เผยคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและและประพฤติมิชอบ ภาค 4 ยกฟ้อง ปลัดสธ.-พวกรวม 7 ราย เข้าข่ายผิด 'ม.157' ปมสั่งย้าย หมอชาญชัย จันทร์วรชัยกุล พ้นรพ.ขอนแก่น ชี้เป็นไปโดยสุจริต-เที่ยงธรรม
......................................
สืบเนื่องจากในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ได้ยื่นฟ้อง นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมพวก 6 ราย ประกอบไปด้วย นายยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอภิชาติ รอดสม นายเสมอ กาฬภักดี นายสุจินต์ สิริอภัย นางสาวสุชาฎา วรินทร์เวช และนายวินัย คณาศรี ฐานกระทำผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่นายแพทย์ชาญชัย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและและประพฤติมิชอบ ภาค 4 จากกรณีที่ นพ.ชาญชัย ถูกร้องเรียนโดยมีบัตรสนเท่ห์กล่าวหาว่า เรียกรับเงินจากบริษัทยาและร้านค้า ทั้งที่ สำนักงาน ป.ป.ช และกระทรวงสาธารณสุขสั่งให้ยกเลิกการรับเงินไปแล้ว ต่อมา นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 1161/2562 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2562 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยผลการสอบเบื้องต้นอ้างว่ามีมูลที่ควรกล่าวหา นพ.ชาญชัย เรียกรับเงินจากบริษัทยาและร้านค้า ต่อมา นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงขึ้นเมื่อ วันที่ 7 พฤษภาคม 2563 ตามที่มีการร้องเรียน นั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและและประพฤติมิชอบ ภาค 4 ได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีนี้
โดยศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า หลังจาก นายยงยศ ธรรมวุฒิ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่โจทก์แล้ว เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2563 นายยงยศ ธรรมวุฒิ ได้มีหนังสือถึงนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่าเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่นมีการชุมนุมเพื่อคัดค้านหรือแสดงออกไม่เห็นด้วยที่ปลัดกระทรวง สาธารณสุขแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่โจทก์
โจทก์ในฐานะผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่ระงับยับยั้งมิให้มีการกระทําดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ดําเนินการห้ามปรามหรือ ป้องกันเหตุดังกล่าวมิให้เกิดขึ้น การชุมนุมของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่นมีข้อความบางตอน ที่ปรากฏในสื่อมวลชนเป็นการกล่าวร้ายและใส่ความผู้บังคับบัญชา เป็นพฤติกรรมหมิ่นเหม่ต่อการกระทําผิดกฎหมาย
พฤติกรรมของโจทก์จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และละเลยในการห้ามปรามมิให้เจ้าหน้าที่กล่าวร้าย และใส่ความผู้บังคับบัญชา หากให้โจทก์อยู่ปฏิบัติราชการในฐานะผู้อํานวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ยิ่งเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ข้าราชการและความเข้าใจผิดของประชาชนมากขึ้น
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงกรณีร้องเรียนกล่าวหาโจทก์ เห็นควรย้ายโจทก์ไปปฏิบัติราชการที่อื่นก่อน โดยมีข้อความถอดเทปและภาพถ่ายแนบท้ายบันทึกข้อความ ที่นายยงยศ ธรรมวุฒิ จําเสนอ ซึ่งส่วนหนึ่งแสดงว่าโจทก์กล่าวปราศรัยต่อผู้ชุมนุมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบด้วย กับข้อเสนอดังกล่าว
ในวันเดียวกัน นายยงยศ ธรรมวุฒิ มีหนังสือถึงผู้อํานวยการกองบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อมอบหมายให้ดําเนินการตามหน้าที่และอํานาจตามสําเนาบันทึกข้อความและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ผู้อํานวยการกองบริหารทรัพยากรบุคคล ได้มีหนังสือถึง นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เสนอคําสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการ ที่กองบริหารการสาธารณสุข สํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนกล่าวหา ว่ามีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวง ทั้งมีพฤติกรรมข่มขู่ จูงใจให้เกิดพยานหลักฐานที่เป็นเท็จ จึงเห็นควรให้ย้ายออกจากโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อให้การดําเนินการสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เป็นอุปสรรคและเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายตามกระบวนการทางกฎหมาย และเสนอให้ นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อํานวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า สํานักงานสาธารณสุข จังหวัดจันทบุรี รักษาการในตําแหน่งผู้อํานวยการโรงพยาบาลขอนแก่น สํานักงานสาธารณสุข จังหวัดขอนแก่น นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้อนุมัติและลงนามในคําสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 624/2563 ลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่กองบริหารการสาธารณสุข สํานักงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคําสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 625/2563 ลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ให้นายเกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ รักษาการในตําแหน่งผู้อํานวยการโรงพยาบาลขอนแก่น
