
ป.ป.ช.โคราช แถลงมติชี้มูลความผิด 'สุรชาติ ปักสำโรง' อดีตนายก อบต.ตะขบ อำเภอปักธงชัย -พวก กรณีกล่าวหาเข้าไปมีส่วนได้เสียในโครงการกีฬาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวประจำปีงบประมาณ 2558 แข่งขันตะขบซุปเปอร์ครอส เชิดคนใกล้ชิดเข้าเป็นคู่สัญญา ส่งสำนวนอสส.ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว - ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายสุรชาติ ปักสำโรง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา กับพวก กรณีกล่าวหา เข้าไปมีส่วนได้เสียในโครงการกีฬาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวประจำปีงบประมาณ 2558 กิจกรรมการแข่งขันจักรยานยนต์โมโตครอส “ตะขบซุปเปอร์ครอส”
โดย นางสาวสุรีรัตน์ นวลฉิมพลี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสุรชาติ ปักสำโรง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้สั่งการและอนุมัติให้จัดจ้างนายเดชา ตริตรอง เข้ามาเป็นผู้รับจ้าง เพื่อรับจ้างงานจ้างเหมาถมดินทำสนามแข่งขันรถจักรยานยนต์โมโตครอสตามโครงการดังกล่าว ซึ่งนายเดชาฯ มีความสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนางนิภา ปักสำโรงหรือประยูรหงส์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1
จากนั้น ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้จัดหาเครื่องมือเครื่องจักรและวัสดุก่อสร้าง รวมถึงคนงานก่อสร้าง เข้าไปดำเนินการถมดินทำสนามตามโครงการดังกล่าวด้วยตนเอง เนื่องจากนายเดชาฯ ไม่มีเครื่องมือเครื่องจักร และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการถมดิน ปรับแต่งเนินดินทำสนามแข่งขันโครงการดังกล่าว
โดยที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้เชิดนายเดชาฯ ขึ้นมาเป็นตัวแทนในการเข้าเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลตะขบแทนตน จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ในกิจการขององค์การบริหารส่วนตำบลตะขบ ทำให้ราชการและองค์การบริหารส่วนตำบลตะขบได้รับความเสียหาย และการที่คณะกรรมการตรวจรับงานจ้าง ในการจ้างเหมางานถมดิน พร้อมปรับแต่งเนินดินสนามแข่งขัน ตามโครงการดังกล่าว มีหน้าที่ตรวจสอบงานจ้างว่าผู้รับจ้างดำเนินการถูกต้องครบถ้วนเป็นไปตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญาหรือข้อตกลงหรือไม่ ตามที่ระเบียบและกฎหมายกำหนด แต่คณะกรรมการตรวจรับงานจ้างกลับลงนามในเอกสารใบตรวจรับงานจ้าง ฉบับลงวันที่ 11 เมษายน 2558 ว่า ผู้รับจ้างได้ทำงานจ้างถูกต้องครบถ้วนตามแบบและรายละเอียดทุกประการ ทั้งที่คณะกรรมการตรวจรับงานจ้างไม่ได้ไปทำการตรวจรับงานจ้าง ณ สถานที่ก่อสร้าง ตามวันที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าว
แต่นางสาวนาฏสุดา กาวินตะคุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เจ้าหน้าที่พัสดุ เป็นผู้จัดทำใบตรวจรับงานจ้าง แล้วนำไปให้คณะกรรมการตรวจรับงานจ้างลงนามตรวจรับงานจ้างภายหลังจากการจัดทำกิจกรรมการแข่งขันจักรยานยนต์โมโตครอส ตะขบซุปเปอร์ครอส แล้วเสร็จ เพื่อนำใบตรวจรับงานจ้างดังกล่าวไปใช้เป็นเอกสารประกอบการจัดทำฎีกาเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้รับจ้าง ซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จ เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนตำบลตะขบ มีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้างไป ซึ่งการกระทำของดังกล่าว เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายกับราชการและองค์การบริหารส่วนตำบลตะขบ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้
1. การกระทำของนายสุรชาติ ปักสำโรง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้นฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้นและฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการ เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 100(1) ประกอบมาตรา 122 และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 126 (1) ประกอบมาตรา 168 และมาตรา 172) และมีความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 92
2. การกระทำของนางนิภา ปักสำโรง หรือนางนิภา ประยูรหงษ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการ เป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 100 (1) ประกอบมาตรา 122 และมาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 126 (1) ประกอบมาตรา 168 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
3. การกระทำของนางสาวนาฏสุดา กาวินตะคุ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการมติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 15 มกราคม 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 3 และข้อ 6 วรรคสอง
4. การกระทำของนางกานดา เที่ยงอินทร์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ และฐานปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 มาตรา 162 (4) ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 265ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาลอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 15 มกราคม 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 3 และข้อ 6 วรรคสอง
5. กระทำของนายขวัญชัย เสริฐสูงเนิน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 นางสาวประภา เปลี่ยนขุนทด ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 และนางอารียา ยมหา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7 จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพยใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 15 มกราคม 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 3 และข้อ 6 วรรคสอง
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายสุรชาติ ปักสำโรง นางนิภา ปักสำโรง หรือนางนิภา ประยูรหงษ์ นางสาวนาฏสุดา กาวินตะคุ นางกานดา เที่ยงอินทร์ นายขวัญชัย เสริฐสูงเนิน นางสาวประภา เปลี่ยนขุนทด และนางอารียา ยมหา และให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายสุรชาติ ปักสำโรง นางสาวนาฏสุดา กาวินตะคุ นางกานดา เที่ยงอินทร์ นายขวัญชัย เสริฐสูงเนิน นางสาวประภา เปลี่ยนขุนทด และนางอารียา ยมหา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณีต่อไป และให้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย
ทั้งนี้ ให้องค์การบริหารส่วนตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา