‘ศาลปกครองสูงสุด’ พิพากษายืน เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการอุทธรณ์ฯ ‘กรมบัญชีกลาง’ ที่วินิจฉัยให้ ‘บีพีเอ็นพี’ มีคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลรถไฟความเร็วสูง ‘กรุงเทพ-นครราชสีมา’ สัญญา 3-1 ระบุเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ชอบ
........................................
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดคดีหมายเลขดำที่ อ.770/2564 หมายเลขแดงที่ อ.1220/2565 ที่ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด ฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับพวก ขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์คุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า ตามประกาศการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงวันที่ 28 มี.ค.2562
โดยศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค.2563 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ของบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่มีคำสั่งดังกล่าว
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องสอด (บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด) ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2562 ในนามบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด โดยไม่มีคำว่ากิจการร่วมค้า และวัตถุประสงค์ของบริษัทไม่ระบุว่า บริษัทเป็นกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียน เป็นนิติบุคคลมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างงานโยธาทุกประการ เพื่อประกวดราคานานาชาติและประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์กับรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการ โดยมีผู้ถือหุ้น 3 ราย
เมื่อนายชาตรี เขมาวชิรา ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของผู้ร้องสอดมีสถานะเป็นบุคคลธรรมดา และไม่ได้มีอาชีพรับจ้างตามที่ประกวดราคาจ้าง ผู้ร้องสอดจึงไม่มีคุณสมบัติในการยื่นข้อเสนอราคาในนามกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ ตามข้อ 14 (2) ข) วรรคหนึ่งและวรรคสาม ของประกาศประกวดราคาพิพาท และข้อ 2.14 (2) ข) วรรคหนึ่ง และวรรคสามของเอกสารประกวดราคาพิพาท และไม่อาจใช้ผลงานก่อสร้างของบริษัท บิน่า พูรี่ เอสดิเอ็น บีเอชดี จำกัด ได้
หากผู้ร้องสอดเห็นว่าการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ในรูปนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2562 ไม่สอดคล้องกับประกาศประกวดราคาพิพาทและเอกสารประกวดราคาพิพาท ผู้ร้องสอดยังมีเวลาพอที่จะสอบถามกรณีดังกล่าว ต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ก่อนยื่นข้อเสนอราคาในวันที่ 14 พ.ค.2562 จากการยื่นข้อเสนอราคาในนาม “บริษัท” เพื่อเปลี่ยนเป็นยื่นข้อเสนอราคาในนาม “กิจการร่วมค้า” ประเภทกิจการร่วมค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ โดยใช้ข้อตกลงกิจการร่วมค้า ลงวันที่ 9 พ.ค.2562 ระหว่าง BINA PURI SDN BHD และบริษัท นภาก่อสร้าง จำกัด และใช้ผลงานของ BINA PURI SDN BHD ในการยื่นข้อเสนอราคาตามประกาศประกวดราคาพิพาทและเอกสารประกวดราคาพิพาทในนามของทั้งสองบริษัทได้
ผู้ร้องสอดจึงไม่มีคุณสมบัติในการยื่นข้อเสนอตามประกาศ และเอกสารประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธาสำหรับช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e–bidding) ลงวันที่ 28 มี.ค.2562
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) วินิจฉัยอุทธรณ์โดยพิจารณาคุณสมบัติของผู้ร้องสอด ตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/037996 ลงวันที่ 29 ส.ค.2562 ซึ่งอนุมัติยกเว้นให้ผู้ร้องสอดเป็นกิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่
และพิจารณาต่อไปว่า ผู้ร้องสอดสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้เป็นผลงานในการยื่นประกวดราคา จึงให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค.2563 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องสอด
คำวินิจฉัยของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ดังกล่าว จึงไม่ชอบ ตามหนังสือของคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ด่วนที่สุด ที่ กค (กนบ) 0405.2/ว 410 ลงวันที่ 24 ต.ค.2560 เรื่อง กำหนดแบบประกาศและเอกสารเชิญชวนในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Market : e-market) และด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Bidding : e-bidding) และวิธีสอบราคา หนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2561 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า ประกาศการรถไฟแห่งประเทศไทย เรื่อง ประกวดราคาจ้างพิพาท และเอกสารประกวดราคาจ้างพิพาท
การที่ศาลปกครองกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค.2563 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องสอด ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย และมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับคดีนี้ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เทน เอนจิเนียริ่ง กรุ๊ป จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) ฟ้องว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับพวกรวม 3 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) กระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน กรมบัญชีกลาง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ในประเด็นเกี่ยวกับคุณสมบัติและหนังสือรับรองผลงานของบริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (ผู้ร้องสอด) ตามหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค.2563 ว่า
คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) เคยมีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.4/037996 ลงวันที่ 29 ส.ค.2562 อนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามหนังสือของคณะกรรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ด่วนที่สุด ที่ กค (กนบ) 0405.2/ว 410 ลงวันที่ 24 ต.ค.2560 เรื่อง กำหนดแบบประกาศและเอกสารเชิญชวนในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุฯ
และหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 289 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2561 เรื่อง ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่เป็นกิจการร่วมค้า ให้แก่บริษัท บีพีเอ็นพี จำกัด (ผู้ร้องสอด) เป็นการเฉพาะราย ผู้ร้องสอดจึงถือเป็นกิจการร่วมค้าที่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ และสามารถนำผลงานของผู้ร่วมค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมาใช้เป็นผลงานในการยื่นประกวดราคาได้ จึงให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กลับไปดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาผลการเสนอราคาของผู้ยื่นข้อเสนอให้ถูกต้องต่อไป
ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล
ต่อมาศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาพิพากษาเพิกถอนคำสั่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค.2563 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องสอด โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มีคำสั่งดังกล่าว คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ทั้งนี้ ให้คำสั่งศาลที่มีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ตามหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค (กอร) 0405.5/52945 ลงวันที่ 21 ต.ค.2563 มีผลใช้บังคับต่อไป จนกว่าจะพ้นระยะเวลาการอุทธรณ์ในกรณีที่ไม่มีการอุทธรณ์ หรือจนกว่าศาลมีคำสั่งถึงที่สุดไม่รับอุทธรณ์ในกรณีที่มีการอุทธรณ์ หากศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ ให้คำสั่งดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 พิจารณาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างผู้ชนะการเสนอราคา ตามประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ประกวดราคาจ้างก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) งานสัญญาที่ 3-1 งานโยธาสำหรับช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ฉบับลงวันที่ 15 ก.ย.2563 ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560
อ่านประกอบ :
ศาลปค.สูงสุด'นัดชี้ขาด คดีฟ้อง'รฟท.'ออกคำสั่งกรณีประมูลไฮสปีด'ไทย-จีน'สัญญา 3-1 ไม่ชอบ
‘ศาลปค.สูงสุด’ สั่งชะลอประมูล ‘สัญญา 3-1’ รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช
ศาล ปค.เบรกสร้าง‘ไฮสปีดเทรน’ไทย-จีน สัญญา 3-1 เหตุคำสั่ง กก.อุทธรณ์ฯอาจมิชอบ
ลุ้น 'ศาลปค.สูงสุด' ชี้ขาดเดินหน้าสัญญา 3-1 รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช 31 พ.ค.นี้