‘ธปท.’ เปิดรับฟังร่างพ.ร.ฎ.กำกับดูแลธุรกิจ ‘เช่าซื้อ-เช่าแบบลีสซิ่ง’ รถยนต์-มอเตอร์ไซค์ ระหว่างวันที่ 15-31 ส.ค.นี้ เผยยอดธุรกรรมฯคงค้างล่าสุด ณ สิ้นปี 64 มีสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท
....................................
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. รายงานข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท. ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้สนใจ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสาธารณชน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุง ร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดให้การประกอบธุรกิจทางการเงินบางประเภทอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 พ.ศ. เพื่อกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ผ่านเว็บไซต์ www.bot.or.th และระบบกลางทางกฎหมาย www.law.go.th ตั้งแต่วันที่ 15-31 ส.ค.2565
ธปท. ระบุด้วยว่า ปัจจุบันการประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์มีการให้บริการกับประชาชนเป็นวงกว้าง และมีอัตราการขยายตัวสูง โดยในปี 2560-2564 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5.5 ต่อปี และล่าสุด ณ สิ้นปี 2564 จำนวนธุรกรรมคงค้างของการประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์รวมแล้วมีประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 12.3 ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
และประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนธุรกรรมดังกล่าวเป็นการให้บริการของผู้ประกอบการที่มิใช่สถาบันการเงินและมิใช่บริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ (non-bank) ซึ่งยังไม่มีหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน อีกทั้งที่ผ่านมา ข้อร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับการใช้บริการดังกล่าวมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ในการนี้ คณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยจึงได้เห็นชอบในหลักการให้มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลการประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และมีกฎหมายกำกับดูแลเป็นการเฉพาะ ซึ่ง ธปท. ,สศค. และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้หารือร่วมกันถึงเหตุผล ความจำเป็นและหลักการของกฎหมายเพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจดังกล่าว
โดยเห็นควรออกเป็น พ.ร.ฎ.ภายใต้อำนาจของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 (ร่าง) พ.ร.ฎ.กำหนดให้การประกอบธุรกิจทางการเงินบางประเภทอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 พ.ศ. ....) ซึ่ง ร่างพ.ร.ฎ.ฉบับดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1.กำกับดูแลนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นทางค้าปกติ ซึ่งยังไม่มีกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลเป็นการเฉพาะ
2.ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจใน 2 ด้าน
2.1 การรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจการเงิน เพื่อดูแลระดับหนี้ครัวเรือนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและไม่เป็นการส่งเสริมให้ผู้บริโภคก่อหนี้สินเกินตัวโดยไม่จำเป็น และ
2.2 การคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อส่งเสริมและดูแลประชาชนทั่วไปให้ได้รับบริการที่เป็นธรรม ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และไม่ถูกหลอก ถูกบังคับ ถูกรบกวน หรือถูกเอาเปรียบ ตลอดจนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินด้วยราคาที่เหมาะสม
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดบทบาทหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่ ธปท. ประกาศกำหนดโดยอาศัยอำนาจตาม (ร่าง) พ.ร.ฎ.ฯ อาทิ 1) การกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจเปิดเผยข้อมูล เช่น อัตราดอกเบี้ย ค่าบริการ และเบี้ยปรับต่างๆ ให้ผู้บริโภคทราบ 2) การยกระดับมาตรฐานการให้บริการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค เช่น การกำหนดหลักการในการเรียกเก็บดอกเบี้ย การคำนวณเบี้ยปรับ 3) การจัดทำบัญชีและงบการเงินตามมาตรฐานการบัญชี และ 4) การจัดเก็บและการรายงานข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแล
3.กำหนดบทลงโทษกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตาม (ร่าง) พ.ร.ฎ.ฯ ซึ่งมีโทษทั้งปรับ จำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ การกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ดังกล่าวในข้างต้น จะเกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม กล่าวคือ ผู้บริโภค จะได้รับบริการที่ได้มาตรฐานและเป็นธรรม รวมถึงมีข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการอย่างเพียงพอ ผู้ประกอบธุรกิจ จะได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น และสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมภายใต้การกำกับดูแลตามระดับความมีนัยสำคัญของความเสี่ยง (risk proportionality)
และภาครัฐ สามารถกำกับดูแลเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจการเงิน โดยเฉพาะการบริหารจัดการหนี้ครัวเรือนได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญและคำนึงถึงความเป็นธรรมในการให้บริการด้วย
อ่านประกอบ :
แกะปมเช่าซื้อ'มอเตอร์ไซค์' คิดดอกเบี้ย 50-70% ต่อปี 'สคบ.'ขยับคุมสัญญา-ชง SFI ปล่อยกู้
ชำแหละปัญหา ‘หนี้เช่าซื้อ’ กรณี ‘ลุงทองเสาว์’ ถึงเวลารัฐออกกฎคุ้มครองลูกหนี้
'อนุชา'ย้ำคำนึง ปชช.เป็นหลัก แนะ สคบ.-เอกชนศึกษารอบด้าน ก่อนประกาศคุมเช่าซื้อรถ
ฟังเสียง ปชช. เปิดผลกระทบผู้ประกอบการ หลัง สคบ.กำหนดดอกเบี้ยเช่าซื้อ ไม่เกิน 15%
เปิด 8 แพ็กเกจ'แก้หนี้สินประชาชนรายย่อย'-'ครม.'สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ
'หนี้เช่าซื้อ' สะสมกว่า 2.5 ล้านล้านบาท ปัญหาที่ ปชช. เดือดร้อนสุดช่วงโควิด-19
เปิด 3 แผน 4 มาตรการ แนวทางกระทรวงศึกษาธิการ สางปัญหาแก้ 'หนี้สินครู'