อีกราย! เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา ถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 จ.พระนครศรีอยุธยา ‘ธนพล บุญเขตร์’ พรรคทางเลือกใหม่ มีลักษณะต้องห้าม เหตุมีประวัติถูกศาลตัดสินกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์โดยทุจริต จำคุก 1 ปี ปรับ 3,000 บาท รอการลงโทษ 2 ปี คดีถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2566 ศาลฎีกา มีคำสั่งให้ถอนชื่อ นายธนพล บุญเขตร์ ผู้คัดค้าน ออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคทางเลือกใหม่ กรณีถูก ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ร้อง ขอให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่าลักทรัพย์ จึงเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้คัดค้านจึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
@ ภาพประกอบการหาเสียงของนายธนพล บุญเขตร์ / www.facebook.com/photo
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอรายละเอียดคำสั่งศาลฎีกา ดังนี้
ความคดีเลือกตั้ง
ระหว่าง ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผู้ร้อง
นายธนพล บุญเขตร์ ผู้คัดค้าน
เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ขอให้ถอนชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต)
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า ผู้ร้องประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคทางเลือกใหม่ ต่อมาผู้ร้องทราบข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่าลักทรัพย์ ตามคดีหมายเลขดําที่ อ 122/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อ 197/2565 ของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และคดีถึงที่สุดแล้วตามหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดลงวันที่ 18 เมษายน 2566 อันเป็นการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้คัดค้านจึงเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ขอให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ผู้คัดค้านยื่นคําคัดค้านว่า เมื่อประมาณวันที่ 12 เมษายน 2566 ผู้ร้องโทรศัพท์แจ้งผู้คัดค้านว่า ผู้คัดค้านต้องคําพิพากษาในความผิดฐานลักทรัพย์ จําคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี โดยผู้คัดค้านเข้าใจว่า หลังจากผู้คัดค้านชําระค่าปรับ 3,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ คดีความจะจบลงในวันดังกล่าว ขอให้ยกคําร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาคําร้อง คําคัดค้าน ประกอบเอกสารหมาย ร.1 ถึง ร.7 แล้ว เห็นว่า คดีไม่จําเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐาน จึงให้งดการไต่สวน ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคําพิพากษาในคดีหมายเลขดําที่ อ 122/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อ 197/2565 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โจทก์ ผู้คัดค้าน จําเลย เรื่องความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม ลักทรัพย์ ว่า ผู้คัดค้านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188, 334 จําคุก 2 ปี และปรับ 6,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดทางหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 2 ปี และคดีถึงที่สุดแล้วตามสําเนาคําพิพากษาและสําเนาหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดเอกสารหมาย ร.6 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ผู้คัดค้านสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดพรรคทางเลือกใหม่ ตามสําเนาใบสมัครรับเลือกตั้ง เอกสารหมาย ร.3
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัคร รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 บัญญัติว่า 'บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร...(10) เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา...' และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 บัญญัติไว้เช่นเดียวกันว่า 'บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร...(12) เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทําความผิด ตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา...'
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามคําแถลงรับข้อเท็จจริงของผู้ร้องและผู้คัดค้านว่า ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีคําพิพากษาในคดีหมายเลขดําที่ อ 122/2564 คดีหมายเลขแดงที่ อ 197/2565 ว่า ผู้คัดค้านมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 187, 334 และคดีถึงที่สุดแล้ว จึงเป็นกรณีที่ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า กระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้คัดค้านจึงเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 (10) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (12) กรณีมีเหตุให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามคําร้อง
จึงมีคําสั่งให้ถอนชื่อนายธนพล บุญเขตร์ ผู้คัดค้าน ออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัคร รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 5 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคทางเลือกใหม่
คดีเลือกตั้งอื่น
- ไม่ไปเลือกตั้งซ่อม สท.! ศาลฎีกา ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.จ.อุบลฯ พรรค รทสช.
- กรณีศึกษา : ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อสมัคร ส.ส. เพราะไม่ไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.
- มีประวัติถูกปลดพ้นนายก อบต.! ศาลฎีกายกคำร้องผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคชาติไทยพัฒนา
- ถือน้อยไม่มีอำนาจสั่งการ!คำพิพากษาศาลฎีกาคืนสิทธิ์สมัคร ส.ส. 'ชาญชัย'ปม AIS 200 หุ้น
- โดนปลดพ้นนายกเทศฯ คดีอยู่ระหว่าง‘ทุเลา’คำสั่ง! ศาลฎีกาคืนสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส. ภูมิใจไทย
- รายนี้ไม่ไปเลือกตั้งครั้งล่าสุด! คำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี