"...พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างให้ถ้อยคำสอดคล้องต้องกันว่า นายอานนต์ รัตโนภาส ยังคงมาปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม และมีการลงนามเอกสารราชการของเทศบาลตำบลนายายอาม ซึ่งพยานเป็นพนักงานเทศบาลตำบลนายายอามและเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายอานนต์ รัตโนภาส จึงน่าเชื่อถือเพียงพอ..."
กรณี นายชาญ พวงเพ็ชร์ ว่าที่ นายก อบจ.ปทุมธานี คนใหม่ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเกี่ยวกับการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี พ.ศ.2554 ปัจจุบัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้วและคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาฯ และอาจส่งผลทำให้ นายชาญ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังเข้ารับตำแหน่งใหม่ ตามความเห็นทางกฎหมาย คณะกรรมการกฤษฏีกา ที่ตอบข้อหารือ กระทรวงมหาดไทย เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหารบริหารท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ที่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนไปแล้ว
- 'ชาญ' ชนะเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุม แต่อาจต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่? เหตุศาลรับฟ้องคดีทุจริต
- เปิดมติ ป.ป.ช.ชี้มูล'ชาญ' คดีซื้อถุงยังชีพ ส่อถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.ปทุมฯ
- สถ.เคยแจ้งเวียนแล้ว! ศาลฯรับฟ้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ฝ่าฝืนสั่งสอบให้พ้นตำแหน่งได้
- คลี่ปม! ข้อกม.-กรณีศึกษาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่-ทางรอด 'ชาญ' นั่งเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมฯ
- หลังสถ.แจ้งเวียน! จว.ปทุมฯ รู้เรื่องแล้วสั่งกำชับศาลรับฟ้องคดีทุจริตหยุดปฏิบัติหน้าที่
- ครบชุด! มติป.ป.ช.ชี้มูล'ชาญ-พวก 12 คน คดีซื้อถุงยังชีพ สั่งถอดถอนตำแหน่ง-แจ้ง กกต.ด้วย
- ไขปม 'ชาญ' โดนแจ้งถอดถอนตำแหน่งคดีซื้อถุงยังชีพ ไฉนลงเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ปทุมฯ ได้
- พร้อมทำตามกฤษฎีกา! จว.ปทุมฯแจ้ง มท. 'ชาญ' เข้ารับตำแหน่งสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
ปัจจุบันแม้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้มีการประกาศผลรับรองการเลือกตั้งให้ นายชาญ พวงเพ็ชร์ เป็นนายก อบจ.ปทุมธานี คนใหม่ อย่างเป็นทางการ ทั้งที่ นายป้องปราการ โสธรเทวาพิทักษ์ ผอ.กกต.ปทุมธานี ได้ส่งผลนับคะแนนต่อ กกต. ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา
แต่ก็มีความชัดเจนจาก นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ออกมาแล้วว่า การดำเนินการของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้กำกับดูแล ต้องดำเนินการตามข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ระเบียบฯกฎหมายที่เกี่ยวข้องและความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
สรุปชัดๆ คือ ทันทีที่ กกต. ประกาศผลรับรองการเลือกตั้ง และ นายชาญ เข้ารับตำแหน่งเป็นทางการ จังหวัดปทุมธานี จะออกคำสั่งให้นายชาญ หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
ส่วนช่วงรอยต่อ ระหว่างที่ กกต. ประกาศผลรับรองการเลือกตั้ง และ เข้ารับตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี เป็นทางการ นั้น นายชาญ จะสามารถแต่งตั้งคนของตนเองเข้ามารักษาการบริหารงานในอบจ.ปทุมธานี ได้หรือไม่ ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป
แต่มีข้อมูลสำคัญอีกชุดหนึ่ง ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เพิ่งตรวจสอบพบล่าสุด คือ การออกคำสั่งของผู้มีอำนาจหน้าที่ ให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ตกเป็นจำเลยในคดีทุจริต และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มีคำสั่งประทับรับฟ้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่ เคยเกิดขึ้นมาหลายกรณีแล้ว
บางกรณีผู้มีอำนาจ ถึงขนาดออกคำสั่งให้ ผู้บริหาร อปท.พ้นจากตำแหน่งไป หลังจากที่เจ้าตัวไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย
กรณีดังกล่าว เป็นกรณีของนายอานนต์ รัตโนภาส เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม อำเภอนายายอาม จังหวัดจันทบุรี ที่เพิ่งจะถูกผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้ลงนามคำสั่งให้ พ้นจากตำแหน่ง ไปในช่วงเดือน ม.ค.2567 ที่ผ่านมา หลังจากที่เจ้าตัวไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามคำสั่งของ นายอำเภอนายายอาม
ข้อเท็จจริงที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบ คือ นายอานนต์ รัตโนภาส ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดในคดีทุจริตการดำเนินโครงการก่อสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 5 ธ.ค.2551 ของ เทศมนตรีตำบลนายายอาม
