"....ผู้ถูกกล่าวหาจะทยอยถอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี เลขที่ XXX ของผู้ถูกกล่าวหาระหว่างปีจัดสรรให้ภริยาและบุตรเพื่อนําไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเกี่ยวกับที่มาของรายได้ของผู้ถูกกล่าวหาและบุคคลในครอบครัว ผู้ถูกกล่าวหาถ่ายทอด ปลูกฝังแนวคิดและสอนให้บุตรลงทุนในหลักทรัพย์และทองคํา โดยผู้คัดค้านที่ 2 และผู้คัดค้านที่ 3 ต่างลงทุนโดยจําหน่ายทองคําที่ซื้อเก็บไว้..."
ในการเปิดเผยข้อมูลคำพิพากษาศาลฎีกา ยืนตามศาลอุทธรณ์ ให้รายการสั่งซื้อทองคำแท่ง ในชื่อของนายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของกรมสรรพากร มูลค่าความเสียหายกว่า 4.3 พันล้านบาท กับบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 รายการ มูลค่า 607,239,100 บาท โดยเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินของนายสาธิต ที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน รวมถึงทรัพย์สินรายการอื่น ๆ ที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดินอีกหลายรายการด้วย นั้น
ปัจจุบันทองคำแท่ง ในคดีนี้ ฝากอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากกระทรวงการคลังยังไม่มารับไป มูลค่าทองเพิ่มจาก 600 กว่าล้านบาทเป็น 800 กว่าล้านบาท หลังราคาทองในท้องตลาด
ตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลคำวินิจฉัยของศาลฎีกา ตามฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาข้อแรก ว่า รายการสั่งซื้อทองคําแท่ง ในชื่อผู้ถูกกล่าวหากับทางร้านของบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด รวม 15 ครั้ง น้ำหนักรวม 28,880 บาท เป็นมูลค่า 607,239,000 บาท เป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ซึ่งมีข้อมูลสำคัญอยู่ตรงที่เส้นทางการซื้อทองคำบางส่วน ถูกโอนมาจากกลุ่มบริษัทเอกชน ที่มีส่วนร่วมในการทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมไปถึงพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาที่แจ้งกับผู้ขายทองคำว่า ไม่ต้องรายงานการซื้อขายทองเกิน 2,000,000 บาท ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาเสนอไปแล้ว
ต่อไปเป็นรายละเอียดคำวินิจฉัยของศาลฎีกาในประเด็นนี้ส่วนที่เหลือ โดยเป็นรายละเอียดคำเบิกความของ พยาน ทั้งในส่วนเจ้าหน้าที่ เจ้าจองร้านขายทอง เกี่ยวกับการจองซื้อทองคำแท่งไม่มีรหัส ของ นายสาธิต ซึ่งชี้ให้เห็นเจตนาการปกปิดข้อมูลการสั่งซื้อทองคำแท่งดังกล่าว รวมไปถึงเส้นทาง สถานะความสัมพันธ์ ของนายสาธิต กับผู้เกี่ยวข้อง และการปลูกฝั่งความคิดในการลงทุนซื้อขายทองคำ
*************
@ คำให้การพยานมัด
ในขั้นตอนการซื้อขายทองคำกรณีนี้ นาย ป. (สงวนชื่อ-นามสกุล) พนักงานบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด เบิกความว่า ผู้บริหารที่รับคําสั่งซื้อจะเป็นผู้ระบุให้พยานลงไว้ ทําให้เห็นว่ารายการจองซื้อไม่มีรหัสดังกล่าวจัดทําขึ้นในลักษณะไม่เป็นระเบียบขั้นตอนปกติของบริษัทในการซื้อขายและการรับกับส่งมอบทองคําให้แก่ลูกค้า ซึ่งมีลักษณะต้องการปกปิดการสั่งซื้อทองคําหรือต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากทางราชการตามความต้องการของลูกค้า อันเป็นเหตุให้ไม่ปรากฏรายงานการซื้อขายทองคํามูลค่าเกิน 2,000,000 บาท ต่อทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามระเบียบและไม่ปรากฏการซื้อขายและรายได้อยู่ในระบบบัญชีของบริษัท
การฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบในการซื้อขายทองดังกล่าวเป็นเรื่องที่บริษัทและผู้มีอํานาจกระทําการแทนเช่น นาย ร. (สงวนชื่อ-นามสกุล) กรรมการผู้มีอํานาจของบริษัท ฮั่วเซงเฮง คอมโมดิทัช จำกัด ต้องรับผิดตามกฎหมาย แต่ยังหาเป็นเหตุเพียงพอที่ทําให้ฝ่ายนาย ร. ต้องจัดทําเอกสารดังกล่าวขึ้นมาซัดทอดปรักปรําผู้ถูกกล่าวหาเพื่อให้ตนเองพ้นความรับผิดโดยไม่มีมูลความจริงไม่
อีกทั้งการที่นาย ร. ได้รับโอนเงินจากบริษัททั้งห้าที่ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่ชอบ จํานวน 179,869,250 บาท จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินไปยังนาย ร. และเรียกนาย ร. มาให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยการโอนเงินเข้าบัญชีของนาย ร. แต่ละครั้งไม่เป็นจํานวนเต็มและไม่เท่ากัน จึงมีลักษณะเป็นพิรุธ
โดยในวันที่ 23 เมษายน 2556 รวม 8 ครั้ง เป็นเงิน 99,910,000 บาท ซึ่งตรงกับยอดการสั่งซื้อทองคําแท่งครั้งที่ 12 น้ำหนัก 5,150 บาท ราคาบาทละ 19,400 บาท การโอนเงินเข้าบัญชี นาย ร. วันที่ 29 เมษายน 2556 รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 49,959,250 บาท ยังตรงกับยอดการสั่งซื้อทองคําแท่งครั้งที่ 13 น้ำหนัก 2,455 บาท ราคาบาทละ 20,350 บาท จํานวนเงินที่โอนเข้าบัญชีนาย ร. กับราคาทองคําแท่งต่างมีความสัมพันธ์กัน
แม้รายการสั่งซื้อทองคําแท่งครั้งที่ 14 น้ำหนัก 2,465 บาท ราคาบาทละ 20,280 บาท คิดเป็นค่าทองคําแท่ง 49,990,200 บาท และมีเงินโอนเข้าบัญชีนาย ร. ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 รวม 4 ครั้ง เพียงจํานวน 30,000,000 บาท
@ ผู้ถูกกล่าวหานําเงินสดมาชําระ
แม้จะไม่ครบตามราคาทองคําแท่ง แต่ส่วนที่เหลืออีก 19,990,200 บาท นั้น นาย ร. ก็ให้การว่าผู้ถูกกล่าวหานําเงินสดมาชําระ
โดยในทางไต่สวนของผู้ถูกกล่าวหาได้ความว่า ผู้ถูกกล่าวหาจะทยอยถอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) เลขที่บัญชี เลขที่ XXX ของผู้ถูกกล่าวหาระหว่างปีจัดสรรให้ภริยาและบุตรเพื่อนําไปลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเกี่ยวกับที่มาของรายได้ของผู้ถูกกล่าวหาและบุคคลในครอบครัว ผู้ถูกกล่าวหาถ่ายทอด ปลูกฝังแนวคิดและสอนให้บุตรลงทุนในหลักทรัพย์และทองคํา โดยผู้คัดค้านที่ 2 และผู้คัดค้านที่ 3 ต่างลงทุนโดยจําหน่ายทองคําที่ซื้อเก็บไว้
