ไส้ในบิ๊กลอตโคราช! ป.ป.ช.ชี้มูล 'กองสิน จิตเจริญทิพย์' อดีตนายก อบต.บ้านแปรง อ.ด่านขุนทด -พวก อนุมัติจัดซื้อที่ดินก่อสร้างอาคารที่ทำการแห่งใหม่มิชอบแพงเกินจริง แสวงหาประโยชน์ - ส่งสำนวน อสส. ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว - ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
จากกรณีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดนครราชสีมา แถลงผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยเผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริตของอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อดีตนายกเทศมนตรีตำบล ข้าราชการ ในจังหวัดนครราชสีมา จำนวนหลายคดี

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบยืนยันข้อมูลพบว่า มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริตของอดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อดีตนายกเทศมนตรีตำบล ข้าราชการ ในจังหวัดนครราชสีมา ดังกล่าว
มีกรณีกล่าวหา นางกองสิน จิตเจริญทิพย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านแปรง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา กับพวก อนุมัติจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรง แห่งใหม่ โดยวิธีพิเศษ โดยมิชอบ และให้เงินแก่สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรง เพื่อให้เห็นชอบจ่ายขาดเงินสะสมเพื่อสมทบโครงการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรง รวมอยู่ด้วย
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาสำนวนไต่สวนคดีแล้ว เห็นว่าการกระทำของ นางกองสิน จิตเจริญทิพย์ และพวก มีมูลความผิดทางอาญาและวินย ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีต่อไป
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ก่อนการเริ่มดำเนินโครงการจัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรงแห่งใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2556 นางกองสิน จิตเจริญทิพย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้ร่วมกับนายสนิท ไขขุนทด กำนันตำบลบ้านแปรงและมีอาชีพซื้อขายที่ดิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 จัดหาที่ดินและต่อรองราคาที่ดินกับ นายสุนันท์ สนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 8756 จำนวน 31 ไร่ 58 ตารางวา กรรมสิทธิ์ของนายทนง สนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 (น้องชายผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 มีสติปัญญาไม่สมประกอบ จนปัจจุบันยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียได้ร้องขอต่อศาลสั่งให้นายทนง สนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 เป็นคนไร้ความสามารถตามกฎหมาย แต่อย่างใด) ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 เคยติดต่อขอซื้อที่ดินกับ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ก่อนหน้านี้แล้ว และผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ต้องการขายที่ดินยกทั้งแปลงเท่านั้น
จากนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้สั่งการให้นายวิเชียร คำจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 จัดทำบันทึกขออนุมัติดำเนินโครงการจัดซื้อที่ดิน ตามข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 ตั้งจ่ายจากเงินอุดหนุนทั่วไปปรากฏในแผนงานเคหะชุมชน (หน้า 49) รายจ่ายเพื่อการลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง ข้อ 1 (1) ค่าจัดซื้อที่ดิน ตั้งไว้ 4,500,000 บาท ซึ่งว่าที่ร้อยตรี วีระพันธุ์ วงศ์อิน ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ให้ความเห็นชอบ และนางกองสิน จิตเจริญทิพย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ลงนามอนุมัติ
หลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้อนุมัติให้ดำเนินโครงการจัดซื้อที่ดินแล้ว ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ เพื่อดำเนินโครงการ (โดยไม่มีการแจ้งเวียนคำสั่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ) ซึ่งนางกองสิน จิตเจริญทิพย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้สั่งการให้นางศิริวรรณ ด้วงคำจันทร์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน ปฏิบัติราชการเจ้าหน้าที่พัสดุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อที่ดิน และผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้เข้ายุ่งเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกสอบถามราคาที่ดินในท้องตลาดเป็นเท็จ
ปรากฏข้อมูลการเสนอราคาที่ดิน ไร่ละ 4 - 5 แสนบาทและนำข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าว ไปใช้อ้างอิงเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาราคาที่ดิน ทำให้ราคาที่ดินในท้องตลาดนั้นสูงกว่าราคาประเมินของสำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาด่านขุนทด ซึ่งมีราคาประเมิน ตารางวาละ 350 บาท หรือไร่ละ 140,000 บาท และจัดทำใบเสนอราคาที่ดินตามประกาศจัดซื้อเป็นเท็จ ปรากฏข้อมูลการเสนอราคาของ นางสาวหลอด นางอำนวย ว่าเสนอราคาที่ดินไร่ละ 5 แสนบาท และนายทะนง สนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 เสนอราคาไร่ละ 320,000 บาท 22 ไร่ ราคา 7,040,000 บาท ทั้งที่บุคคลดังกล่าวไม่ทราบประกาศจัดซื้อที่ดิน ไม่ได้จัดทำใบเสนอราคาด้วยตนเอง ซึ่งให้ดูเสมือนว่ามีการเสนอราคาแข่งขันกัน และทำให้ราคาที่ดินของผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 มีราคาต่ำสุด
โดยการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ (ซึ่งมีหน้าที่ต่อรองราคากับเจ้าของที่ดินโดยตรง แต่มีการจัดทำรายงานผลการพิจารณาว่า คณะกรรมการฯ ไม่มีผู้ใดคัดค้านและพิจารณาเลือกที่ดินของนายทะนงฯ
จากการไต่สวนพบว่า ว่าที่ ร.ต. วีระพันธุ์ วงศ์อิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ให้การรับว่าทราบเรื่องการจัดซื้อที่ดิน อีกทั้ง ยังได้เสนอความเห็นว่า งบประมาณไม่เพียงพอ เห็นควรนำเข้าที่ประชุมสภาฯ เพื่อจ่ายขาดเงินสะสม) แต่เนื่องจากงบประมาณตามข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 มีไม่เพียงพอ (มีเงิน 4.5 ลบ.) นางกองสิน จิตเจริญทิพย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงอาศัยโอกาสในการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เสนอเรื่องดังกล่าวให้สภาฯ พิจารณาอนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมเพื่อสมทบโครงการจัดซื้อที่ดิน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ ข้อ 89
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภาฯ มิได้ทราบถึงการจัดทำเอกสารการจัดซื้อที่ดินอันเป็นเท็จดังกล่าวและการดำเนินการจัดซื้อที่ดินโดยมิได้ปฏิบัติตามระเบียบพัสดุต่าง ๆ จนทำให้ที่ประชุมสภาฯ ได้อนุมัติให้จ่ายขาดเงินสะสมเพื่อสมบทค่าจัดซื้อที่ดิน จำนวน 2,540,000 บาท
ต่อมา นางกองสิน จิตเจริญทิพย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้อนุมัติให้จัดซื้อที่ดินของนายทนง สนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 จำนวน 22 ไร่ ไร่ละ 320,000 บาท เป็นจำนวน 7,040,000 บาท และเอื้อประโยชน์ให้แก่นายสนิท ไขขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ได้ตกลงซื้อที่ดินในส่วนที่เหลือจำนวน 9 ไร่ 58 ตารางวา ไปในคราวเดียวกันกับที่องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรงได้อนุมัติจัดซื้อที่ดิน (วันที่ 17 ธันวาคม 2555 วันโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ให้แก่ผู้รับโอนคือ อบต.บ้านแปรง กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ถือกรรมสิทธิ์รวมกันก่อนและจะไปแบ่งแยกที่ดิน
ในภายหลัง ต่อมาวันที่ 24 มกราคม 2556 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 ได้แบ่งกรรมสิทธิ์รวม ดังนี้ อบต.บ้านแปรง ถือกรรมสิทธิ์โฉนดที่ดินเลขที่ 86623 จำนวน 22 ไร่ แยกออกจากโฉนดที่ดินเดิมเป็นชื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 จำนวน 9 ไร่ 58 ตร.ว.) และผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ได้สั่งจ่ายเช็คชำระค่าซื้อที่ดินให้แก่นายสุนันท์ สนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 เข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาด่านขุนทด เป็นเช็คจำนวน 2 ฉบับ ซึ่งในเช็คฉบับแรกผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้ลงชื่อฝากเช็คเข้าบัญชีผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 ด้วยตนเองอีกด้วย
พฤติการณ์ดังกล่าวของนางกองสิน จิตเจริญทิพย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวก เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบของทางราชการ และอนุมัติให้จัดซื้อที่ดินแพงเกินจริง เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1.การกระทำของนางกองสิน จิตเจริญทิพย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิด ฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
2.การกระทำของ ว่าที่ร้อยตรี วีระพันธุ์ วงศ์อิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางศิริวรรณ ด้วงคำจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนางสาวเตือนใจ จริยรุ่งโรจน์ฤดี หรือกัญญาภัค เดชบวรปัญญา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดบทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ขอรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล จังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 15 มกราคม 2545 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
3. การกระทำของนายสุนันท์ สนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นายทนง สนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 และนายสนิท ไขขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86
สำหรับกรณีนายวิเชียร คำจันทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
เบื้องต้น ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นางกองสิน จิตเจริญทิพย์ ว่าที่ร้อยตรี วีระพันธุ์ วงศ์อิน นางศิริวรรณ ด้วงคำจันทร์ นางสาวเตือนใจ จริยรุ่งโรจน์ฤดี หรือกัญญาภัค เดชบวรปัญญา นายสุนันท์ สนขุนทด นายทะนง สนขุนทด และนายสนิท ไขขุนทด และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนางกองสิน จิตเจริญทิพย์ ว่าที่ร้อยตรี วีระพันธุ์ วงศ์อิน นางศิริวรรณ ด้วงคำจันทร์ และนางสาวเตือนใจ จริยรุ่งโรจน์ฤดี หรือกัญญาภัค เดชบวรปัญญาตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป
ให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย
ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแปรง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
อ่านประกอบ :
- ป.ป.ช.ชี้มูล อดีตนายก อบต.ตะขบ-พวก เชิดคนใกล้ชิดคู่สัญญาจัดแข่งโมโตครอส
- คดีที่ 2! ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริตคืนเงินเบี้ยยังชีพ อบต.ตะขบ อดีตนายกฯ โดนวินัย-'พวก' อาญา
- พฤติการณ์อดีตนายกเทศฯ โคกสูง! ป.ป.ช.ชี้มูลไม่จัดการผู้รับเหมาส่อทิ้งงาน-แถมจ้างต่อ
- ไส้ในบิ๊กลอตโคราช! ป.ป.ช.ชี้มูลอดีตนายก อบต.โตนด อำพราง หจก. รับงานรัฐ 13 โครงการ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา