เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาสั่งถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเส้นด้าย 'ไปรยา หลำลาย' เหตุมีลักษณะต้องห้าม เคยต้องคำพิพากษาคดีค้ายาเสพติด
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 ศาลฎีกามีคำสั่งให้ถอนชื่อ นางสาวไปรยาหรือประภา หลําหลายหรือหลำลาย ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 18 กรุงเทพมหานคร ของพรรคเส้นด้าย หรือผู้คัดค้าน กรณีถูกผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งที่ 18 กรุงเทพมหานคร ผู้ร้อง ขอให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากผู้คัดค้านเคยต้องโทษตามคําพิพากษาตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า ตามมาตรา 42 (12) ของพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 จึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งนี้ผู้คัดค้านระบุว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากคําพิพากษาในคดีดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีพยานหลักฐานว่าผู้คัดค้านได้กระทําความผิดดังที่ศาลพิพากษา ทั้งมีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 ล้างมลทินให้แก่ผู้คัดค้านแล้ว
โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมิได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคําพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภายในกําหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคําพิพากษา คดีจึงถึงที่สุดตั้งแต่ระยะเวลาดังกล่าวได้สิ้นสุดลง และผู้คัดค้านต้องผูกพันตามคําพิพากษา นับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา และตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลเพียงให้ถือว่าผู้คัดค้านไม่เคยถูกลงโทษจําคุกเท่านั้น มิได้มีผลถึงกับให้ถือว่าความประพฤติหรือการกระทําอันเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านถูกลงโทษจําคุกถูกลบล้างไปด้วย เมื่อผู้คัดค้านเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังที่ได้วินิจฉัยมา ผู้ร้องจึงชอบที่จะร้องขอให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้
@ น.ส.ไปรยา หลำลาย ภาพจาก www.facebook.com/photo
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอรายละเอียดคำสั่งศาลฎีกา ดังนี้
ความคดีเลือกตั้ง
ระหว่าง ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งที่ 18 กรุงเทพมหานคร ผู้ร้อง
นางสาวไปรยาหรือประภา หลําหลายหรือหลำลาย ผู้คัดค้าน
เรื่อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ขอให้ถอนชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต)
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า ผู้ร้องได้ประกาศรายชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ต่อมาผู้ร้องตรวจสอบแล้วเห็นว่าผู้คัดค้านไม่มีสิทธิ สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากผู้คัดค้านเคยต้องโทษตามคําพิพากษาตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า ตามมาตรา 42 (12) ของพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 จึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ขอให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 18 กรุงเทพมหานคร ของพรรคเส้นด้าย
ผู้คัดค้านยื่นคําคัดค้านว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากคําพิพากษาในคดีดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีพยานหลักฐานว่าผู้คัดค้านได้กระทําความผิดดังที่ศาลพิพากษา ทั้งมีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 ล้างมลทินให้แก่ผู้คัดค้านแล้ว ขอให้ยกคําร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณาคําร้อง คําคัดค้าน เอกสารประกอบคําร้องและคําคัดค้าน กับคําแถลงของผู้ร้องและผู้คัดค้านแล้ว เห็นว่า คดีไม่จําเป็นต้องไต่สวนพยานหลักฐาน จึงให้งดการไต่สวน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้วปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้คัดค้านเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 (10) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 บัญญัติว่า 'บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (1)...(12) เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ... กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า....'
ข้อเท็จจริงปรากฏตามคําร้อง คําคัดค้าน เอกสารประกอบคําร้องและคําคัดค้าน กับคําแถลงของผู้คัดค้านว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2546 ศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษาลงโทษจําคุกผู้คัดค้านฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายและจําหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นอุทธรณ์ คดีถึงที่สุดแล้ว ตามสําเนาคําพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6045/2546 ของศาลจังหวัดมีนบุรี และหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดเอกสารหมาย ร.7 หรือ ค.1 และ ค.2 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ดังกล่าวก็ต้องถือว่าผู้คัดค้านเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 98 (10) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 42 (12) ที่ผู้คัดค้านอ้างมาในคําคัดค้านว่า ศาลจังหวัดมีนบุรีรับฟังคํารับสารภาพในชั้นจับกุมของผู้คัดค้านเป็นพยานหลักฐานลงโทษผู้คัดค้าน เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 84 วรรคท้าย และไม่มีพยานหลักฐานว่าผู้คัดค้านได้กระทําความผิด นั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแก่คดีของผู้คัดค้านบัญญัติว่า 'คดีอุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําสั่งศาลชั้นต้นในข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ เว้นแต่จะถูกห้ามอุทธรณ์โดยประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น' และ มาตรา 198 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า 'การยื่นอุทธรณ์ ให้ยื่นต่อศาลชั้นต้นในกําหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่าน หรือถือว่าได้อ่านคําพิพากษาหรือคําสั่งให้คู่ความฝ่ายที่อุทธรณ์ฟัง'
เมื่อปรากฏว่าผู้คัดค้านมิได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคําพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ภายในกําหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคําพิพากษา คดีจึงถึงที่สุดตั้งแต่ระยะเวลาดังกล่าวได้สิ้นสุดลง และผู้คัดค้านต้องผูกพันตามคําพิพากษา นับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ผู้คัดค้านซึ่งเป็นคู่ความในคดีอาญาดังกล่าวจะโต้แย้งเป็นอย่างอื่นหาได้ไม่
ส่วนที่ผู้คัดค้านโต้แย้งอีกประการหนึ่งว่า ผู้คัดค้านได้รับการล้างมลทินแล้วตามพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 จึงมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ. 2550 มาตรา 4 บัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทําก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับ
โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลเพียงให้ถือว่าผู้คัดค้านไม่เคยถูกลงโทษจําคุกเท่านั้น
มิได้มีผลถึงกับให้ถือว่าความประพฤติหรือการกระทําอันเป็นเหตุให้ผู้คัดค้านถูกลงโทษจําคุกถูกลบล้างไปด้วย
เมื่อผู้คัดค้านเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังที่ได้วินิจฉัยมา ผู้ร้องจึงชอบที่จะร้องขอให้ถอนชื่อผู้คัดค้านออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งได้
จึงมีคําสั่งให้ถอนชื่อ นางสาวไปรยาหรือประภา หลําหลายหรือหลำลาย ออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 18 กรุงเทพมหานคร ของพรรคเส้นด้าย
คดีเลือกตั้งอื่น :
- ไม่ไปเลือกตั้งซ่อม สท.! ศาลฎีกา ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.จ.อุบลฯ พรรค รทสช.
- กรณีศึกษา : ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อสมัคร ส.ส. เพราะไม่ไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.
- มีประวัติถูกปลดพ้นนายก อบต.! ศาลฎีกายกคำร้องผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคชาติไทยพัฒนา
- ถือน้อยไม่มีอำนาจสั่งการ!คำพิพากษาศาลฎีกาคืนสิทธิ์สมัคร ส.ส. 'ชาญชัย'ปม AIS 200 หุ้น
- โดนปลดพ้นนายกเทศฯ คดีอยู่ระหว่าง‘ทุเลา’คำสั่ง! ศาลฎีกาคืนสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส. ภูมิใจไทย
- รายนี้ไม่ไปเลือกตั้งครั้งล่าสุด! คำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี
- มีประวัติถูกพิพากษาลักทรัพย์! ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา
- คดีแรก! ศาลฎีกาสั่งถอนชื่อผู้สมัคร ส.ส.อุดรฯ ถือหุ้นสื่อ