นอกจากไก่เบตง ผักน้ำ หอนาฬิกา และตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ทำให้ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นที่รู้จักของคนไทยทั่วประเทศแล้ว
"ความยากจน" คือภาพชีวิตของผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ติดตรึงยาวนานยิ่งกว่าสถานการณ์ความไม่สงบเสียอีก
ในขณะที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรอบที่ 3 เกี่ยวกับโครงการเมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ จ.สงขลา "เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต" ในท่วงทำนองของการผลักดันให้เร่งเดินหน้า โดยอ้างอิงจากผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
"เขาร่วมขบวนการจริง เขาหนีออกจากบ้านตั้งแต่ปี 48 สมัยมีเหตุการณ์ใหม่ๆ จากนั้นแม่เขาก็เครียดมากจนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า"
ผู้คนจากทั่วสารทิศร่วมบริจาคช่วยเหลือ "คุณยายแมะเอียด" วัย 63 ปีจาก อ.โคกโพธิ์ ปัตตานี หลังสื่อหลายแขนงตีแผ่ชีวิตสุดรันทด ต้องแบกรับภาระเลี้ยงลูกที่ป่วยเป็นโรคแขนขาอ่อนแรง และหลานชายวัยกำลังเรียน ทั้งๆ ที่ครอบครัวมีฐานะยากจน กระท่อมที่อยู่ก็ผุพัง ทั้งบ้านมีเงินแค่ 3 บาท หลานไปโรงเรียนก็ไม่มีเงินให้ไป
กระท่อมหลังเล็กและผุพังใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ของยายแมะเอียด สะนิ วัย 63 ปี แทบไม่มีสภาพของการเป็นที่อยู่อาศัยหลงเหลืออยู่เลย...
"ฉันตั้งชื่อลูกไว้แล้วว่า ด.ช.อิรฟาน ทิพยอและ ขอขอบคุณทุกคน ขอบคุณคนไทยที่ไม่ทิ้งกัน"
ภาพเด็กๆ และวัยรุ่นมุสลิมที่ชายแดนใต้พร้อมใจกัน "ชูสามนิ้ว" ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ไม่ใช่สัญลักษณ์ของการขับไล่เผด็จการ หรือปกป้องสถาบันหลักของชาติ เหมือนที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก และอาชีวะช่วยชาติ ใช้เป็นสัญลักษณ์ระดมมวลชนของกลุ่มพวกตน
วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา หรือ "วันรายอฮัจยี" ของพี่น้องมุสลิมในปีนี้ หรือปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 ตรงกับวันศุกร์ที่ 31 ก.ค.2563
"ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่คิดว่าเราเป็นคนวางระเบิดหรือเปล่า ถึงไม่มีใครมาเยี่ยมเรา ไม่มาถามเหตุการณ์อะไรเลย เราอยากได้กำลังใจ พ่อแม่เราก็ตายแล้ว เราไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ไม่รู้จะคุยกับใครนอกจากคนในบ้านซึ่งเป็นเด็กๆ ทั้งหมด ผู้นำในพื้นที่ก็ไม่มีใครมาสักคน"