การที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าจะทยอยถอนเงินและถือเงินสดไว้ สอดคล้องกับที่นาย ร. เบิกความและให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเงินจํานวนมากพร้อมที่จะนําไปลงทุนได้ทุกเวลาและเพียงพอที่จะชําระราคาทองคําแท่ง ครั้งที่ 14 ส่วนที่เหลืออีก 19,990,200 บาท และยังทําให้เชื่อได้ว่าการสั่งซื้อทองคําแท่งของผู้ถูกกล่าวหาในครั้งอื่นที่ไม่มีหลักฐานการชําระราคานั้น เป็นการชําระราคาด้วยเงินสดเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้ร้องยังมีสําเนาใบจองทองคําแท่งอ้างเป็นพยานหลักฐานประกอบอีก เมื่อพิจารณาสําเนาใบจองทองคําแท่งดังกล่าว เลขที่ 3703 3706 และ 3707 ระบุชื่อ ผู้ถูกกล่าวหา เป็นผู้รับทองได้เฉพาะฉบับเลขที่ 3703 ระบุว่า ฝากทองแท่ง 96.5 % หนัก 3,075 บาท ราคาทองบาทละ 19,500 บาท กําหนดวันที่รับทองและวันที่จอง 22 พฤษภาคม 2556 ฉบับเลขที่ 3706 ระบุว่า ฝากทองแท่ง 99.99 % หนัก 77 กิโลกรัม กําหนดวันที่รับทองและวันที่จอง 22 พฤษภาคม 2556 ฉบับเลขที่ 3707 ระบุว่า ฝากทองแท่ง 96.5 % หนัก 7,000 บาท กําหนดวันที่รับทองและวันที่จอง 22 พฤษภาคม 2556
ส่วนสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3711 และ 3713 ระบุชื่อ นายธรรมสันต์ จรัสวุฒิปรีดา เป็นผู้รับทองได้ เฉพาะฉบับเลขที่ 3711 ระบุว่า ฝากทองแท่ง 96.5 % หนัก 2,250 บาท ราคาทองบาทละ 22,200 บาท กําหนดวันที่รับทองและวันที่จอง 1 เมษายน 2556 ฉบับเลขที่ 3713 ระบุว่า ฝากทองแท่ง 96.5 % หนัก 3,000 บาท ราคาทองบาทละ 22,200 บาท กําหนดวันที่รับทองและวันที่จอง 2 เมษายน 2556 ซึ่งนาย ร. เบิกความว่า กรณีที่ลูกค้าสั่งซื้อทองคําแท่งแล้ว ไม่ต้องการรับทองคําแทงไป แต่ฝากไว้ ทางร้านจะออกใบจองทองคําแท่งให้เป็นหลักฐาน
ผู้ที่ถูกระบุชื่อไว้ในใบจองทองคําแท่งดังกล่าวเท่านั้นจะเป็นผู้มีสิทธิรับทองคําแท่งไปได้
โดยตามสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3711 และ 3713 เป็นการสั่งซื้อครั้งที่ 6 และครั้งที่ 7 ตามตารางรายการจองซื้อ คืนทองของผู้ถูกกล่าวหา นางสาวพัชรีเป็นผู้สั่งซื้อและแจ้งฝากไว้ในชื่อของนายธรรมสันต์ ซึ่งชื่อที่แท้จริงตามบัตรประจําตัวประชาชนคือนายธรรมสันต์หรือผู้คัดค้านที่ 5
สําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3703 เป็นการสั่งซื้อครั้งที่ 15 ตามตารางรายการจองซื้อ- คืนทองคําดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้สั่งซื้อเอง
ส่วนสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3706 และ 3707 เป็นการนําทองคํามาฝากไว้โดยผู้ถูกกล่าวหา จึงไม่ได้ระบุราคาทองคําไว้
ในข้อนี้ผู้ร้องมีนาย ป. ซึ่งมีหน้าที่ออกใบจองทองคําแท่งด้วยเบิกความสนับสนุน โดยนาย ป. เบิกความว่า หลังจากที่ นาย พ. ผู้จัดการของร้านส่งใบขายทองคําพร้อมเงินหรือหลักฐานการชําระเงินค่าทองคําแท่งมาให้ตรวจสอบแล้ว พยานจะเบิกทองคําส่งมอบให้แก่นาย พ. เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้า แต่หากลูกค้าประสงค์จะฝากทองคําไว้กับทางร้าน พยานจะออกใบจองทองคําให้
