อีกกรณีศึกษา:เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาสั่งถอนชื่อ ‘อัญชิสา สีสาร’ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 4 จ.ร้อยเอ็ด รวมไทยสร้างชาติ หลังพบประวัติถูกศาลจําคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท รอการลงโทษ 1 ปี ตาม พ.ร.บ.การพนันฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ แม้เจ้าตัวอ้างไม่ได้ติดคุกจริง อีกทั้งช่วงปี 2562 เคยผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจาก กกต.มาครั้งหนึ่งแล้ว
ในการเลือกตั้งวันที่14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. อย่างน้อย 2 ราย ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งสั่งถอนชื่อออกจากบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากมีประวัติต้องโทษตามคำพิพากษาคดีค้ายาเสพติด และคดีลักทรัพย์ ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้ว
- เคยต้องคำพิพากษาคดีค้ายาเสพติด! ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเส้นด้าย
- มีประวัติถูกพิพากษาลักทรัพย์! ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา
รายนี้เป็นกรณีผู้สมัครที่ถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากมีประวัติต้องคำพิพากษาถึงที่สุดคดีการพนัน
วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ศาลฎีกามีคําสั่งให้ถอนชื่อนางสาวอัญชิสา สีสาร ผู้คัดค้าน ออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดร้อยเอ็ด พรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือ โดยศาลพิพากษาจําคุก 2 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี และคดีถึงที่สุดแล้ว จึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 98 (10) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 42 (12) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561
มีรายละเอียดดังนี้
วันที่ 9 พฤษภาคม พุทธศักราช 2566
ความคดีเลือกตั้ง
ระหว่าง ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ร้อง
นางสาวอัญชิสา สีสาร ผู้คัดค้าน
เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ (ขอให้ถอนชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต)
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า ผู้ร้องได้ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดร้อยเอ็ด พรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อมาผู้ร้องตรวจสอบแล้วเห็นว่า ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือ จึงเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (12) ขอให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดร้อยเอ็ด พรรครวมไทยสร้างชาติ
ผู้คัดค้านยื่นคําคัดค้านว่า ในคดีดังกล่าวศาลมีคําพิพากษารอการลงโทษจําคุก ผู้คัดค้านจึงไม่เคยได้รับโทษจําคุกจริงตามกฎหมาย ประกอบกับในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2562 ผู้คัดค้านก็เคยสมัครรับเลือกตั้งและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จากสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้คัดค้านจึงเชื่อโดยสุจริตใจว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ยกคําร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้ โต้แย้งกันรับฟังเป็นยุติว่า ผู้ร้องได้ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดร้อยเอ็ด พรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาว่ากระทําความผิดต่อพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ในคดีอาญาหมายเลขดําที่ 1216/2559 หมายเลขแดงที่ 1222/2559 ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด คดีดังกล่าวศาลมีคําพิพากษาให้จําคุก 2 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี และคดีถึงที่สุดแล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 98 (10) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 บัญญัติว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (12) เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสํานัก....”
เมื่อข้อเท็จจริงได้ความเป็นยุติแล้วว่า เมื่อปี 2559 ผู้คัดค้านเคยกระทําความผิดต่อพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 ฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และในคดีดังกล่าวศาลมีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจําคุก 2 เดือน และปรับ 2,000 บาท ผู้คัดค้านจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทําความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือ แม้ตามทางไต่สวนพยาน ผู้คัดค้านจะอ้างและนําสืบว่า แท้จริงแล้วผู้คัดค้านเป็นเพียงผู้ซื้อสลากกินรวบ ไม่ได้เป็นเจ้ามือรับกิน รับใช้ แต่ข้ออ้างดังกล่าวนั้นขัดกับข้อเท็จจริงที่ผู้คัดค้านเคยให้การรับสารภาพในคดีอาญาซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว จึงไม่มีน้ําหนักให้รับฟัง
ส่วนที่ผู้คัดค้านอ้างว่าคดีอาญาดังกล่าวศาลเพียงแต่พิพากษารอการลงโทษจําคุก ผู้คัดค้านจึงไม่เคยได้รับโทษจําคุกจริงนั้น ตามบทบัญญัติมาตรา 98 (10) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 42 (12) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 เป็นบทบัญญัติซึ่งยึดถือคําพิพากษาของศาล อันถึงที่สุดว่าได้กระทําความผิดเป็นสําคัญ ไม่ได้คํานึงว่ามีเหตุบรรเทาโทษหรือได้รับการลงโทษหรือไม่
ดังนั้น แม้จะได้ความว่าในคดีดังกล่าวศาลเพียงแต่รอการลงโทษจําคุกจําเลย ผู้คัดค้านไม่เคยได้รับโทษจําคุกจริง ก็ไม่ถือเป็นข้อยกเว้นอันจะทําให้ผู้คัดค้านไม่ตกเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งมาตราดังกล่าวได้ และที่ผู้คัดค้านอ้างว่า เคยสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2562 และได้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจากคุณ แล้วนั้น เห็นว่าการพิจารณาคุณสมบัติรวมถึงลักษณะต้องห้ามของบุคคลผู้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น พิจารณาสิทธิของผู้สมัครเมื่อมีการสมัครรับเลือกตั้งในแต่ละคราวไป การพิจารณา และความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้งในครั้งก่อนหาได้ผูกมัดการพิจารณาและความเห็นของ คณะกรรมการการเลือกตั้งในครั้งถัดไปไม่ ข้ออ้างของผู้คัดค้านในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นผู้คัดค้านจึงเป็นผู้เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการพนัน ในความผิดฐานเป็นเจ้ามือ อันถือเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 98 (10) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 42 (12) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 กรณีมีเหตุให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามคําร้อง
จึงมีคําสั่งให้ถอนชื่อนางสาวอัญชิสา สีสาร ผู้คัดค้าน ออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดร้อยเอ็ด พรรครวมไทยสร้างชาติ
(คดีหมายเลขดําที่ ลต สสข 26/2566 -คดีหมายเลขแดงที่ ลต สสข 35/2566 )
เรื่องเกี่ยวข้องกับคดีเลือกตั้ง
- ไม่ไปเลือกตั้งซ่อม สท.! ศาลฎีกา ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.จ.อุบลฯ พรรค รทสช.
- กรณีศึกษา : ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อสมัคร ส.ส. เพราะไม่ไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.
- มีประวัติถูกปลดพ้นนายก อบต.! ศาลฎีกายกคำร้องผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคชาติไทยพัฒนา
- รายนี้ไม่ไปเลือกตั้งครั้งล่าสุด! คำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี
- เปิดคำพิพากษา 2 ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ โดนตัดสิทธิ์เหตุไม่มีสาขาพรรคประจำจังหวัด
- ไม่ไปเลือกตั้งซ่อม สท.! ศาลฎีกา ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.จ.อุบลฯ พรรค รทสช.
- กรณีศึกษา : ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อสมัคร ส.ส. เพราะไม่ไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.
- โดนปลดพ้นนายกเทศฯ คดีอยู่ระหว่าง‘ทุเลา’คำสั่ง! ศาลฎีกาคืนสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส. ภูมิใจไทย
- ถือน้อยไม่มีอำนาจสั่งการ!คำพิพากษาศาลฎีกาคืนสิทธิ์สมัคร ส.ส. 'ชาญชัย'ปม AIS 200 หุ้น
- มีประวัติถูกปลดพ้นนายก อบต.! ศาลฎีกายกคำร้องผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคชาติไทยพัฒนา
- มีประวัติถูกพิพากษาลักทรัพย์! ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา
- คดีแรก! ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส.อุดรฯ ถือหุ้นสื่อ
- เคยต้องคำพิพากษาคดีค้ายาเสพติด! ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเส้นด้าย
- ไม่ไปเลือกตั้งซ่อม ส.ท.เมืองตาก! ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก
- เป็นบุคคลล้มละลาย! คำพิพากษาศาลฎีกาถอนชื่อผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ลำดับ 21 พรรคชาติพัฒนากล้า
- ถือหุ้นสื่อ แต่ไม่ยื่นต่ออายุใบอนุญาต! ศาลฎีกาไม่ถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส. อุดรฯ
- ถือหุ้น บ.รับจ้างพีอาร์ จัดออร์กาไนฯ ไม่ใช่สื่อ! ศาลฎีกาไม่ถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก
- องค์ประกอบครบ! ดูเอกสารชัดๆ คดีผู้สมัคร ส.ส.อุดรฯ ถือหุ้นสื่อ