ศาลปกครองกลางยกฟ้อง คดี 'ชาญ พวงเพ็ชร์' ฟ้องนายกอบจ.ปทุมฯ ให้เพิกถอนคำสั่งเรียกค่าเสียหายซื้อเครื่องออกกำลังแพง-ให้ชดใช้เงินแก่อบจ.ปทุมธานี 2.3 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567 ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 1015/2565 ระหว่าง นายชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) กรณีเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้ อบจ.ปทุมธานีได้รับความเสียหายต้องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายในราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็นจริง 44 ล้านบาท โดยศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง และให้นายชาญชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นเงิน จำนวน 2,330,394.89 บาท
โดยคดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า นายก อบจ.ปทุมธานี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีนายก อบจ.ปทุมธานี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) มีคำสั่งอบจ.ปทุมธานี ที่ 02389 และ 02390 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2564 เรียกให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยอ้างว่าผู้ฟ้องคดีทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้อบจ.ปทุมธานีได้รับความเสียหายต้องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายในราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งสองได้อุทธรณ์คำสั่งแล้ว แต่ได้รับแจ้งผลการพิจารณาตามหนังสือ ลงวันที่ 24 ก.พ.2565 ให้ยกอุทธรณ์ จึงนำคดีมาฟ้อง
มีรายละเอียดคำพิพากษา ดังนี้
ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติแล้วว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ได้อนุมัติสั่งซื้อเครื่องงออกกำลังกายตามรายงานขออนุมัติจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนจังหวัดปทุมธานี จำนวน 7 ครั้ง โดยมิได้มีการสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำการสืบราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดจากเอกชน ที่เป็นผู้ประกอบการหรือผู้มีอาชีพจำหน่ายเครื่องออกกำลังกายนั้น มาวิเคราะห์และกำหนดเป็นราคาอ้างอิง แล้วนำผลการสืบราคาดังกล่าวมาประกอบการพิจารณากำหนดประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องงออกกำลังกายขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นเหตุให้ประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ตามโครงการดังกล่าวสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด ซึ่งหากผู้ฟ้องคดีที่ 1 ในฐานะ ผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีและเป็นผู้มีอำนาจสั่งซื้อตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัต้องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 ประกอบกับข้อ 5 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุพิพาท ได้ควบคุมตรวจสอบกระบวนการและขั้นตอนในการจัดซื้อ ตลอดจนพิจารณารายงานขออนุมัติจัดซื้อในแต่ละโครงการที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอมาด้วยความละเอียดรอบคอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบข้างต้นแล้ว
ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ย่อมจะตรวจพบได้ว่า การจัดซื้อเครื่องงออกกำลังกายตามรายงานขออนุมัติจัดซื้อ ตามโครงการดังกล่าวยังมิได้ทำการสืบราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดเนื่องจากในรายงานขออนุมัติจัดซื้อนั้น ระบุเพียงว่า เป็นครุภัณฑ์ที่ไม่มีกำหนดไว้ในบัญชีราคามาตรฐานครุภัณฑ์ ตั้งงบประมาณตามราคาท้องถิ่น โดยไม่ปรากฏรายละเอียดของการสืบราคาหรือที่มาของประมาณการราคาในรายงานขออนุมัติจัดซื้อหรือเอกสารหลักฐานประกอบรายงานขออนุมัติจัดซื้อ อันถือเป็นสาระสำคัญในการจัดซื้อพัสดุตาม ระเบียบดังกล่าวแต่อย่างใด การที่ผู้ฟองคดีที่ 1 ลงนามอนุมัติในรายงานขออนุมัติจัดซื้อที่ผู้ใต้บังคับบัญชา เสนอมาโดยมิได้ทักท้วงใด ๆ เป็นเหตุให้ประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด การกระทำของผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากความรอบคอบ ระมัดระวังที่เบี่ยงเบนไปจากวิสัยของผู้มีอำนาจอนุญาตสั่งซื้ออย่างมาก และเป็นการไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของทางราชการตามตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อ 20 วรรคหนึ่ง (3) ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุพิพาท
@ 'ชาญ' ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรง
พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาท เลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี้ได้รับความเสียหายที่ต้องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการดังกล่าวในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด อันเป็นการกระทำละเมิดต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีตามมาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีตามมาตรา 10 วรรคหนึ่ง ประกอบกับมาตรา 8 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของ เจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 และเมื่อร่วมความเสียหายที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี้ได้รับจากการประมาณการราคาในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชน จังหวัดปทุมธานีในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 คำนวณเฉพาะรายการเครื่อง ออกกำลังกาย จำนวน 8 อุปกรณ์ในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นผู้ลงนามอนุมัติจัดซื้อ จำนวน 7 สัญญา สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาดคิดเป็นเงินจำนวน 33,657,049.92 บาท แต่อย่างไรก็ดี เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี้ได้ใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายกรณีดังกล่าว จากผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นเงินจำนวน 31,071,932 บาท ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยเกินกว่าความเสียหาย
ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีใช้สิทธิเรียกร้องได้และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี้ได้รับความเสียหาย ที่ต้องจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการข้างต้นในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติในท้องตลาด อันเป็นการกระทำละเมิดต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องรับผิดในความเสียหายดังกล่าว
@ เครื่องออกกำลังกายยังใช้ได้
แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายตามโครงการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนจังหวัดปทุมธานีขององค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีนั้น เป็นโครงการที่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี้ได้เสนอต่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและปรับปรุงคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ อันเป็นโครงการที่มาจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งในขณะที่มีการตรวจสอบสืบสวนกรณีดังกล่าวอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกาย ก็ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับระยะเวลานับตั้งแต่วันที่มีการติดตั้งเครื่องออกกำลังกาย จนถึงวันที่มีการตรวจสอบ
เมื่อพิจารณาถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในกรณีดังกล่าวแล้วเห็นว่า การที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี้มีคำสั่ง ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีในอัตราร้อยละ 50 ของความเสียหายในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นผู้ลงนามอนุมัติจัดซื้อ จำนวน 7 สัญญา คิดเป็นเงินจำนวน 15,535,966 บาท และให้ผู้ฟ้องคดี 1 รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในอัตราร้อยละ 15 ของความเสียหายดังกล่าว คิดเป็นเงินจำนวน 2,330,394.90 บาท จึงเป็นการกำหนดความเสียหายและสัดส่วนความรับผิดที่เหมาะสมและเป็นคุณแก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 มากแล้ว
@ ให้ 'ชาญ' ชดใช้เงิน 2.3 ล้าน เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ดังนั้น คำสั่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีที่ 02390/2564 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ที่ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นเงิน จำนวน 2,330,394.89 บาท จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า คำสั่งของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ดังนั้น คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่วินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์ของ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 โดยอาศัยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเดียวกัน ซึ่งได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 ทราบตามหนังสือลับมากที่ปท 51001/013 ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 จึงชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
พิพากษายกฟ้อง
สำหรับคดีจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น ของ อบจ.ปทุมธานีนั้น สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า เป็นหนึ่งในข้อกล่าวหา ที่ทำให้นายชาญ พวงเพ็ชร์ อดีตนายกอบจ.ปทุมธานี ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลงนามในคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 35/2560 ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการสอบสวนจากหน่วยงานตนสังกัดเป็นทางการ หลังถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบเรื่องการตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย เมื่อช่วงปี 2555-2556 จำนวนหลายสัญญา พบว่ามีการตั้งราคาจัดซื้อสูงเกินกว่าความเป็นจริงกว่า 44 ล้านบาท และมีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไปดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมาย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ธ.ค.2560 ที่ผ่านมา
ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนคดีนี้ของ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2567 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการพิจารณาสำนวนไต่สวนกรณีกล่าวหา นายชาญ ในคดีนี้ แต่ยังไม่มีข้อสรุปการชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหารายใด เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้คณะไต่สวนไปสอบเพิ่มเติมหลายประเด็น จึงทำให้ไม่อาจลงมติชิ้มูลความผิดได้ ต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติม นำกลับเข้ามาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่คดีจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ของอบจ.ปทุมธานี ดังกล่าว เป็นคดีที่ 2 ที่ป.ป.ช.รับเรื่องเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ต่อจากคดีการจัดซื้อถุงยังชีพเมื่อปี พ.ศ.2554 ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายชาญ พวงเพ็ชร์ และพวกไปแล้ว ปัจจุบัน ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งประทับฟ้องคดีนี้แล้วและคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอาญาฯ
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 27 ส.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานีใหม่ ตามมาตรา 106 วรรคสี่ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 หลังพิจารณาเรื่องการประกาศรับรองผล และพยานหลักฐานของสำนวนเรื่องร้องเรียนตามมาตรา65 (3) แล้วเห็นว่า กรณีกล่าวหาว่านายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ได้รับเลือกตั้ง จัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้ตนนั้น เป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 67 มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งผลการเลือกตั้งอบจ.ปทุมธานีครั้งใหม่ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2567 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
อ่านประกอบ :
- 'ชาญ' ชนะเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุม แต่อาจต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่? เหตุศาลรับฟ้องคดีทุจริต
- เปิดมติ ป.ป.ช.ชี้มูล'ชาญ' คดีซื้อถุงยังชีพ ส่อถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.ปทุมฯ
- สถ.เคยแจ้งเวียนแล้ว! ศาลฯรับฟ้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ฝ่าฝืนสั่งสอบให้พ้นตำแหน่งได้
- คลี่ปม! ข้อกม.-กรณีศึกษาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่-ทางรอด 'ชาญ' นั่งเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมฯ
- หลังสถ.แจ้งเวียน! จว.ปทุมฯ รู้เรื่องแล้วสั่งกำชับศาลรับฟ้องคดีทุจริตหยุดปฏิบัติหน้าที่
- ครบชุด! มติป.ป.ช.ชี้มูล'ชาญ-พวก 12 คน คดีซื้อถุงยังชีพ สั่งถอดถอนตำแหน่ง-แจ้ง กกต.ด้วย
- ไขปม 'ชาญ' โดนแจ้งถอดถอนตำแหน่งคดีซื้อถุงยังชีพ ไฉนลงเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ปทุมฯ ได้
- พร้อมทำตามกฤษฎีกา! จว.ปทุมฯแจ้ง มท. 'ชาญ' เข้ารับตำแหน่งสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที
- เทียบเคียงกรณี 'ชาญ' : อดีตนายกเทศฯ นายายอาม ไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ผู้ว่าฯสั่งพ้นตำแหน่ง
- Coming Soon! จับตาผลคดีซื้อเครื่องออกกำลังแพง 44 ล. ดาบสองขวาง 'ชาญ' นั่งนายก อบจ.ปทุมฯ
- 'บิ๊กแจ๊ส' ประกาศชัยชนะหลังคะแนนนำ 'ชาญ' 6 หมื่น-ย้ำ พท.ไม่เกี่ยวเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุม