น ครั้งที่ 1 ประมุลจัดซื้อ 1 คัน เมื่อเดือน ก.ค.2555 (สมัยนายอุทิศ ชูช่วย อดีตนายก อบจ.สงขลา) ครั้งที่ 2 ประมูลจัดซื้อ 1 คัน เมื่อเดือน ก.ย.2555 (สมัยนายอุทิศ ชูช่วย อดีตนายก อบจ.สงขลา) และ ครั้งที่ 3 ประมูลจัดซื้อ 2 คัน เมื่อเดือน พ.ค.2556 (สมัยนายอุทิศ ชูช่วย อดีตนายก อบจ.สงขลา)
นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตนเองเข้ารับตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา เมื่อเดือน ต.ค.2556 เป็นช่วงเดียวกับที่มีการส่งมอบรถซ่อมบำรุงทาง ของการจัดซื้อครั้งที่ 3 จำนวน 2 คัน ที่จัดซื้อตั้งแต่สมัยนายอุทิศ ชูช่วย เป็นนายก อบจ.
เมื่อมีการร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ นายก อบจ.สงขลาว่าการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางในครั้ง 3 นั้น มีการปลอมเอกสาร และ มีการฮั้วประมูล ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา จึงแจ้งมายัง อบจ.สงขลา ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในข้อร้องเรียนดังกล่าว และ นายนิพนธ์ ที่รับตำแหน่ง นายกอบจ.สงขลา ช่วงนั้นจึงแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ชะลอการจ่ายเงินให้แก่ผู้ชนะการประมูล
ทั้งนี้ในระหว่างคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่นั้น บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด (ผู้ชนะการประมูล) ได้ร้องต่อศาลปกครองสงขลา ให้ อบจ.สงขลาชำระเงินค่ารถซ่อมบำรุงทาง
ต่อมาศาลปกครองสงขลา ตัดสินให้ อบจ.สงขลา ชำระเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด พร้อมดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม อบจ.สงขลา ได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้นัดอ่านคำพิพากษาวันนี้คือ 9 มิ.ย.2565 ให้ อบจ.สงขลา ชำระค่ารถซ่อมบำรุงทางให้แก่ผู้ชนะการประมูลพร้อมดอกเบี้ย
โดยผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่า มีการฮั้วประมูลจริง ในการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางครั้งที่ 3 และได้ให้ อบจ.สงขลา แจ้งความ ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาแล้ว
เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2564 สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา สรุปสำนวนการสอบสวนเสร็จสิ้น มีความเห็นควรสั่งฟ้องบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยนายอิทธิพล ดวงเดือน (ผู้ชนะการประมูล) และนางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้ เทค จำกัด ซึ่เงป็นบริษัทคู่เทียบประมูล ในความผิดฐาน ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือโดยกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐหรือโดยเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264 และ 268 และตาม พ.ร.บ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4, 14 (2) และมาตรา 14 วรรคสาม และอยู่ระหว่างส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาได้ร้องขอโอนสำนวนการสอบสวนจาก สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อทำการสอบสวนแทน และเมื่อวันที่ 9 ก.ย.2564 กองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ได้สรุปสำนวนการสอบสวนว่าผู้ต้องหากับพวกในคดีนี้ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจริง และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ช. และจนถึงบัดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
นายนิพนธ์ ระบุอีกว่า นอกจากการประมูลจัดซื้อรถครั้งที่ 3 นั้น อบจ.สงขลา ยังพบพยานหลักฐานว่า การประมูลจัดซื้อครั้งที่ 1 และ 2 สมัยนายอุทิศ ชูช่วย นั้นมีการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกับการจัดซื้อครั้งที่ 3 เพราะเป็นกลุ่มเอกชนกลุ่มเดียวกัน จึงได้แจ้งความดำเนินคดี กับผู้ที่เกี่ยวข้องที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา
เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ได้สรุปสำนวนการสอบสวนพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อว่าในการประมูลครั้งที่ 1 และ 2 นั้น ผู้ต้องหา อันได้แก่ บริษัทพลวิศว์ เทค จำกัด (ผู้ชนะการประมูล ครั้งที่ 1) โดยนายอิทธิพล ดวงเดือน , หจก.เพลิโอนี (ผู้ชนะการประมูลครั้งที่ 2) โดยนายอิทธิพล ดวงเดือน และบริษัทคู่เทียบทุกรายในการประมูล ได้ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมหรือโดยกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐหรือโดยเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ เป็นเหตุให้ อบจ.สงขลาได้รับความเสียหาย และได้ส่งเรื่องต่อไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ช เพื่อดำเนินการต่อไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2565 นั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ส่งสำนวนการสอบสวน ของการจัดซื้อครั้งที่ 1และ 2 กลับมายัง สถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับกลุ่มเอกชนต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป และขณะนี้ พนักงานสอบสวนก็ได้อยู่ระหว่างส่งตัวผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการ
นายนิพนธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีไม่อนุมัติจ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ผู้ขาย นั้น ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช ได้ส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดดำเนินคดีอาญา แต่อัยการสูงสุดได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนคดีที่ ป.ป.ช.ทำมาใน 16 ประเด็น และได้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทนฝ่ายอัยการสูงสุด และผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่ผู้แทนฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่สามารถชี้แจงข้อไม่สมบูรณ์ของสำนวนคดีได้ตามที่อัยการสูงสุดระบุความไม่สมบูรณ์ของสำนวน ป.ป.ช. อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง และคืนสำนวนกดีกลับให้แก่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 มี.ค.2565
นายนิพนธ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า การพิจารณาในวันนี้เป็นเรื่องเดิมที่มีมาก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และคณะกรรมการตรวจสอบก็สรุปความเห็นว่า บริษัทพลวิศว์ฯ ทำผิด พ.ร.บ.ฮั้วจริง ซึ่งเป็นการพิจารณาในทางแพ่งไม่เกี่ยวข้องกับการพิจาณาในคดีอาญา โดยหลักการพิจารณาทางแพ่งจะนำมาใช้กับการพิจารณาทางอาญาไม่ได้ แต่ทางอาญาสามารถนำไปปรับเข้ากับการพิจารณาทางแพ่งได้ ซึ่งกรณีนี้มีความย้อนแย้งกันกัน
ขณะเดียวกัน กองบังคับการปราบปรามได้สรุปสำนวนแล้วว่า บริษัทพลวิศว์ได้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วฯ และส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช.ได้พิจารณาเพิ่มเติม ประกอบกับในสำนวนที่ ป.ป.ช.ที่ทำไปยังอัยการสูงสุดเพื่อยื่นฟ้องนั้น ขณะนี้อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง และได้ส่งสำนวนกลับไปยัง ป.ป.ช.แล้ว อีกทั้งได้ร้องขอความเป็นธรรมไปยัง ป.ป.ช.ให้พิจารณาเพิ่มเติมว่า นอกจากมีการฮั้วกันแล้ว การตรวจรับรถอเนกประสงค์ทั้ง 2 คัน ผู้ตรวจรับไม่มีอำนาจในการตรวจรับ จึงถือเป็นการตรวจรับโดยมิชอบ
(อ่านประกอบ : รอคดีถึงที่สุดก่อน! ‘นิพนธ์’แจงปมเอกชนทวง อบจ.สงขลาจ่ายค่ารถเอนกประสงค์ 2 คัน 50 ล.)
อ่านประกอบ :
- อุบเงียบ! 'บิ๊กป๊อก' ให้ 'นิพนธ์' พ้น นายก อบจ.คดี 157 ช่วง มิ.ย.64-เสี่ยงขาดคุณสมบัติ รมต.
- เปิดครบ! ปมซื้อรถอเนกประสงค์ 50 ล.กล่าวหา‘นิพนธ์’ อบจ.สงขลา-เอกชนร้องกันนัว?
- โอนสำนวน อบจ.สงขลาร้องเอกชนฮั้วประมูลซื้อรถเอนกประสงค์ 50 ล.ให้ บก.ป.สอบแทน
- ทวงถามผู้ว่าฯสงขลา อ้างประกาศ มท.ขีดเส้น 30 วันพิจารณาโทษทางวินัย‘นิพนธ์’
- สนง.อัยการปราบทุจริตฯภาค 9 ตั้งคณะทำงานพิจารณาคดี‘นิพนธ์’-ขีดเส้นเสร็จใน 90 วัน
- ป.ป.ช.ส่งสำนวน‘นิพนธ์’ถึงมืออัยการฯภาค 9 แล้ว หลังถูกชี้มูลคดีจัดซื้อรถอเนกประสงค์
- พฤติการณ์ถ่วงเวลา! ป.ป.ช.แจงชี้มูล‘นิพนธ์’-เจ้าตัวสวนแถลงแบบนี้อาจทำ ขรก.สับสน
- ไม่ได้ละเว้น! ‘นิพนธ์’โชว์หลักฐานจาก ตปท.แจงถูก ป.ป.ช.ชี้มูลไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถเอกชน
- ป.ป.ช.ชี้มูล‘นิพนธ์’ไม่เบิกจ่ายค่ารถอเนกประสงค์ 50 ล.ให้เอกชน-เจ้าตัวยันไม่ได้ทุจริต
- รอคดีถึงที่สุดก่อน! ‘นิพนธ์’แจงปมเอกชนทวง อบจ.สงขลาจ่ายค่ารถเอนกประสงค์ 2 คัน 50 ล.
- เปิดขุมทรัพย์ 3 บ.กลุ่มพลวิศว์คว้าจัดซื้อรถซ่อมถนน 6 อบจ. 219.8 ล้าน
- บ้านหญิงสาวผู้ถือหุ้น 2 บ.ประกวดราคา'รถซ่อมถนน'อบจ.สงขลา 50.8ล. ซอยเดียวกัน
- เจาะปมจัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ. พิษณุโลก 22.4 ล. ก่อนโผล่ “ขอนแก่น” 28.5 ล้าน
- ตามไปดูจัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ.ฉะเชิงเทรา แค่ 22.4 ล้าน จากเครือพลวิศว์ฯ
- ชำแหละสารพัดเงื่อนงำ!จัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ.สงขลา 50.8 ล้าน
- เปิดหลักฐานมัด!อบจ. ขอนแก่นอ้างอิง“ราคากลาง”ซื้อรถซ่อมถนนจาก 2 บ.กลุ่มเดียวกัน
- อบจ.ขอนแก่นประกวดราคาซื้อรถซ่อมถนนคันละ 28.5 ล.- พบ 2 จว.แค่ 22.4 ล้าน