"...จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้เสียหายหรือผู้ได้รับความเดือดร้อน จะต้องนำรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจ เพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่พิพาทสองแปลงดังกล่าวต่อไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเป็นผู้มีอำนาจฟ้อง..."
...........................
ค่อยๆคืบหน้าไปอย่างช้าๆ สำหรับการทวงคืนที่ดินรถไฟ ‘เขากระโดง’ จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่ 5,083 ไร่
ล่าสุด กรมที่ดิน แจ้งว่า ได้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 ของผู้ครอบครองแล้ว 30 ราย และอยู่ระหว่างเพิกถอน น.ส.3 ของผู้ครอบครองอีก 1 ราย โดยเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อปี 2560-61 ว่า เป็นการออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณแยกเขากระโดง
ส่วนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์เป็น ‘โฉนดที่ดิน’ กว่า 700 แปลง ซึ่งรวมถึงโฉนดที่ดิน 2 แปลง ได้แก่
1.โฉนดที่ดินเลขที่ 3466 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ออกเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2515 เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 55.8 ตารางวา ของ ชัย ชิดชอบ (ขณะนั้น) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการครอบครองของ บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด ที่มี เอกราช ชิดชอบ และ ประกายมาศ มีเกิดมูล เป็นกรรมการฯ
2.โฉนดที่ดินเลขที่ 8564 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่ออกเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2518 เนื้อที่ 37 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวา ของ กรุณา ชิดชอบ (ขณะนั้น) ซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพักของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม
ซึ่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อเดือน ก.ย.2554 ให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน นั้น กรมที่ดิน แจ้งกลับไปยัง รฟท. ว่า ให้ รฟท. ฟ้องศาลฯ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดต่อไป (อ่านประกอบ : ‘กรมที่ดิน’ ย้ำให้ 'รฟท.' ฟ้องศาลฯเพิกถอน 'โฉนด' ที่ดินเขากระโดง 700 แปลง)
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) พบข้อมูลว่า กรณีกรมที่ดินแจ้งให้ รฟท. ฟ้องศาลฯ ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 นั้น เป็นทางแนวทางที่กรมที่ดินเคยแจ้งให้ รฟท. ดำเนินการตั้งแต่ปี 2555 เพียงแต่ว่า รฟท. ไม่ได้ดำเนินการใดๆมาจนถึงปัจจุบัน
@‘กรมที่ดิน’เห็นต่าง ‘ป.ป.ช.’ ไม่เพิกถอนโฉนด 2 แปลง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2555 กรมที่ดิน ทำหนังสือกรมที่ดิน ด่วนมากที่ มท 0505.2/8982 ลงวันที่ 2 มี.ค.2555 ถึง สำนักงานอัยการสูงสุด ขอหารือกรณี ป.ป.ช. ส่งเรื่องให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งออกทับที่ดินของ รฟท.
เนื่องจากอธิบดีกรมที่ดิน (ขณะนั้น) มีความเห็นว่า ที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว ไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นที่ดินของ รฟท. จึงไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง ดังนั้น ความเห็นของกรมที่ดินจึงขัดแย้งกับความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำให้มีปัญหาในทางปฏิบัติ
กรมที่ดิน จึงขอหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดใน 3 ประเด็น ได้แก่
1.การที่กรมที่ดินพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องเพิกถอนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เป็นไปตามนัยมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน แล้วพิจารณาเห็นควรไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน ซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
กรณีจะเป็นการโต้แย้งหรือขัดต่อหลักการตรวจสอบของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.อันเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 หรือไม่ ประการใด
2.เมื่อกรมที่ดินพิจารณาเห็นควรไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะต้องดำเนินการส่งเรื่อง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษา ให้ ‘ยกเลิก’ เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว ตามนัยมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 หรือไม่ ประการใด
และหากจะต้องดำเนินการตามนัยมาตรา 99 ดังกล่าว กระบวนการขั้นตอนเป็นอย่างไร จะสามารถดำเนินการตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 ได้หรือไม่ ประการใด
3.เนื่องจากการฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีต้องเป็นผู้เดือดร้อนหรือเสียหาย ตามนัยมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
ดังนั้น หากจะต้องมีการดำเนินการส่งเรื่องให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ยกเลิกเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว ซึ่งสำหรับกรณีนี้ผู้เสียหายควรเป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย เนื่องจากมีกรณีออกโฉนดที่ดินในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ใช่หรือไม่ ประการใด
@‘สนง.อัยการสูงสุด’ ชี้ฟ้องถอนโฉนดเป็นหน้าที่ ‘รฟท.’
ต่อมาสำนักงานอัยการสูงสุด มีหนังสือด่วนมาก ที่ อส 0005/5403 เรื่อง หารือแนวทางปฏิบัติกรณีการร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน ตามมาตร 99 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 ลงวันที่ 12 มิ.ย.2555 ถึงอธิบดีกรมที่ดิน ลงนามโดย ภราดร ศรีศุภรางค์กุล รองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด
ทั้งนี้ สำนักงานอัยการสูงสุด ตอบข้อหารือของกรมที่ดิน ว่า
สำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 99 นั้น
กฎหมายประสงค์จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำรายงานและเอกสารที่มีอยู่ พร้อมทั้งความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้อนุมัติ หรืออนุญาตให้สิทธิประโยชน์หรือออกเอกสารสิทธิแก่บุคคลใดไป โดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการฟ้องหรือร้องต่อศาล เพื่อมีคำสั่งหรือมีคำพิพากษาให้ยกเลิกเพิกถอนสิทธิ หรือเอกสารสิทธิที่ผู้ถูกกล่าวหาได้อนุมัติหรืออนุญาต
จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้เสียหายหรือผู้ได้รับความเดือดร้อนจะต้องนำรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจเพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่พิพาทสองแปลงดังกล่าวต่อไป
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ก็คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเป็นผู้มีอำนาจฟ้อง โดยไม่จำเป็นต้องนำรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าวเสนอต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเพิกถอนพิจารณาดำเนินการก่อน
ดังนั้น การที่อธิบดีกรมที่ดินเห็นควรไม่เพิกถอนโฉนด ย่อมไม่มีผลทางกระทบต่อการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่จะฟ้องหรือร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้งสองแปลง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 99
และไม่เป็นการโต้แย้งหรือขัดต่อหลักการตรวจสอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อันเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เนื่องจากเหตุในการฟ้องร้องต่อศาลเป็นไปตามรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่วนการพิจารณาของอธิบดีกรมที่ดินเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเป็นคนละเหตุไม่เกี่ยวข้องกัน
อย่างไรก็ตาม กรมที่ดินมีหน้าที่ต้องแจ้งให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อทราบผลการพิจารณาของอธิบดีกรมที่ดินที่ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาท และแจ้งให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้งสองแปลงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 99 ต่อไป
@‘กรมที่ดิน’ แจ้ง ‘รฟท.’ ให้ฟ้องศาลฯขอเพิกถอนโฉนดเอง
ต่อมา กรมที่ดิน ทำหนังสือที่ มท 0516.2 (3)/27826 เรื่อง ขอทราบความคืบหน้าการเพิกถอนโฉนดที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 2 ต.ค.2555 ลงนามโดย วานิตย์ อินทรักษ์ รองอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมที่ดิน ถึง ผู้ว่าฯรฟท. แจ้งความคืบหน้าการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ดังนี้
กรมที่ดินขอเรียนว่า ในการดำเนินการเกี่ยวกับการฟ้องหรือร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและบราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องราวดังกล่าวให้กรมที่ดินดำเนินการ
ปรากฎว่า กรณีนี้กรมที่ดินได้พิจารณาดำเนินการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว โดยมีความเห็นว่าไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 ฉบับ
ประกอบกับมีข้อขัดข้องเกี่ยวกับการฟ้องคดี เนื่องจากกรมที่ดินมิใช่ผู้เสียหายในการที่จะฟ้องคดีต่อศาล จึงได้หารือแนวทางปฏิบัติต่อสำนักงานอัยการสูงสุดในประเด็นข้อขัดข้องดังกล่าว ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า
ในการดำเนินการฟ้องหรือร้องต่อศาล เพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ยกเลิกเพิกถอนสิทธิหรือเอกสารสิทธิที่ได้อนุมัติหรืออนุณาติแก่บุคคลใดไปโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการ
เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผู้เสียหายหรือผู้ได้รับความเดือดร้อน จะต้องนำรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจเพื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้ง 2 ฉบับดังกล่าวต่อไป
ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คือ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเป็นผู้มีอำนาจฟ้อง โดยไม่จำเป็นต้องนำรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าว เสนอต่อเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการเพิกถอนพิจารณาดำเนินการก่อน
