มีพฤติการณ์ลักษณะถ่วงเวลา! โฆษก ป.ป.ช.แจงปมชี้มูลผิด ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ คดีไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถอเนกประสงค์ให้เอกชน 50.8 ล้านบาท เผยเรื่องฮั้วเป็นอีกประเด็นกำลังสอบอยู่ การหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นดุลพินิจของศาล - 'นิพนธ์'แถลงสวนการชี้มูล ป.ป.ช.สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ ขรก.สับสน-ยันไม่ได้ทำพรรคเสียชื่อเสียง
......................................
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2563 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงข่าวถึงกรณีกล่าวหานายนิพนธ์ บุญญามณี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา กรณีละเว้นการไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ว่า สาเหตุที่ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลนายนิพนธ์เนื่องจากเห็นว่าพฤติการณ์ของนายนิพนธ์มีลักษณะถ่วงเวลาไม่เบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เพราะกรณีนี้ อบจ.สงขลา ทำเรื่องรับมอบและตรวจสอบรถดังกล่าวเมื่อเดือน ต.ค. 2556 อย่างไรก็ดีมีการร้องเรียนว่ากลุ่มเอกชนมีพฤติการณ์ฮั้วประมูลเมื่อ ธ.ค. 2556 แม้ว่านายนิพนธ์จะมีคำสั่งให้ อบจ.สงขลา ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้ก็ตาม และมีการแจ้งความร้องทุกข์แก่ตำรวจ แต่ไม่ได้มีการร้องเรียนให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช. ป.ป.ท. สตง. เป็นต้น จึงเห็นว่านายนิพนธ์ไม่ได้มีการทำตามสัญญาซื้อขาย คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิดดังกล่าว
นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นเรื่องฮั้วประมูลที่นายนิพนธ์กล่าวถึงนั้น เพิ่งมีผู้ร้องเรียนมายังสำนักงาน ป.ป.ช. ให้ดำเนินการตรวจสอบเมื่อปี 2561 โดยเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ร้อง อบจ.สงขลา เมื่อปี 2556 ปัจจุบันประเด็นฮั้วประมูลอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น อย่างไรก็ดีอยากให้เข้าใจว่าเรื่องนี้ต้องแยกกันคือ ประเด็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาเป็นเรื่องหนึ่ง ประเด็นเรื่องการฮั้วประมูลเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนกรณีที่นายนิพนธ์อ้างพยานหลักฐานใหม่จากต่างประเทศประเด็นการฮั้วประมูลจึงไม่เบิกจ่ายเงินนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า เป็นอีกประเด็นหนึ่ง โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับเรื่องแล้ว และอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล โดยเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย
เมื่อถามว่า นายนิพนธ์ ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องนี้นายนิพนธ์ถูกชี้มูลความผิดในตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ซึ่งจะส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยตามกฎหมายใหม่ให้เป็นดุลพินิจของศาลว่าจะสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อย่างไรก็ดีหากศาลสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่จริง คงต้องมีการวินิจฉัยในประเด็นข้อกฎหมายว่า ตีความเฉพาะตำแหน่งที่ถูกกล่าวหาคือ นายก อบจ.สงขลา หรือตำแหน่งในปัจจุบัน (รมช.มหาดไทย)
สำหรับรายละเอียดในสำนวนคดีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน จากการไต่สวนข้อเท็จจริง พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2556 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้มีประกาศองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เรื่องจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ชนิด 10 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล มีกำลังไม่น้อยกว่า 200 แรงม้า จำนวน 2 คัน งบประมาณ 51,000,000 บาท ปรากฏว่าบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล โดยเสนอราคาต่ำสุด เป็นเงิน 50,850,000 บาท องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาโดยนายอุทิศ ชูช่วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาในขณะนั้น จึงได้ทำสัญญาซื้อขายรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ดังกล่าวจากบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด
ต่อมาเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2556 นายนิพนธ์ บุญญามณี ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และในวันที่ 8 ตุลาคม 2556 บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้แจ้งส่งมอบรถทั้งสองคัน คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับรถทั้งสองแล้ว เห็นว่ามีปริมาณและคุณภาพถูกต้องครบถ้วน จึงได้รายงานผลการตรวจรับให้ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และได้มีการลงนามรับทราบผลการตรวจรับดังกล่าวแล้ว ดังนั้น การตรวจรับรถทั้งสองคันจึงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องครบถ้วนตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64 (4) และถือว่าบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้ส่งมอบรถทั้งสองคันครบถ้วนตั้งแต่วันที่ได้มีการตรวจรับรถสองคันไว้แล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พัสดุได้แจ้งผลการตรวจรับรถทั้งสองคันต่อนายนิพนธ์ บุญญามณี ให้ทราบและลงนามในหนังสือถึงสำนักงานขนส่งจังหวัดสงขลาเพื่อมอบอำนาจให้บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จดทะเบียนรถทั้งสองคันให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา แต่นายนิพนธ์ บุญญามณี กลับละเว้นไม่ลงนามในหนังสือดังกล่าว ทั้งยังได้เขียน สั่งการในด้านหลังของรายงานผลการตรวจรับรถทั้งสองคันว่าเห็นควรให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้มีการทดลองระบบต่างๆ ของรถดังกล่าวอีก ทั้งที่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่ได้รายงานว่ารถทั้งสองคันไม่เป็นตามรูปแบบ รายละเอียด และข้อกำหนดในสัญญา หรือมีเหตุอื่นใดที่จะเป็นเหตุให้ต้องสั่งการดังกล่าว ต่อมาบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้แจ้งให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาส่งมอบเอกสารเพื่อไปดำเนินการจดทะเบียนรถกับ กรมการขนส่งทางบก แต่นายนิพนธ์ บุญญามณี ก็ไม่ดำเนินการทั้งยังแจ้งให้บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ดำเนินการทดสอบระบบต่างๆ ตามที่สั่งการไว้แล้วจึงจะมีการจดทะเบียนรถต่อไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ได้นำรถทั้งสองคันไปทดสอบตามที่นายนิพนธ์ บุญญามณี สั่งการ ผลการทดสอบปรากฏว่าอุปกรณ์ที่ติดตั้งมากับรถมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ ในสัญญาซื้อขายและสามารถใช้งานซ่อมถนนได้ หลังจากนั้น วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2557 นายนิพนธ์ บุญญามณี จึงได้มอบอำนาจให้บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ไปดำเนินการจดทะเบียนรถทั้งสองคันให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ภายหลังจากที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาได้รับรถทั้งสองคันไปใช้งานแล้ว วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 เจ้าหน้าที่ได้เสนอเรื่องให้นายนิพนธ์ บุญญามณี เบิกจ่ายเงินค่ารถทั้งสองคันให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด แต่นายนิพนธ์ บุญญามณี กลับละเว้นไม่จ่ายเงินตามสัญญา ซึ่งบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จึงได้ร้องเรียนในเรื่องนี้กับสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 15 (สตง.) และจังหวัดสงขลา โดยทั้งสองหน่วยงานได้มีการแจ้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาว่า เมื่อกรรมการตรวจรับพัสดุได้ตรวจรับรถทั้งสองคันไว้แล้ว อีกทั้งยังได้มีการนำรถทั้งสองคันไปใช้ในราชการอย่างต่อเนื่อง และมีการจดทะเบียนเป็นกรรมสิทธิ์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาแล้ว
ดังนั้น การที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลายังไม่ดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64 (4) และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ข้อ 64 และเห็นว่าการเบิกจ่ายเงินล่าช้าดังกล่าวไม่มีเหตุผลอันควรยกขึ้นอ้าง กับผู้ขายได้ตามกฎหมาย และอาจถูกผู้ขายฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จึงขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยเคร่งครัดต่อไป แต่นายนิพนธ์ บุญญามณี ก็ยังไม่เบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยอ้างว่าการเสนอราคากระทำโดยมีเจตนาไม่สุจริตมีพฤติกรรมสมยอมกันในการเข้าเสนอราคาต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และทำให้ไม่เป็นการแข่งขันอย่างเป็นธรรม บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด จึงได้ยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ต่อศาลปกครอง โดยคดีดังกล่าวศาลปกครองสงขลามีคำพิพากษาให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ผู้ถูกฟ้องคดี ชำระเงินค่ารถทั้งสองคันพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมเป็นเงินจำนวน 52,062,041 บาท ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า การกระทำของนายนิพนธ์ บุญญามณี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา มีมูลความผิดฐานเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีพฤติการณ์การกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 79 ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐานไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจ และไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณาดำเนินการต่อไป
