หลังศาลปกครองกลาง นัด 4 มิ.ย. ไต่สวนคดีละเลยไม่เปิดเผยเอกสารผลสอบนาฬิกาบิ๊กป้อม ป.ป.ช.ลงมติจัดทำเอกสาร 2 แบบ มีคาดแถบดำรายชื่อพยานบางข้อความ กับเปิดหมด ให้ศาลฯ พิจารณามอบแบบไหนให้ 'วีระ' - สั่ง 'นิวัติไชย เกษมมงคล' เลขาฯ ไปด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าคดีพิพากษาระหว่าง นายวีระ สมความคิดกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน(ผู้ถูกฟ้องคดี) เกี่ยวกับการเปิดเผยเอกสารรายการคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยศาลปกครองกลางนัดไต่สวนคดีวันที่ 4 มิ.ย.2567 นี้ ภายหลังจากที่ นายวีระ ยื่นฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน(ผู้ถูกฟ้องคดี) ฐานละเลยต่อหน้าที่ในกรณีไม่ยอมเปิดเผยเอกสารรายการคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จำนวน 3 รายการให้ครบถ้วน
ล่าสุด แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า ภายหลังจากที่ นายวีระ ไม่ยอมรับเอกสารตามคำบังคับของศาลปกครอง ที่ เจ้าพนักงาน ป.ป.ช. จากสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นำไปมอบให้ที่บ้านจังหวัดสุพรรณบุรี โดยระบุว่าเกินเวลา 15 วัน ตามที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งคำบังคับต่อ ป.ป.ช.แล้ว พร้อมแจ้งให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ไปรายงานต่อนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้นำเอกสารชุดดังกล่าวนี้ ไปมอบให้ต่อศาลปกครองกลาง ในวันอังคารที่ 4 มิถุนายน 2567 เวลา 09.30 น. ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีหมายเรียกคู่ความ ไปทำการไต่สวนฉุกเฉินเป็นกรณีพิเศษ
ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ได้ให้เจ้าหน้าที่นำเอกสารดังกล่าวไปวางที่ศาลปกครองแล้ว ตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเอกสารมี 2 แบบ คือ แบบที่มีการคาดแถบดำ ที่รายชื่อพยานที่ให้ปากคำ และบางข้อความ กับแบบที่ไม่มีการคาดแถบดำ ที่รายชื่อพยาน และบางข้อความ เพื่อให้ศาลปกครองพิจารณาในวันไต่สวน ว่า จะให้เอกสารแบบใดกับนายวีระ เพื่อเรื่องจะได้จบ
รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีมติให้นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปศาลในวันนั้นเองด้วย
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่าก่อนหน้านี้ นายวีระ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า สิ่งที่ ป.ป.ช. เคยปฏิบัติกับนายวีระ(ผู้ฟ้องคดี) เกี่ยวกับการส่งมอบเอกสารตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีดังกล่าวที่ผ่านมา มีดังนี้
ครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 เมื่อครั้งที่ส่งมอบเอกสารทั้ง 3 รายการบางส่วน แก่นายวีระ เป็นครั้งแรก โดยยืนยันว่าได้มอบเอกสารทั้ง 3 รายการ แก่นายวีระ(ผู้ฟ้องคดี) อย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว
ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เมื่อครั้งที่ส่งมอบเอกสารทั้ง 3 รายการ แก่นายวีระ เป็นครั้งที่ 2 โดยยืนยันว่าได้มอบเอกสารทั้ง 3 รายการ แก่นายวีระ(ผู้ฟ้องคดี) อย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว
ครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ ป.ป.ช. ต้องส่งมอบเอกสารให้แก่นายวีระ อย่างถูกต้องครบถ้วน ตามที่ศาลปกครองได้มีคำบังคับคดี โดยในวันดังกล่าวนี้ ป.ป.ช. ได้ยืนยันว่าได้มอบเอกสารทั้ง 3 รายการให้แก่นายวีระ(ผู้ฟ้องคดี) อย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว
ทั้ง 3 ครั้งดังกล่าว นายวีระ ต้องเดินทางไปรับเอกสารด้วยตนเองที่สำนักงาน ป.ป.ช. และต้องตรวจเอกสารทั้งหมด ก่อนที่นายวีระ(ผู้ฟ้องคดี) และป.ป.ช.(ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง) จะทำการลงนามในเอกสารรับมอบทุกครั้ง แต่ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 นี้ ป.ป.ช. กลับจะมายัดเยียดให้คนอื่นเป็นผู้รับเอกสารทั้ง 3 รายการดังกล่าวแทนนายวีระ สมความคิด ที่สำคัญไม่ต้องมีการทำหนังสือส่งมอบเอกสารทั้ง 3 รายการดังกล่าวด้วย
“ในเมื่อ ป.ป.ช. ได้ยืนยันว่าได้ส่งมอบเอกสารทั้ง 3 รายการ ให้แก่นายวีระ สมความคิด(ผู้ฟ้องคดี) อย่างถูกต้องครบถ้วนแล้วตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 แล้วทำไมในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 คือวันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบเอกสารทั้ง 3 รายการให้อีก ทั้งๆที่มันได้เกินกำหนดเวลาตามที่ศาลปกครองได้มีคำบังคับเอาไว้แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เชื่อได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองได้กระทำความผิดซ้ำๆกันและทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ มันคือใบเสร็จและหลักฐานที่ยืนยันว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองมีเจตนาปกปิดและบังอาจท้าทายกฎหมาย ไม่ยอมปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลมาโดยตลอด และที่สำคัญมันเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว ไม่สามารถที่จะมีอำนาจตามกฎหมายใดมาช่วยให้หลุดพ้นจากความผิดไปได้ จำเป็นต้องได้รับโทษตามกฎหมายแต่เพียงสถานเดียวเท่านั้น” นายวีระกล่าว
ขณะที่ในการเดินทางไปรับมอบเอกสาร ที่สำนักงาน ป.ป.ช.ตามคำพิพากษาศาลปกครอง เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา นายวีระ ระบุว่า เอกสารที่ได้ยังมีการคาดดำ และเชื่อว่ารายการที่ 3 ความเห็นคณะกรรมการป.ป.ช. ได้ทำหมายเหตุไว้ว่ายังได้ไม่ครบ แต่เอกสารรายการที่ 1 ได้เพิ่มมาเกือบ 400 กว่าหน้า ซึ่งครั้งแรกที่ได้มาคือหน้าที่ 26-90 ในวันนี้ก็ยังคงมีการคาดดำเหมือนเดิม ซึ่งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีแดงที่ 224/2566 ไม่ได้บอกให้คาดดำ แต่ป.ป.ช.ไปอ้างว่าทำตามคำบังคับคดี ซึ่งคำบังคับคดียังคงเป็นปัญหาไปขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
นอกจากนี้เอกสารที่เซ็นในวันนี้ ป.ป.ช.ระบุว่าห้ามเผยแพร่เอกสารที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 36 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วย
อ่านประกอบ
- โหมโรง! เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรู บิ๊กป้อม ยัน Blancpain/Limited edition คืนเพื่อนด้วยตัวเอง
- เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรูบิ๊กป้อม (1) ป.ป.ช.ล่าข้อมูล Richard Mille, Patek 4 ปท. 'เหลว'
- เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรูบิ๊กป้อม (2) สรุป 22 เรือน 6 กลุ่ม ป.ป.ช.พบข้อสังเกตอะไรบ้าง?
- เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรูบิ๊กป้อม (3) ว่าด้วยแหวน 10 วง ขาดคำชี้แจง 'มารดา'
- เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรู (4) ชี้พิรุธคำให้การ 'บิ๊กป้อม'? ครอบครอง Rolex เรือนละ 4.6 แสน
- เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรู (5) ข้อสงสัย 'คนร้อนเงิน' ยอมขาย Rolex รุ่น Daytona แค่ 3.5 แสน
- เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรู (6) ข้อสงสัยลูกค้าVIP ซื้อ Patek 2.1 ล.ขอตรวจบัตรเครดิต บิ๊กป้อม ไม่ได้
- เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรู (7) สรุปความเห็นคณะทำงานขอสอบต่อ สวนทาง 'ผู้บริหารฯ' ให้ยุติเรื่อง
- เปิดผลสอบคดีนาฬิกาหรู (8) บิ๊ก ป.ป.ช. ชงยุติเรื่อง โยงเหตุ บ.คอม-ลิงค์ฯ ไม่เคยได้งานกลาโหม
- ให้ศาลรธน.ชี้ขาด! ป.ป.ช.มติ 4:1ส่งเรื่องวินิจฉัยอำนาจศาลปค.สั่งเปิดเอกสารคดีนาฬิกาหรู
- ใช้มติผู้บริหาร 20 เสียงหนุน! เบื้องหลังป.ป.ช.ส่งศาลรธน.ชี้ขาดเปิดเอกสารคดีนาฬิกาบิ๊กป้อม
- 'วัชรพล' แจงเปิดเอกสารคดีนาฬิกาบิ๊กป้อม รอศาลรธน.ชี้ขาด มีคำสั่งอย่างไรปฏิบัติตามนั้น