กรณีลูกค้านําทองคํามาฝากไว้กับทางร้าน โดยทั่วไปทางร้านจะไม่รับไว้ เว้นแต่นาย ร. จะสั่งให้รับฝากไว้ เมื่อนาย พ. ตรวจสอบทองคําแล้วจะมอบให้พยานออกใบจองทองคําแท่งเช่นกัน โดยสําเนาใบจองทองคําแท่งฉบับเลขที่ 3706 และ 3707 เป็นหลักฐานที่ผู้ถูกกล่าวหานําทองคํามาฝากไว้
นอกจากนี้นาย ป. ยังเบิกความถึงสําเนาใบจองทองคําแท่ง เลขที่ 3711 และ 3713 ที่ข้อความว่าพิมพ์วันที่ 24 พฤษภาคม 2556 แต่ระบุวันที่จอง 1 และ 2 เมษายน 2556 ว่า นาย ร. สั่งให้พิมพ์ใบจองทองคําแท่งในวันดังกล่าว ส่วนวันที่ 1 และ 2 เมษายน 2556 เป็นวันที่มีการชําระราคากันจริง
กรณีดังกล่าวจึงทําให้เลขที่สําเนาใบจองทองคําแท่งทั้งสองฉบับดังกล่าวจึงอยู่ลําดับหลังจากสําเนาใบจองทองคําแท่ง เลขที่ 3703 3706 และ 3707 ที่ระบุวันที่จอง 22 พฤษภาคม 2556 อีกทั้งผู้ร้อง ยังมีนาย ท. ผู้จัดการใหญ่ของร้านทองดังกล่าวซึ่งลงลายมือชื่อในสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3703 3706 และ 3707 มาเบิกความขั้นตอนการขายและออกสําเนาใบจองทองคําแท่งทั้งสามฉบับดังกล่าวอย่างสอดคล้องกัน
และที่สําคัญคือนาย ร. เบิกความยอมรับว่าทองคําตามสําเนาใบจองทองคําแท่งทั้งห้าฉบับมีอยู่ที่บริษัทจริง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคําสั่งอายัดและบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทีน จํากัด รับอายัดไว้แล้ว
นาย ร. ไม่มีเหตุที่นําทองคําที่อยู่ในความครอบครองดูแลของบริษัทมูลค่าจํานวนมากเช่นนั้นมาใช้เป็นหลักฐานเพื่อปรักปรําผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
พยานหลักฐานในส่วนการสั่งซื้อทองคําของผู้ร้องดังวินิจฉัยมามีน้ำหนักให้รับฟังหามีข้อพิรุธตามที่ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาไม่
@ สาธิต รังคสิริ
@ เปิดความสัมพันธ์ผู้เกี่ยวข้อง
ส่วนที่นาย ร. เบิกความว่า นางสาวพัชรีได้สั่งซื้อทองคําแท่งแทนผู้ถูกกล่าวหานั้น นอกจากคําเบิกความของนาย ร. แล้ว ยังได้ความจากบันทึกถ้อยคํานางสาวพัชรีที่ให้การไว้ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ว่า นางสาวพัชรีรู้จักสนิทสนมกับผู้คัดค้านที่ 5 เป็นอย่างดี บิดาของคนทั้งสองรู้จักกันมาก่อน คนทั้งสองรู้จักผู้ถูกกล่าวหาพร้อมกัน เพราะมาช่วยจัดงานศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และประชุมที่กรมสรรพากร
เกี่ยวกับการซื้อทองคํานั้น ผู้ถูกกล่าวหาแนะนํานางสาวพัชรีว่า ถ้าหากซื้อทองคํากับนายร. จะได้ส่วนลดและผู้ถูกกล่าวหา มอบหมายเลขโทรศัพท์ของนาย ร. กับพยาน
ต่อมาพยานก็ได้สั่งซื้อทองคํากับนาย ร. 2 ถึง 3 ครั้ง พยานไม่เคยพบกับนาย ร. ไม่รู้จักชื่อและนามสกุลจริง เพิ่งมาทราบภายหลังจากการสอบปากคําพยานของคณะกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.