และการที่อธิบดีกรมที่ดินเห็นควรไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน ย่อมไม่มีผลกระทบต่อการที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะฟ้อง หรือร้องต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่พิพาททั้ง 2 ฉบับ และไม่เป็นการโต้แย้งหรือขัดต่อหลักการตรวจสอบของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อันเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เนื่องจากเหตุในการฟ้องร้องต่อศาลเป็นไปตามรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ส่วนการพิจารณาของอธิบดีกรมที่ดินเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเป็นคนละสาเหตุไม่เกี่ยวข้องกัน รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนมาก ที่ อส 0005/5403 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2555
กรมที่ดินจึงขอส่งรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริง พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการฟ้องร้องกับผู้บุกรุกที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ต่อศาลเพื่อขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินพิพาททั้ง 2 ฉบับตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 99 พร้อมทั้งขอได้แจ้งผลการดำเนินการให้สำนักงาน ป.ป.ช. ทราบโดยตรงต่อไป
@เก็บเรื่อง 9 ปี ‘3 ผู้ว่าฯ-2 รักษาการฯ’ ไม่สั่งให้ฟ้องถอนโฉนด
ทั้งนี้ เมื่อหนังสือของกรมที่ดินได้ส่งมาถึง รฟท. แล้ว วิโรจน์ เตรียมพงศ์พันธ์ รองผู้ว่าการกลุ่มยุทธศาสตร์และอำนวยการ รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯ รฟท. ได้ลงนามรับทราบหนังสือกรมที่ดิน ในวันที่ 12 ต.ค.2555 และให้ หัวหน้าสำนักงานอาณาบาล (หอบ.) หรือ สำนักงานกฎหมาย รฟท. พิจารณาดำเนินการต่อไป
แต่ทว่าจนถึงปัจจุบัน ฝ่ายกฎหมายของ รฟท.ยังไม่ดำเนินการฟ้องศาลฯ ขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 แต่อย่างใด
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ในช่วงปี 2554 ถึงปัจจุบัน รฟท. มีผู้ว่าฯรฟท. 3 คน และรักษาในตำแหน่งผู้ว่าฯ รฟท. 2 คน ได้แก่ ประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าฯรฟท. (12 พ.ย.2554-10 ก.ค.2557) , วุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าฯ รฟท. (11 ก.ค.2557-22 ก.พ.2560)
อานนท์ เหลืองบริบูรณ์ (รองอธิบดีกรมทางกลวงในขณะนั้น) รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯ รฟท. (23 ก.พ.2560-12 พ.ค.2561) ,วรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯ รฟท. (13 พ.ค.2561-23 เม.ย.2563) และ นิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าฯ รฟท.คนปัจจุบัน (24 เม.ย.2563-ปัจจุบัน)
ดังนั้น ในขณะที่กรมที่ดินยังคงยืนกรานว่า การเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง ที่มีความเกี่ยวพันกับคนในตระกูล ‘ชิดชอบ’ ให้ รฟท.ฟ้องศาลฯเอง จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า 'ผู้ว่าฯรฟท.' จะสั่งการให้ฝ่ายกฎหมาย รฟท. ฟ้องศาลฯ ขอให้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนโฉนดทั้ง 2 แปลง หรือไม่
หลังจากเก็บเข้าลิ้นชักมาแล้วกว่า 9 ปี!
อ่านประกอบ :
‘กรมที่ดิน’ ย้ำให้ 'รฟท.' ฟ้องศาลฯเพิกถอน 'โฉนด' ที่ดินเขากระโดง 700 แปลง
แค่ผู้อยู่อาศัย-ปัดเอื้อญาติ! ‘ศักดิ์สยาม’ แจง 9 ประเด็นที่ดิน ‘เขากระโดง’ 5 พันไร่
อภิปรายไม่ไว้วางใจ : โยง'ศักดิ์สยาม'เอื้อ'ตัวเอง-ญาติ'ไม่สั่งขับไล่พวกรุกที่เขากระโดง
'สพ.รฟ.' ยื่นปธ.กรรมาธิการป.ป.ช. ตรวจสอบละเลยเพิกถอนโฉนด ‘เขากระโดง’ 5 พันไร่
'กรมที่ดิน' ย้อน 'รฟท.' ทำไมไม่ฟ้องถอนโฉนดตามคำแนะนำ อสส.-ขอยืนยันแผนที่'เขากระโดง'
นับหนึ่งเพิกถอนโฉนด 'เขากระโดง' 5พันไร่! 'กรมที่ดิน' โยน 'รฟท.' ไล่ฟ้องเอง
'กรมที่ดิน' สั่งตรวจสอบเพิ่ม-ให้ 'รฟท.' ฟ้องศาลเองเพิกถอนโฉนด 'เขากระโดง’
มูลนิธิต้านโกง จี้ 'ป.ช.ช.'ทำตามคำพิพากษา-ฟันผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีเขากระโดง”
โฉนด 'เขากระโดง’ 5พันไร่! เผือกร้อนในมือ 'กรมที่ดิน' หลัง รฟท. จี้เพิกถอน
‘ผู้ว่าฯรฟท.’ แจ้ง ‘กรมที่ดิน’ เพิกถอนโฉนด'เขากระโดง' บุรีรัมย์ 5 พันไร่
คนรถไฟโรงงานมักกะสัน ร่อนแถลงการณ์ปลุกพนักงาน ร่วมทวงคืนที่ดิน ‘เขากระโดง’
ขึ้นป้ายทวงที่ดินเขากระโดง! พนง. 2.3 พันคน ลงชื่อร้อง ‘ผู้ว่าฯรฟท.’ เร่งฟ้องถอนโฉนด
โชว์สัญญาจัดจ้าง! หจก.รับเหมาฯคดีเขากระโดง ใช้ที่อยู่‘ศักดิ์สยาม’คว้างานรัฐ 1.2 พันล.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/