ที่ประชุม กกร. เรียกร้อง 'ภาครัฐ' ตรึงค่าไฟฟ้างวดใหม่ที่ 3.99 บาท/หน่วย ก่อนตั้ง ‘กรอ.พลังงาน’ รื้อโครงสร้างพลังงานฯ ประเมินจีดีพีปี 67 เสี่ยงเติบโตต่ำ 3%
.......................................
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ในฐานะประธานกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ได้หารือภาพรวมเศรษฐกิจปี 2566 และเห็นว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตน้อยกว่าที่คาดไว้ โดยเติบโตได้เพียง 1.9% และคาดว่าทั้งปี 2566 เศรษฐกิจจะเติบโตได้ 2.5-3% ส่วนปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.8-3.3% ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวยังไม่รวมนโยบายเติมเงิน digital wallet
“เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังมีความเสี่ยงจะโตได้น้อยกว่า 3% โดยสิ่งที่เราต้องเผชิญในปีหน้า นอกจากเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆที่มีความเปราะบาง เช่น หนี้ครัวเรือน ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs รวมถึงผลกระทบต่อการเข้าถึงแหล่งทุนทั้งหลาย และยังมีเรื่องมาตรการการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบของ ธปท. เข้ามาอีก การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และการก้าวสู่ low carbon society เป็นต้น” นายสนั่น ระบุ
นายสนั่น กล่าวว่า สำหรับปัจจัยบวกของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ได้แก่ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะอยู่ที่ 33 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 5 ล้านคน จากปี 2566 ส่วนการส่งออกปี 2567 จะขยายตัว 2-3% จากปี 2566 ที่คาดว่าจะติดลบ 1-2% และหากนโยบายเติมเงิน digital wallet ดำเนินการได้เต็มวงเงิน 5 แสนล้านบาท จะเพิ่มการเติบโตของ GDP ได้อย่างน้อย 1-1.5%
นายสนั่น กล่าวว่า ที่ประชุม กกร. ได้มีข้อเสนอไปถึงรัฐบาลว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยเน้นไปที่การเร่งเจรจา FTA ดึงดูดการลงทุนในยุค Decoupling การดูแลต้นทุนราคาพลังงานควบคู่ไปกับการสร้างเสถียรภาพให้เกิดความสมดุล และการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน รวมถึงดึงดูดแรงงานต่างด้าวที่มีทักษะสูง
นอกจากนี้ ต้องเร่งแก้ปัญหาความเปราะบางในประเทศ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่พบว่าหนี้เสีย (NPL) ในระบบธนาคารพาณิชย์ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 2.68% ณ ไตรมาส1/2566 เป็น 2.79% ในช่วงไตรมาส 3/2566 จากทุก product และสินเชื่อรถยนต์ที่อยู่ใน stage 2 สูงราว 15% ขณะเดียวกัน ต้องแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่เป็นปัญหามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการบังคับใช้กฎหมายโดยภาครัฐ และให้การดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง
“ที่ประชุม กกร. เห็นว่ากลไกถัดไปในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ต้องผลักดันให้ลูกหนี้เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ด้วยการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน” นายสนั่น ระบุ
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกร.มีความเป็นห่วงในเรื่องพลังงาน ซึ่งนอกจากความเสถียรและความมั่นคงด้านพลังงานแล้ว ค่าไฟฟ้าของประเทศไทยต้องแข่งขันได้ ซึ่งจากอัตราไฟฟ้างวดใหม่หรืองวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศ 4.68 บาท/หน่วยนั้น เป็นอัตราที่สูงมาก จึงอยากวิงวอนให้ภาครัฐช่วยพิจารณาทบทวนอัตราค่าไฟฟ้าดังกล่าว
“อยากวิงวอนภาครัฐช่วยพิจารณาหน่อย เราในฐานะ กกร. ไม่อยากวนมาที่ปัญหาเดิมๆ ทุกๆ 4 เดือน เราต้องมานั่งคุยเรื่องเก่าๆ ทั้งๆที่เรามีงานอีกเยอะที่ต้องเดินหน้า ซึ่งสิ่งที่ กกร.เสนอไป ก็อยากให้ภาครัฐรีบตอบสนอง โดยเฉพาะการตั้ง กรอ.พลังงาน เพราะ กรอ.พลังงาน จะเข้าไปแก้ที่ต้นเหตุ เพื่อทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า ท่องเที่ยว หรือภาคค้าปลีก ได้เข้ามาพูดคุยกันเพื่อปรับโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ” นายเกรียงไกร กล่าว
นายเกรียงไกร กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กกร. มีข้อเสนอเรื่องอัตราค่าไฟฟ้าในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 ไปถึงภาครัฐว่า ขอให้ยืนราคาค่าไฟฟ้าเท่าเดิม คือ 3.99 บาท/หน่วย ไปก่อน และในช่วงต้นปี 2567 รีบจัดตั้ง กรอ.พลังงาน และเชื่อว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือนจากนั้นในการหาแนวทางที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ตั้งตัว รับรู้ และช่วยกันแก้ไข เพราะหากสามารถแก้ปัญหานี้ได้ถาวรหรือยั่งยืนในระยะยาวแล้ว ก็จะเป็นจุดแข็งกลับมาให้ประเทศไทยอีกครั้ง
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาหนี้สินนอกระบบ ซึ่งนอกจากการเน้นการบังคับใช้กฎหมายแล้ว ภาครัฐจะต้องมีข้อมูลว่าขนาดของหนี้นอกระบบที่แท้จริงเป็นเท่าไหร่ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีข้อมูลตรงกัน รวมทั้งมีกลไกที่ทำให้หนี้นอกระบบเข้ามาเป็นหนี้ในระบบ นอกจากนี้ จะต้องทำให้การลงทุนที่เข้ามานั้น เชื่อมโยงกลับมาเป็นรายได้และการจ้างงานประชาชนและภาคแรงงาน ซึ่งจะช่วยแก้หนี้นอกระบบและหนี้ครัวเรือนไปพร้อมๆกัน
อ่านประกอบ :
‘พลังงาน’รับลูก‘เศรษฐา’จ่อถก'กกพ.'ลดค่าไฟเหลือ 4.2 บ./หน่วย-ขอ‘งบกลาง’อุ้มกลุ่มเปราะบาง
กกพ.เคาะขึ้น Ft ดันค่าไฟฟ้าเดือน ม.ค.-เม.ย.67 เป็น 4.68 บาท/หน่วย เพิ่มจากงวดก่อน 17%
สภาผู้บริโภคจี้นายกแก้ค่าไฟแพงระยะยาว ปรับต้นทุนก๊าซ-ยกเลิกทำสัญญาโรงไฟฟ้า
ลดอีก! ครม.เคาะค่าไฟ เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย มีผลทันที
ลดลง 25 สต.! กกพ.เคาะค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค.เหลือ 4.45 บาท/หน่วย-ยังค้างหนี้ กฟผ. 1.1 แสนล.
ครม.ไฟเขียวจัดสรรงบกลาง 1.04 หมื่นล.อุ้มค่าไฟฟ้า 4 เดือน-‘บิ๊กตู่’เชื่อ‘กกต.’อนุมัติเร็ว
จ่ายค่าก๊าซเดือนละ 6 หมื่นล.! ‘คลัง’ห่วง‘กฟผ.’มีปัญหา‘สภาพคล่อง’หลังแบกหนี้ Ft ต่อเนื่อง
ครม.เคาะ 1.1 หมื่นล้าน อุ้มค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66 เสนอ'กกต.'ไฟเขียวใช้งบกลางฯ