พยานไม่เคยเห็นใบสั่งจองทองคําที่ปรากฏชื่อผู้คัดค้านที่ 1 รู้เพียงว่า ผู้คัดค้านที่ 5 สั่งซื้อทองคําจากนาย ร. จริงซึ่งเป็นไปตามที่ผู้ถูกกล่าวหาฝากให้นาย ร. ดูแลเช่นเดียวกับพยาน
โดยผู้คัดค้านที่ 5 เล่าว่า สั่งซื้อทองคําหลายครั้งแต่ไม่ได้ใบสั่งจองทองคําหรือตั๋วฝากทองเนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนแนะนําจึงไว้ใจให้นาย ร. จัดการโดยให้พนักงานขับรถยนต์มารับเงินที่สถานบริการธาราวดีที่ผู้คัดค้านที่ 5 เป็นผู้บริหาร นางสาวพัชรีทราบว่าผู้คัดค้านที่ 5 ยังไม่ได้นําทองคํากลับมา ภายหลังนาย ร. ปฏิเสธไม่มอบทองคําให้ผู้คัดค้านที่ 5
@ ให้กู้ยืมเงินกว่า 46 ล้าน
นอกจากนี้พยานยังเคยให้ผู้คัดค้านที่ 3 กู้ยืมเงินถึง 46,000,000 บาท เพื่อไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 19219 ตําบลขนงพระ อําเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยเพียงให้พยานยึดถือโฉนดที่ดินเป็นประกันเท่านั้น โดยผู้ร้องขออ้างส่งบันทึกถ้อยคําของนางสาวพัชรีดังกล่าวแทน
การสืบพยานต่อศาลชั้นต้นเนื่องจากนางสาวพัชรีเดินทางไปต่างประเทศจึงไม่สามารถมาเบิกความ และผู้ถูกกล่าวหา ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ต่างแถลงยอมรับข้อเท็จจริงที่ 2 ตามบันทึกถ้อยคําดังกล่าวแล้ว ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นวันที่ 21 และ 23 พฤษภาคม 2562
ส่วนผู้คัดค้านที่ 5 ยื่นคําคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 5 รู้จักผู้ถูกกล่าวหาจากการรับจัดงานทางการเกษตรของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นศิษย์เก่า ผู้ถูกกล่าวหาแนะนําผู้คัดค้านที่ 2 ว่า หากต้องการลงทุนเกี่ยวกับทองคําให้ติดต่อซื้อที่ร้านทองฮั่วเซ่งเฮงจะได้ส่วนลดและราคาถูก และผู้คัดค้านที่ 5 ติดต่อซื้อทองคําแท่งจากนาย ร. ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาแนะนําวันที่ 1 เมษายน 2556 น้ำหนัก 2,250 บาท ราคา 49,950,000 บาท ตามใบจองทองคําเลขที่ 3711 หรือการสั่งซื้อครั้งที่ 6 และ วันที่ 2 เมษายน 2556 น้ําหนัก 3,600 บาท ราคา 79,920,000 บาท ตามใบจองทองคําเลขที่ 3713 นั้น
แม้ต่อมาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ 5 ถอนคําคัดค้าน แต่ผู้ถูกกล่าวหาและผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 3 ต่างก็มิได้โต้แย้งคัดค้านคําคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 5 กรณีจึงถือได้ว่าผู้ถูกกล่าวหา ผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 3 ยอมรับข้อเท็จจริงตามบันทึกถ้อยคําของนางสาวพัชรี และยอมรับข้อเท็จจริงตามคําคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 5 ดังกล่าวแล้ว
นอกจากนี้ผู้คัดค้านที่ 5 เคยให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ว่า หลังจากรู้จักกับผู้ถูกกล่าวหา นางสาวพัชรี มักชวนผู้คัดค้านที่ 5 ไปงานทําบุญที่ผู้ถูกกล่าวหาจัด ทําให้รู้จักกับครอบครัวของผู้ถูกกล่าวหา และเคยไปดูงานต่างประเทศร่วมกับผู้ถูกกล่าวหา