แต่ นายอานนต์ รัตโนภาส ไม่ยอมหยุดปฏิบัติหน้าที่ แม้ว่า นายอำเภอนายายอาม จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว
ก่อนที่ นายอำเภอนายายอาม จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเวลาต่อมา โดยกล่าวหาว่า นายอานนต์ รัตโนภาส ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรี ตำบลนายายอาม ตามมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 อันเป็นการประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยและฝ่าฝืนคำสั่งนายอำเภอนายายอาม ที่สั่งการตามมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) w.ศ. 2562
ผลการสอบสวนปรากฎ ดังนี้
คณะกรรมการสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนโดยแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยานหลักฐานให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ และให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา รวบรวมและพิจารณาพยานหลักฐานต่าง ๆ ข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายอานนต์ รัตโนภาส ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 คดีหมายเลขดำที่ อท.65/2563 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 จึงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม โดยผลของกฎหมายมาตรา 93 ประกอบกับมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เทียบเคียงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1) เรื่องเสร็จที่ 1486/2565
แต่นายอานนต์ รัตโนภาส เมื่อได้รับทราบการแจ้งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามผลของกฎหมายดังกล่าว และได้รับผลการพิจารณาของจังหวัดจันทบุรีว่า คดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มิได้มีคำสั่งให้นายอานนต์ รัตโนภาส จำเลยที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการพิจารณา แต่นายอานนต์ รัตโนภาส ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยผลของกฎหมาย ตามมาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และการที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ยกคำร้องของนาย อานนต์ รัตโนภาส โดยแจ้งว่า ศาลมิได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 หยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างพิจารณานั้น ไม่ถือเป็นคำสั่งอย่างอื่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่ง ประกอบการพิจารณาคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ยังไม่ถึงที่สุด นายอานนตั รัตโนภาส จึงยังคงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอามจนกว่าจะมีคำพิพากษา
แต่นายอานนต์ รัตโนภาส เมื่อได้รับทราบผลการพิจารณาดังกล่าว ยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอามอยู่
อำเภอนายายอาม จึงได้มีหนังสือตักเตือนให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และมีหนังสือสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ฯ และมีหนังสือสั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติม ตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี
ปรากฏว่า นายอานนตั รัตโนภาส ยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอามอยู่ เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการ ซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อถือของประชาชน และมีผลให้กฎหมายที่มีเจตนารมณ์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เสื่อมประสิทธิภาพและไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้
ขณะที่ พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างให้ถ้อยคำสอดคล้องต้องกันว่า นายอานนต์ รัตโนภาส ยังคงมาปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม และมีการลงนามเอกสารราชการของเทศบาลตำบลนายายอาม ซึ่งพยานเป็นพนักงานเทศบาลตำบลนายายอามและเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายอานนต์ รัตโนภาส จึงน่าเชื่อถือเพียงพอ
คณะกรรมการสอบสวนได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า การกระทำของนายอานนต์ รัตโนภาส เป็นการประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย และฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอนายายอาม ที่สั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม ตามมาตรา 72 และมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 เห็นควรให้พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม
นายอำเภอนายายอามพิจารณาแล้ว เห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบสวนเสนอ ดังนั้น จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้นายอานนต์ รัตโนภาส ผู้ถูกกล่าวหา พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม เนื่องจากประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย และฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอนายายอามที่สั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม ตามมาตรา 72 และมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562
หลังจากนั้น นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้ลงนามคำสั่งให้ นายอานนต์ รัตโนภาส พ้นจากตำแหน่ง โดยพิจารณาจากความเห็นและหลักฐานที่นายอำเภอนายายอามรายงานประกอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว
เห็นว่า นายอานนต์ รัตโนภาส ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 คดีหมายเลขดำที่ อท.65/2563 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 จึงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม โดยผลของกฎหมายมาตรา 93 ประกอบกับมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
แต่กลับปรากฎตามความเห็นและหลักฐานของนายอำเภอนายายอามว่า นายอานนตั รัตโนภาส ยังคงปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอามอยู่ อันเป็นการประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย และฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอนายายอาม ที่สั่งให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม ตามมาตรา 72 และมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 73/1 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562
นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี จึงลงนามคำสั่งให้นาย อานนต์ รัตโนภาส พ้นจากตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม ตามคำสั่งจังหวัดจันทบุรี ที่ 106/2567 เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา (ดูคำสั่งประกอบ)
จากกรณี นายอานนต์ รัตโนภาส ตามข้อมูลข้างต้น หากนำไปเทียบเคียงกับ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ว่าที่ นายก อบจ.ปทุมธานี
จะพบว่า มีความแตกต่างเพียงประการเดียว คือ นายอานนตั รัตโนภาส ถูกชี้มูลในระหว่างที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ส่วน นายชาญ พวงเพ็ชร์ ถูกชี้มูลในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ตำแหน่งเดิม และกำลังจะเข้ารับตำแหน่งใหม่
แต่ตามระเบียบข้อกฎหมายของ ป.ป.ช. รวมไปถึงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฏีกา ชี้ชัดแล้วว่า เมื่อศาลคดีอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ประทับรับฟ้องในคดีอาญาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว ผู้บริหารท้องถิ่นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 93 อันเป็นการหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยผลของกฎหมาย ไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งและกลับมาดำรงดำแหน่งเดิมใหม่ โดยผู้กำกับดูแลมิต้องมีคำสั่งอีก แต่ผู้กำกับดูแลมีหน้าที่จะต้องดูแลให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ นายอำเภอนายายอาม ก็มีคำสั่งให้ นายอานนต์ รัตโนภาส หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วย
แต่ที่น่าสนใจ คือ นายอานนตั รัตโนภาส หลังถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กลับไม่ยอมทำตาม แม้จะมีทำหนังสือแจ้งตักเตือนแล้ว และยังมีการลงนามเอกสารราชการของเทศบาลตำบลนายายอามด้วย
จึงทำให้ ต้องถูกตั้ง คณะกรรมการสอบสวน และนำไปสู่การออกคำสั่งให้พ้นตำแหน่งของ นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ไปในที่สุด
อย่างไรก็ดี หลังถูกออกคำสั่งให้พ้นตำแหน่งดังกล่าว นายอานนต์ รัตโนภาส ยังมีโอกาสยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อโต้แย้งคำสั่งได้ภายใน 90 วัน แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันว่า นายอานนต์ ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองหรือไม่ ผลเป็นอย่างไร?
แต่ในส่วนคดีความทุจริตการดำเนินโครงการก่อสร้างซุ้มเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 81 พรรษา 5 ธ.ค.2551 ของ เทศมนตรีตำบลนายายอาม นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2566 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาแก้ให้ไม่รอลงโทษจำคุก นายอานนตั รัตโนภาส เป็นเวลา 5 ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาให้ รอลงอาญา ไว้ 2 ปี
นายอานนตั รัตโนภาส ยังมีสิทธิ์ยื่นต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นฎีกา
แต่หนทางกลับเข้าสู่ตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลนายายอาม ดูเหมือนจะปิดตายไปเรียบร้อยแล้ว