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้บังคับบัญชา ข้าราชการในสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสํานักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุขตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) (3) ซึ่งบัญญัติว่าปลัดกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการ ในกระทรวงรองจากรัฐมนตรี เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสํานักงานปลัดกระทรวง และรับผิดชอบ ในการปฏิบัติราชการของสํานักงานปลัดกระทรวง จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์
เมื่อโรงพยาบาลขอนแก่น สังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขอันอยู่ในความรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังมีการรับเงินบริจาคจากบริษัทหรือห้างร้านที่ขายยาหรือ เวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาอยู่อีกในเดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคม 2561 ในขณะที่โจทก์ดํารงตําแหน่ง ผู้อํานวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารสูงสุด ของหน่วยงาน นายยงยศ ธรรมวุฒิ จึงมีคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่โจทก์ หากโจทก์ยังคงปฏิบัติราชการในตําแหน่งผู้อํานวยการโรงพยาบาลขอนแก่นในระหว่างถูกสอบสวน ทางวินัยย่อมไม่เหมาะสม เนื่องจากพยานหลักฐานต่าง ๆ อยู่ในโรงพยาบาลขอนแก่นที่โจทก์ เป็นผู้บริหารสูงสุด
หลังจากนายยงยศ ธรรมวุฒิ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง โจทก์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่นได้ชุมนุมคัดค้านการออกคําสั่งดังกล่าวอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ซึ่งอาจส่งผลเป็นการจูงใจ หรือข่มขู่ต่อบุคคลที่จะเป็นพยานในการสอบสวนทางวินัย ถือว่ามีเหตุอันสมควรที่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะมีคําสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่อื่นในระหว่างสอบสวนทางวินัยเพื่อให้การสอบสวนเป็นไป โดยสุจริตและเที่ยงธรรม
ส่วนการที่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีคําสั่งให้นายเกรียงศักดิ์รักษาการในตําแหน่ง ผู้อํานวยการโรงพยาบาลขอนแก่นนั้น เนื่องจากโจทก์ได้รับคําสั่งจากนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ไปปฏิบัติราชการ กองบริหารการสาธารณสุข ทําให้ไม่สามารถปฏิบัติราชการในตําแหน่งผู้อํานวยการโรงพยาบาลขอนแก่นได้ และเป็นกรณีที่มิได้บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีอํานาจแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีอํานาจสั่งให้ข้าราชการ พลเรือนที่เห็นสมควรรักษาการในตําแหน่งผู้อํานวยการโรงพยาบาลขอนแก่นได้ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 68 วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติว่า “ในกรณีที่ตําแหน่ง ข้าราชการพลเรือนสามัญว่างลง หรือผู้ดํารงตําแหน่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ และเป็นกรณีที่มิได้บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจสั่งบรรจุ ตามมาตรา 57 มีอํานาจสั่งให้ข้าราชการพลเรือนที่เห็นสมควรรักษาการในตําแหน่งนั้นได้”
เมื่อนายเกรียงศักดิ์เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทอํานวยการ ระดับสูง เช่นเดียวกับโจทก์ การที่ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ออกคําสั่งให้นายเกรียงศักดิ์รักษาการในตําแหน่งของโจทก์ตามที่เห็นสมควรถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบ
การกระทําของนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง กรณีนี้ ไม่มีมูลทางอาญาแต่อย่างใด
พิพากษายกฟ้อง
อ่านประกอบ :
ก่อนขอนแก่น! ยังไม่มีคำตอบ ปม รพ.ระยองรับเงิน บ.ยาปริศนา 24 ล้าน
รับเงิน บ.ยา 5% ลาม รพ.ทหาร! ปลัด สธ.ยันสอบ ผอ.ขอนแก่น ทำตามมติ ครม.ป้องกันทุจริต
พลิกหนังสือ ป.ป.ช. กรณี รพ.รับเงิน บ.ยา ก่อนปัญหาย้าย ผอ.ขอนแก่น
ห้ามรับ‘ค่าคอมมิชชัน’ บ.ยา ! มาตรการป้องทุจริต ป.ป.ช.เทียบกรณี รพ.ระยอง
'อนุทิน'ตั้ง กก.สอบ 186 รพ.เรียกรับเงินบริษัทยา 'มล.สมชาย'ปธ.-รองปลัด สธ.มาด้วย
เปิดตำนานเงินสวัสดิการโรงพยาบาล ที่มาส่วนลดยา 5% กับ เหตุลอบยิง ผอ.รพ.อีสาน
ไร้สาระมากกล่าวหาภรรยาสั่งการ รพ.แทน! หมอชาญชัย ยันผลสอบ 7 ปมรับเงิน บ.ยา ถูกตีตกหมด
เอ็กซ์คลูซีฟ: 7 ข้อกล่าวหา-ผลสอบ-คำโต้แย้ง 'ผอ.รพ.ขอนแก่น' กรณีรับเงินบ.ยา 5%
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/