ผู้คัดค้านที่ 5 เคยให้น้องโอมบุตรของผู้ถูกกล่าวหาคือผู้คัดค้านที่ 3 กู้ยืมเงิน 20,000,000 บาท เพื่อไปซื้อที่ดิน โดยผู้คัดค้านที่ 5 มีเงินไม่พอ จึงปรึกษานางสาวพัชรี นางสาวพัชรีจึงให้ผู้คัดค้านที่ 5 กู้ยืมเงินเพื่อนําไปให้บุตรของผู้ถูกกล่าวหากู้ยืมอีกทอดหนึ่ง
โดยบุตรของผู้ถูกกล่าวหานําโฉนดที่ดินมาวางเป็นหลักประกัน ซึ่งบันทึกถ้อยคําของนางสาวพัชรีและบันทึกถ้อยคํากับคําคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 5 ดังกล่าวสอดคล้องกับถ้อยคําที่ผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ให้ไว้ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ตามบันทึกปากคําโดยเฉพาะคําเบิกความของนาย ร. พยานผู้ร้องให้รับฟังได้ว่า นางสาวพัชรีและผู้คัดค้านที่ 5 ต่างไม่เคยพบนาย ร. มาก่อน
นางสาวพัชรีและผู้คัดค้านที่ 5 รู้จักนาย ร. โดยผู้ถูกกล่าวหาแนะนําให้ติดต่อซื้อทองคําแท่งกันทางโทรศัพท์ที่ผู้ถูกกล่าวหาให้ไว้แก่นางสาวพัชรีและผู้คัดค้านที่ 5 ที่นางสาวพัชรีให้การว่าเคยติดต่อสั่งซื้อทองคําแท่งจากนาย ร. ทางโทรศัพท์ประมาณ 2 ถึง 3 ครั้ง นั้น ยังสอดคล้องกับที่นาย ร. ให้การว่า นางสาวพัชรีสั่งซื้อทองคําแท่งในนามผู้ถูกกล่าวหาในครั้งที่ 12 ถึงครั้งที่ 14
ส่วนการสั่งซื้อทองคําแท่งครั้งที่ 6 และครั้งที่ 7 นางสาวพัชรีให้ระบุชื่อผู้คัดค้านที่ 5 เป็นผู้รับทองคําแท่งตามสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3711 และ 3713 หากผู้คัดค้านที่ 5 เป็นผู้สั่งซื้อทองคําแท่งตามสําเนาใบจองทองคําแท่งดังกล่าวด้วยตนเองจริงก็ไม่มีเหตุที่ผู้คัดค้านที่ 5 ต้องถอนคําคัดค้านของตนโดยเสี่ยงให้ทรัพย์สินของตนมูลค่าสูงมากเช่นนั้นถูกริบเป็นของแผ่นดิน
ยิ่งเมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถูกกล่าวหา นางสาวพัชรี และผู้คัดค้านที่ 5 ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและระหว่างคนในครอบครัวของผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงการกล่าวอ้างถึงกันและกันถึงขนาดมีการขอกู้ยืมเงินจํานวนมากและทําสัญญากู้ยืมเงินกันตามที่นางสาวพัชรีและผู้คัดค้านที่ 5 ให้ถ้อยคําไว้
ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นดังที่นางสาวพัชรีและผู้คัดค้านที่ 5 อ้างมาหรือไม่ก็ตาม ย่อมแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และเห็นความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างผู้ถูกกล่าวหากับนางสาวพัชรีและผู้คัดค้านที่ 5 ด้วย
ลักษณะความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันดังกล่าว ทําให้เชื่อว่านางสาวพัชรีเป็นผู้โทรศัพท์สั่งซื้อทองคําแท่งจากนาย ร. ในนามหรือตัวแทนของผู้ถูกกล่าวหา และการที่นาย ร. ให้ถ้อยคําต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนและเบิกความถึงนางสาวพัชรีและผู้คัดค้านที่ 5 นั้น ก็เป็นการอ้างถึงรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อทองคําแท่งของผู้ถูกกล่าวหา โดยไม่มีเหตุที่นาย ร. จะนําชื่อบุคคลภายนอกเช่นนางสาวพัชรีและผู้คัดค้านที่ 5 เข้ามาพัวพันกับการซื้อทองคําของผู้ถูกกล่าวหาโดยไม่มีมูล
เชื่อว่านาย ร. ให้การและเบิกความเกี่ยวกับวิธีการสั่งซื้อทองคําแท่งทางโทรศัพท์ รายละเอียดของทองคําแท่ง และบุคคลที่เกี่ยวข้องไปตามความเป็นจริงพยานผู้ร้องดังที่วินิจฉัยมาข้างต้น
@ หลักฐานมีน้ำหนักเชื่อได้
จึงมีน้ำหนักเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาสั่งซื้อทองคําแท่งจากนาย ร. ทางโทรศัพท์ตามรายการสั่งซื้อทองคําแท่ง รวมเป็นทองคําแท่งน้ำหนัก 28,880 บาท โดยมีทองคําแท่งที่ผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้รับไปจากร้านทองของบริษัทฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดีทัช จํากัด และฝากไว้กับทางร้านทองตามสําเนาใบจองทองคําแท่งเลขที่ 3703, 3706, 1707, 3711 และ3713 เป็นทองคําแท่งรวมกันน้ำหนัก 20,976 บาท และผู้ถูกกล่าวหาได้รับทองคําแท่งตามรายการสั่งซื้อไปจากร้านทองแล้วน้ำหนัก 7,904 บาท ทองคําแท่งทั้งหมดมูลค่า 607,239,100 บาท จึงเป็นของผู้ถูกกล่าวหาที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่านําเงินรายได้ส่วนใดไปซื้อและรับฟังได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาจาก การร่ำรวยผิดปกติ
ฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
- อัยการส่งฟ้อง‘สาธิต-พวก’คดีแวต 4.3 พันล.-ศาลสั่งยึดทรัพย์‘สุวัฒน์’ 596 ล.ของแผ่นดิน
- ทองปริศนา 600 ล.โผล่? เบื้องหลังคดีรวยผิดปกติ‘สาธิต’-ป.ป.ช.ส่งเก็บที่ ธปท.
- ครั้งแรก! ป.ป.ช.ตรวจนับทองแท่ง 594 ล.‘สาธิต รังคสิริ’ของกลางคดีรวยผิดปกติ
- อัยการส่งฟ้อง‘สาธิต-พวก’คดีแวต 4.3 พันล.-ศาลสั่งยึดทรัพย์‘สุวัฒน์’ 596 ล.ของแผ่นดิน
- สั่ง‘สาธิต-อดีตซี 8-9’ชดใช้ 4 พันล.! เปิดผลสอบ กก.รับผิดทางละเมิด ก.คลังคดีคืนภาษี
- พิพากษายึด 31 ล.‘อดีตซี 9’รวยผิดปกติคดีคืนภาษี-อสส.สั่งฟ้องอาญา‘สาธิต-พวก’แล้ว
- ป.ป.ช.-อัยการตั้งคณะทำงานร่วมฯ ‘สาธิต-พวก’คดีทุจริตคืนภาษี ปมรวยผิดปกติไต่สวนในศาลแล้ว
- EXCLUSIVE: พฤติการณ์ 32 บ.คืนภาษีเท็จในสำนวน ก.คลังก่อนสั่ง ‘สาธิต-พวก’ชดใช้ 4 พันล.
- ป.ป.ช.-อัยการตั้งคณะทำงานร่วมฯ ‘สาธิต-พวก’คดีทุจริตคืนภาษี ปมรวยผิดปกติไต่สวนในศาลแล้ว
- สั่ง‘สาธิต-อดีตซี 8-9’ชดใช้ 4 พันล.! เปิดผลสอบ กก.รับผิดทางละเมิด ก.คลังคดีคืนภาษี
- ปิดคดีทุจริตคืนภาษี 4.3 พันล.ฟัน 6 ขรก. 28 เอกชน-4 บิ๊กรวยผิดปกติ 1.3 พันล.
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (1)
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (2)
- ฉบับเต็ม! ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยึดทองแท่ง 600 ล. ‘สาธิต’ ตกเป็นของแผ่นดิน (3)