@'นิพนธ์'แถลงสวนการชี้มูล ป.ป.ช.สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ ขรก.สับสน-ยันไม่ได้ทำพรรคเสียชื่อเสียง
วันเดียวกันช่วงเย็น ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงมติอย่างเป็นทางการชี้มูลความผิด เมื่อครั้งนายนิพนธ์เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน วงเงิน 50.8 ล้านบาท ให้บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด ว่า การจัดซื้อรถดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ตนจะมาดำรงตำแหน่ง และเมื่อมารับตำแหน่งในฐานะผู้บริหาร ตนจึงต้องคิดให้รอบคอบว่าระบบของรถดังกล่าวใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะส่วนประกอบมาจากหลายประเทศ รวมถึงมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการประมูลการจัดซื้อรถดังกล่าว จึงเป็นสาเหตุที่ตนไม่สามารถจ่ายเงินให้ได้ ส่วนการที่ป.ป.ช.ระบุว่ามีคนไปร้องคดีฮั้วประมูลเมื่อปี 2561 นั้น ตนอยากชี้ให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกว่าตนทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เพราะการจะผิดข้อกฎหมายดังกล่าว นอกจากจะมีเจตนาธรรมดาแล้ว ต้องมีสิ่งพิเศษว่าไปกลั่นแกล้งใครหรือไม่ ซึ่งตนไม่จำเป็นต้องกลั่นแกล้งใคร แต่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของ อบจ.สงขลา เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนต้องไปเอาเอกสารมาจากต่างประเทศเอง ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ และเรื่องการซื้อขายรถลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นแต่ที่จ.สงขลา แต่ยังมีอีกหลายจังหวัด ซึ่งบางส่วนมีการร้องเรียนและเกิดเป็นคดีความในศาลเช่นกัน
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การที่ ป.ป.ช.ระบุว่าแยกการพิจารณาเรื่องการไม่จ่ายเงิน กับเรื่องการฮั้วออกจากกันนั้น ตนแปลกใจว่าทำไมต้องแยกส่วนกัน ทั้งที่มันเกี่ยวเนื่องกัน เพราะถ้าตนจ่ายไปแล้ว สืบทราบในภายหลังว่าบริษัทมีการฮั้วกันจริง แล้วตนจะทำอย่างไร ดังนั้น ป.ป.ช.ควรจะตรวจสอบในเรื่องเหล่านี้ด้วย เพราะเรื่องทั้งหมดอยู่ในการพิจารณาของ ป.ป.ช.แล้ว และอยู่ในศาลปกครองสูงสุด จะมาด่วนสรุปได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ตนทำผิด
เมื่อถามว่า ป.ป.ช.ระบุว่าจะส่งเรื่องไปให้อัยการมีความมั่นใจหรือไม่ นายนิพนธ์กล่าวว่า ยังมีความมั่นใจและจะพยายามส่งเรื่องทั้งหมดไปให้ ป.ป.ช.อีกครั้ง และเชื่อว่าเรื่องทั้งหลายไม่ผิด และเรื่องนี้กำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้ป.ป.ช. เพราะจะสร้างความสับสนให้กับระบบราชการว่าต่อไปหากใครทำผิดทางแพ่ง จะกลายเป็นอาญาทั้งหมด เพราะถ้าทุกคนกลัวว่าจะเป็นแพะ แล้วจ่ายเงินตามสัญญาทั้งหมด ไม่ว่าจะโมฆะกรรม หรือทุจริตหรือไม่ เพราะกลัวจะเหมือน อบจ.สงขลา ตนจึงจำเป็นต้องส่งสัญญาณให้ ป.ป.ช.พิจารณาด้วยความรอบคอบและเป็นธรรม
ส่วนกรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้นายนิพนธ์แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งเพื่อรักษามาตรฐานและอุดมการณ์ของพรรค นายนิพนธ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณนายอลงกรณ์ แต่มาตรฐานครั้งนี้กับครั้งก่อน ๆ เป็นคนละกรณีกัน ครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่ตนเป็นนายกอบจ.สงขลา ซึ่งไม่ได้เกิดจากตำแหน่งที่พรรคมอบหมาย จึงถือว่าตนไม่ได้ทำให้พรรคเสียหายหรือเสียชื่อเสียง อีกทั้งตนมั่นใจว่านี้รักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน ไม่มีการทุจริต ส่วนกรณีก่อนๆทำหน้าที่ตามที่พรรคมอบหมายและอาจจะทำให้แผ่นดินเสียผลประโยชน์
อ่านประกอบ :
ไม่ได้ละเว้น! ‘นิพนธ์’โชว์หลักฐานจาก ตปท.แจงถูก ป.ป.ช.ชี้มูลไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถเอกชน
ป.ป.ช.ชี้มูล‘นิพนธ์’ไม่เบิกจ่ายค่ารถอเนกประสงค์ 50 ล.ให้เอกชน-เจ้าตัวยันไม่ได้ทุจริต
รอคดีถึงที่สุดก่อน! ‘นิพนธ์’แจงปมเอกชนทวง อบจ.สงขลาจ่ายค่ารถเอนกประสงค์ 2 คัน 50 ล.
เปิดขุมทรัพย์ 3 บ.กลุ่มพลวิศว์คว้าจัดซื้อรถซ่อมถนน 6 อบจ. 219.8 ล้าน
บ้านหญิงสาวผู้ถือหุ้น 2 บ.ประกวดราคา'รถซ่อมถนน'อบจ.สงขลา 50.8ล. ซอยเดียวกัน
เจาะปมจัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ. พิษณุโลก 22.4 ล. ก่อนโผล่ “ขอนแก่น” 28.5 ล้าน
ตามไปดูจัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ.ฉะเชิงเทรา แค่ 22.4 ล้าน จากเครือพลวิศว์ฯ
ชำแหละสารพัดเงื่อนงำ!จัดซื้อรถซ่อมถนน อบจ.สงขลา 50.8 ล้าน
เปิดหลักฐานมัด!อบจ. ขอนแก่นอ้างอิง“ราคากลาง”ซื้อรถซ่อมถนนจาก 2 บ.กลุ่มเดียวกัน
อบจ.ขอนแก่นประกวดราคาซื้อรถซ่อมถนนคันละ 28.5 ล.- พบ 2 จว.แค่ 22.4 ล้าน
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage