'นิวัติไชย เกษมมงคล' เลขาฯ ป.ป.ช. เผยยื่นเรื่องอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุดพร้อมขอทุเลาการบังคับคดี กรณีโดนแจ้งหมายคำสั่งให้เปิดเผยข้อมูลสอบคดี 'นาฬิกาหรู' พล.อ.ประวิตร' แล้ว ยืนยันหลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ความเห็นพนักงานเจ้าหน้าที่รายการที่ 2 ให้ไม่ได้ - นัดหารือ 'วีระ สมความคิด' ได้เอกสารแล้ว 2 รายการ ไม่พอใจมาก เจอทำแทบดำปกปิดคำ-บางหน้าหน้ากระดาษ จ่อยื่นฟ้องศาลฯ- ขู่เล่นงานอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้ากรณีปรากฏข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 ศาลปกครองกลาง ได้มีหมายแจ้งคำสั่งศาลฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.224/2566 เปิดเผยข้อมูลคดียืมนาฬิกาหรูและแหวนเพชร ให้แก่นายวีระ สมความคิด ผู้ฟ้องคดี จำนวน 3 รายการ ได้แก่ 1.รายการการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดในคดียืมนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี 2.ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ 3.รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้ถูกต้องครบถ้วนภายในวันที่ 11 สิงหาคม 2566 หากไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องครบถ้วนภายในกำหนดดังกล่าว ศาลจะมีคำสั่งให้ชำระค่าปรับตามจำนวนที่ศาลเห็นสมควร หลังจากที่ ป.ป.ช.ยอมเปิดเผยข้อมูลในส่วนรายการที่ 1.รายการการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมดในคดียืมนาฬิกาหรูและแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ 3.รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ แต่ไม่เปิดเผยรายการ 2.ความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ พร้อมทำเรื่องขอศาลปกครองกลาง รับคำขอพิจารณาคดีใหม่ แต่ศาลฯ ไม่รับ และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงมติยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไปยังศาลปกครองสูงสุด พร้อมขอทุเลาการบังคับคดีอีกครั้ง โดยยกเหตุการส่งเรื่องขอพิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 75 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองฯและของดการบังคับคดีชั่วคราว ตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา
- ป.ป.ช.ขออุทธรณ์ศาลปค.สูงสุด โดนหมายคำสั่งเปิดข้อมูลคดีนาฬิกาหรู-'วีระ' บุกทวง10 ส.ค.นี้
- ก่อน ศาลปค.กลาง สั่ง ป.ป.ช.เปิดข้อมูลคดีนาฬิกาหรู ตัดสินไม่รับคำขอพิจารณาคดีใหม่ไปแล้ว
ล่าสุด นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ในวันนี้ (10 ส.ค.2566) ป.ป.ช. ได้มีหนังสือยื่นขออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไปยังศาลปกครองสูงสุดแล้ว นอกจากนี้ นายวีระ สมความคิด จะเดินทางเข้ามาพบ ป.ป.ช. ซึ่งคงจะมีการหารือกัน และทาง ป.ป.ช. จะมอบเอกสารรายการที่ 1 และ 3 ให้ แต่อีก 1 รายการ ทาง ป.ป.ช. ได้ร้องขอศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาคำร้องใหม่ ต้องรอฟังว่าศาลฯ จะมีคำสั่งอย่างไร
นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า ข้อมูลรายการที่ 2 ที่ ป.ป.ช. ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นเพราะมีความเป็นห่วง ข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ภายในที่เป็นคนจัดทำขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลในเรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม เพราะการตรวจสอบบัญชี มันมีโทษทางอาญา บุคคลที่เข้ามาเป็นพยาน เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงาน ถ้าเปิดเผยออกไปใน ชื่อ-นามสกุล ตำแหน่งเขา อาจจะได้รับผลกระทบ
"ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ เรื่องเดียว ถ้าทำสำนวนเรื่องอื่น ๆ ชื่อเจ้าหน้าที่หรือพยานไปปรากฎ ถึงแม้จะมีการลบพยานชื่อ แต่เวลาอ่านขอเท็จจริงในเนื้อหา ถ้อยคำส่วนใหญ่ ผู้ต้องหาจะทราบว่าใครเป็นคนทำ เพราะส่วนใหญ่พยานจะเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้กระทำความผิด เพราะฉะนั้น หลักเหล่านี้ที่จะต้องคุ้มครอง" นายนิวัติไชย ระบุ
เลขาฯ ป.ป.ช. ยังระบุด้วยว่า "ในรัฐธรรมนูญในมาตรา 63 ระบุว่า รัฐต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้ที่แจ้งเบาะแส เพราะฉะนั้นในหลักการเช่นนี้ ป.ป.ช. ยังยืนหยัด ไม่ใช่เราปฎิเสธคดีนี้ แต่เราต้องคงหลักการไว้ก่อน ถ้าคำพิพากษามาอย่างไร ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง"
เมื่อถามว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าวเคยมีคดีที่ใช้ลักษณะนี้หรือไม่ เช่น สื่อมวลชน ใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารไปในลักษณะดังกล่าว ป.ป.ช.ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันไหม
เลขาฯ ป.ป.ช. กล่าวว่า "ถูกต้อง ...การประชุม เราก็เปิดเผย มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็เปิดเผย แต่ส่วนใหญ่แล้ว ข้อมูลภายในเราไม่เคยเปิดเผยเลย เพราะการตัดสินสูงสุด คือจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ใช่ของทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่เป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน และเสนอให้กรรมการ ป.ป.ช.ตัดสิน เลยต้องดูมติจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นหลัก"
ต่อมาในช่วงบ่ายภายหลังการหารือร่วมกับเลขาฯ ป.ป.ช. นายวีระ สมความคิด เปิดเผยว่า ได้รับเอกสารรายการที่ 1 และ 3 จาก ป.ป.ช.แล้ว แต่ศาลฯ สั่งให้ ป.ป.ช.ต้องให้เอกสารครบทั้ง 3 รายการ อย่างถูกต้องและครบถ้วน ภายในวันที่ 11 ส.ค. 2566
"ส่วนเอกสารรายการที่ 1 และ ที่ 3 ที่ ป.ป.ช. ให้มาเป็นเอกสารที่มีแถบดำปิดคำบางส่วนเกือบทุกหน้า บางหน้าปิดทั้งข้อความ โดย ป.ป.ช. อ้างว่า ปกปิดชื่อพยาน และมีบางหน้าเป็นหน้าเปล่า ศาลไม่ได้สั่งให้ทำเช่นนี้ สิ่งที่ให้ผมในวันนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน" นายวีระกล่าว
นายวีระ กล่าวย้ำว่า "ศาลฯ ย้ำคำตัดสินแล้ว ป.ป.ช. ยังดื้ออีก แต่เชื่อว่าข่าววันนี้ ศาลฯ ท่านน่าจะเห็นแล้ว หลังจากนี้ผมจะทำหนังสือถึงศาลปกครองสูงสุด ในเรื่องเอกสารที่ได้รับในวันนี้ว่า ศาลฯจะมีคำสั่งอย่างไรต่อไปร"
เมื่อถามว่า ป.ป.ช. อ้างว่าที่เปิดเอกสารรายการที่ 2 ไม่ได้เนื่องจากต้องคุ้มครองพยาน หรือเจ้าหน้าที่ ที่ให้ปากคำในคดี
นายวีระ กล่าวว่า "เขาไปสู้คดีกับผมประเด็นนี้ มาตั้งแต่ในชั้นของสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ (สขร.) แล้ว จนถึงในชั้นศาลปกครองสูงสุด ซึ่งศาลฯ บอกว่าไม่เกี่ยว มันไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหาย ศาลฯ ท่านใช้ดุลพินิจแล้ว"
นายวีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ถ้า ป.ป.ช. ไม่โปร่งใส คนทั้งประเทศไม่เชื่อมั่นอีกต่อไปแล้ว ถ้าทำงานโปร่งใสไม่ต้องกลัวอะไร แต่ที่เขากลัวที่สุด คือ กลัวคนทั้งประเทศจะรู้ความจริงว่าการทำงานของเขาไม่โปร่งใส"
"สำหรับในความเห็นของเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสำนวน เขากลัวว่าถ้าเปิดข้อมูลส่วนนี้ไป มันจะเห็นความเห็นของเจ้าพนักงาน ป.ป.ช. ที่มีความเห็นอะไรไว้ เสร็จแล้วมันไปถูกใคร ไปเปลี่ยนความเห็นเขา เขากลัวสิ่งที่ปกปิดไว้ถูกเปิดเผย เพราะมันขัดแย้งกันเองระหว่างคนที่ทำงาน"
นายวีระ ยังกล่าวด้วยว่า ได้ใช้ช่องทางกฎหมาย พยายามทำทุกวิถีทางให้ความจริงปรากฏ ใช้เวลานานแค่ไหนก็อดทนรอ แต่สิ่งที่ ป.ป.ช. ทำในวันนี้รับไม่ได้ จะหาช่องทางในการเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ ป.ป.ช.ตรวจสอบเรื่องนี้ ต้องได้ครบถ้วน และถูกต้อง ปกปิดไม่ได้ เพราะศาลฯพิพากษาถึงที่สุดแล้ว"
เมื่อถามย้ำว่า รอเอกสารถึง 11 ส.ค. นี้ถ้าไม่ได้ทำอย่างไร
นายวีระ ระบุว่า "ไม่เป็นไร ศาลปกครองสูงสุด รออยู่ ศาลฯ เห็นข่าววันนี้แล้ว ก็คงต้องปรับเงิน แต่ผมอาจจะไปขอให้ศาลฯ จับกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งหมด และตัวแทน ป.ป.ช. หรือเลขาธิการ ป.ป.ช. มาขังจนกว่าจะได้เอกสารทั้งหมดที่ถูกต้องและครบถ้วน ศาลฯจะทำได้หรือไม่ได้ ไม่รู้ แต่ผมจะขอให้จับขัง กรณีนี้ไม่เคยเกิดขึ้น กรณีนี้เป็นกรณีแรก และถ้าวันที่ 11 ส.ค. ไม่ได้เอกสารอย่าวครบถ้วน ผมจำเป็นต้องดำเนินคดีอาญากับ เลขาฯ ป.ป.ช. และ กรรมการ ป.ป.ช."
@ นิวัติไชย เกษมมงคล
@ เลขาฯ ยันให้รอผลอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด
ด้าน นายนิวัติไชย เลขาฯ ป.ป.ช. ชี้แจงว่า เอกชนรายการที่ 2 ในเรื่องความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่ปรากฎอยู่ ยังไม่ได้มอบให้นายวีระ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งใดคำสั่งหนึ่งออกมา พร้อมขอทุเลาเรื่องการบังคับค่าปรับว่าอย่าเพิ่งปรับ เพราะกำลังขออุทธรณ์อยู่
เมื่อถามถึงกรณี นายวีระ ระบุว่า คำตัดสินเป็นที่สิ้นสุดแล้ว
นายนิวัติไชย กล่าวว่า "ถ้ามีช่องทางทาง ป.ป.ช. ก็มองเห็นว่าควรต้องมีให้การพิจารณาแล้ว ก็สุดแล้วแต่ทางศาลฯ"
@ ทำแถบดำปิดทับชื่อ เพื่อคุ้มครองพยาน
ส่วนกรณีเอกสารรายการที่ 1 , 3 มีการทำแถบดำปิดทับชื่ออยู่ นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า หลักการของ ป.ป.ช.คนที่เป็นพยาน ก็จะปกปิดรายชื่อพยาน ถ้าเกิดชื่อพยานไปปรากฎ อีกหน่อยการทำงานของ ป.ป.ช. ก็คงไม่มีใครชี้เบาะแสให้ เพราะพยานถูกเปิดเผยชื่อหมด เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 63 ระบุ รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ และต้องมีมาตรการคุ้มครองผู้ที่ชี้เบาะแส และ ใน พ.ร.บ.ป.ป.ช.ก็กำหนดไว้แล้วว่าห้ามเปิดเผย เพราะการเปิดเผยชื่อพยาน จะทำให้พยานมีโอกาสถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้
เมื่อถามว่า จะเชิญนายวีระมาพูดคุยทำความเข้าใจอีกหรือไม่
นายนิวัติไชย กล่าวว่า "วันนี้ได้พูดคุยกันแล้ว แต่ทางคุณวีระ ยืนยันว่า ทาง ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยทางคำพิพากษา มันก็คนละมุมมองกัน กระบวนการที่ทำก็มีทางเดินของมันอยู่"
เมื่อถามถึง กรณีนายวีระกล่าวหาว่า ป.ป.ช. ในการทำงานไม่ตรงไปตรงมา และอาจจะไปดำเนินคดีต่อกรรมการ ป.ป.ช. ที่มีมติไม่เปิดเผย
เลขาฯ ป.ป.ช. ระบุว่า "เป็นเรื่องปกติ ทุกวันนี้กรรมการ ป.ป.ช. รวมถึงผม ก็ถูกฟ้องอยู่หลายคดีในเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสิ่งที่ ป.ป.ช.ยืนหยัดคือหลักการ และกฎหมาย"
อ่านเพิ่มเติม
- ศาลปกครองสูงสุดสั่ง ป.ป.ช.ส่งข้อมูลคดีนาฬิกาประวิตรให้ 'วีระ สมความคิด'ภายใน 15 วัน
- จะทำให้ ป.ป.ช.โปร่งใส! ฉบับเต็ม คำพิพากษาศาล ปค.สูงสุด สั่งเปิดผลคดี 'นาฬิกาประวิตร'
- ป.ป.ช.นัดถกวาระผลคดีนาฬิกาบิ๊กป้อม 26 เม.ย.นี้ - 'วีระ' ลั่นไม่ได้เข้าขบวนการบังคับ
- ขอถามศาลฯอีกครั้ง! ป.ป.ช.ลงมติ 5 :1 เสียง ยังไม่เปิดเผยผลคดีนาฬิกาบิ๊กป้อมให้ 'วีระ'
- ยอมแค่ 2 รายการ! ป.ป.ช.มติเอกฉันท์เปิดเผยผลคดีนาฬิกาบิ๊กป้อม ให้ 'วีระ' แล้ว
- ความเห็นจนท.อันตราย! เบื้องหลัง มติ ป.ป.ช. ทำไม? ยอมเปิดผลคดีนาฬิกาหรู แค่ 2 รายการ