ครม.เห็นชอบจัดสรรงบกลางฯ 1.04 หมื่นล้าน ให้ ‘ส่วนลด’ ค่าไฟฟ้าผู้ใช้ไฟฟ้าที่อยู่อาศัยนาน 4 เดือน หลังถูก 'กกต.' ตีกลับ ขณะที่ ‘นายกฯ’ เชื่อมาตรการฯมีผลบังคับใช้ทันรอบบิล พ.ค.66
........................................
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 10,464 ล้านบาท สำหรับดำเนินมาตรการในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่
1.มาตรการต่อเนื่องของกระทรวงพลังงาน โดยให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ซึ่งใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันไดเป็นเวลา 4 เดือน สำหรับค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ดังนี้
(1) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ให้ได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) จำนวน 89.80 สตางค์ต่อหน่วย จากอัตราค่า Ft ในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ที่เรียกเก็บในอัตรา 91.19 สตางค์ต่อหน่วย หรือมีส่วนต่าง 1.39 สตางค์ต่อหน่วย
(2) ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน ให้ได้ส่วนลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) จำนวน 64.80 สตางค์ต่อหน่วย จากอัตราค่า Ft รอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ที่เรียกเก็บในอัตรา 91.19 สตางค์ต่อหน่วย หรือมีส่วนต่าง 26.39 สตางค์ต่อหน่วย
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะงบประมาณสนับสนุนทั้งสิ้น 6,954 ล้านบาท หรือ 1,738.5 ล้านบาทต่อเดือน และมีผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับประโยชน์ 18.32 ล้านราย หรือคิดเป็น 78.42 ของบ้านอยู่อาศัยทั้งหมด
2.มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน โดยให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ กฟน. กฟภ. ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ. และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ได้ส่วนลดค่าไฟฟ้าในรอบบิลเดือน พ.ค.2566 จำนวน 150 บาทต่อราย ซึ่งมาตรการนี้จะใช้งบประมาณสนับสนุนไม่เกิน 3,510 ล้านบาท และมีผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับประโยชน์ 23.40 ล้านราย
สำหรับวงเงินสนับสนุนมาตรการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าทั้ง 2 มาตรการ ที่ ครม.มีมติอนุมัติจัดสรรงบกลางฯ ในวงเงิน 10,464 ล้านบาท ในครั้งนี้ ลดลงจากกรอบวงเงินงบประมาณสนับสนุนในครั้งก่อน ซึ่ง ครม.ได้จัดสรรงบกลางฯไว้ที่ 11,112 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้มีมติปรับลดอัตราค่า Ft ในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ลง 7 สตางค์ต่อหน่วย และคาดว่าทั้ง 2 มาตรการ จะสามารถใช้ได้ทันในเดือน พ.ค.2566
นายอนุชา ระบุว่า ครม.จะได้นำเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่เพิ่มสูง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169(3) กำหนดต่อไป
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังประชุม ครม. ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้จัดสรรงบกลาง ช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางเรื่องค่าไฟฟ้า จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาทแล้ว และจะส่งให้ กกต. ดำเนินการพิจารณาต่อไป ส่วน กกต.จะส่งกลับมาทันหรือไม่นั้น เชื่อว่าจะเร็ว เพราะเบื้องต้นก็ขอให้ทำถูกต้องตามขั้นตอน ให้ตรงกับมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญ และไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชน
“คงต้องรอหน่อย แต่เชื่อว่าจะเร็วที่สุด ถ้าเร็วก็คงทัน และคาดการณ์ว่าในเดือนหน้าสถานการณ์คงดีขึ้น การใช้ไฟคงลดลง ราคาค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน คงจะลดลงบ้าง ซึ่งจะมีผลในช่วงต่อไป ถือเป็นการชดเชยกันไปมา” พล.อ.ประยุทธ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า การให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าที่ ครม.อนุมัติ และส่งให้ กกต.เห็นชอบการใช้งบกลางฯนั้น จะทันในรอบบิลเดือน พ.ค.2566 หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. รับทราบรายงานสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัยในช่วงฤดูร้อนปี 2566 โดยรายงานดังกล่าว ได้กำหนดแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกสูงขึ้น โดยมีมาตรการให้ส่วนลดค่า Ft แบบขั้นบันได สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน และการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 150 บาทต่อรายในรอบบิล พ.ค.2566
อย่างไรก็ตาม เมื่อ ครม.ส่งเรื่องไปให้ กกต.พิจารณาให้ความเห็นชอบจัดสรรงบกลางฯ 11,112 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามมาตรดังกล่าว ปรากฏว่า กกต. ได้ส่งเรื่องกลับมายัง ครม. โดยให้เหตุผลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่ได้แจ้ง มติ ครม. ที่เห็นชอบในหลักการจะใช้งบกลาง 11,112 ล้านบาท ในการจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาค่าไฟฟ้าแพง มาให้ กกต.ความเห็นชอบตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 ทำให้ ครม.จึงได้มีมติในเรื่องนี้อีกครั้ง
อ่านประกอบ :
จ่ายค่าก๊าซเดือนละ 6 หมื่นล.! ‘คลัง’ห่วง‘กฟผ.’มีปัญหา‘สภาพคล่อง’หลังแบกหนี้ Ft ต่อเนื่อง
ครม.เคาะ 1.1 หมื่นล้าน อุ้มค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.66 เสนอ'กกต.'ไฟเขียวใช้งบกลางฯ