ครป.ห่วงกลุ่มทุนใหญ่กินรวบประเทศ ร้องรัฐบาลสั่งทบทวนมติ กขค. อนุญาต ‘ซีพี’ ควบรวม ‘เทสโก้ โลตัส’ เหตุเข้าเกณฑ์ผู้มีอำนาจเหนือตลาด พร้อมจี้ กรรมการ กขค. เปิดคำวินิจฉัยส่วนตัว-ตรวจสอบทรัพย์สิน
............
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เปิดเผยกรณีที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) มีมติอนุญาตให้บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ในนาม ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง เข้าควบรวมกิจการธุรกิจการค้าปลีกกับ เทสโก้ โลตัส ว่า ครป.และเครือข่ายฯซึ่งตรวจสอบนโยบายทางเศรษฐกิจการค้ามาโดยตลอด รู้สึกห่วงใยอย่างยิ่ง เพราะเป็นการตอกย้ำระบบเศรษฐกิจผูกขาดของกลุ่มทุนใหญ่ที่กินรวบประเทศไทย
“การที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า มีมติอนุญาตให้ควบรวมกิจการดังกล่าว ซึ่งทำให้ซีพีมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 69.3% นั้น เป็นมติที่ขัดกับเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ และในทางหลักการและเจตนารมณ์ของกฎหมายการแข่งขันทางการค้าเมื่อแรกเริ่มนั้น ก็ไม่ควรให้มีการผูกขาดตลาดเกิน 1 ใน 3 ของส่วนแบ่งการตลาดทั้งหมด หรือเกินกึ่งหนึ่งในกฎหมายฉบับแก้ไขใหม่” นายเมธากล่าว
นายเมธา ยังยกตัวอย่างการควบรวมธุรกิจค้าปลีกในเยอรมนีว่า ก่อนหน้านี้ Edeka ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 24.9% ขอควบรวมกับ Kaiser's ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 1.1% หรือคิดเป็นแบ่งตลาดหลังควบรวมที่ 26% แต่ทางการเยอรมนีไม่อนุญาตให้ควบรวม เพราะทำให้มีการผูกขาดตลาดมากไป
นายเมธา กล่าวต่อว่า การที่นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าออกมายอมรับว่า กขค.เสียงข้างมากมีความเห็นว่าการรวมธุรกิจดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ขออนุญาตรวมธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาดในตลาดร้านค้าปลีกสมัยใหม่สินค้าอุปโภคบริโภคประเภทร้านค้าปลีกขนาดเล็ก จะมีอำนาจตลาดเพิ่มมากขึ้น แต่การไปพิจารณาว่าไม่เป็นการผูกขาดนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะผลทางอ้อมย่อมเกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง และทำให้ธุรกิจรายย่อยที่มีความสามารถในการแข่งขันเติบโตได้ยาก
นอกจากนี้ ในการประชุมของกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญคณะกรรมการแข่งขันทางการค้ามาให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 25 พ.ย.มที่ผ่านมานั้น การที่ กขค.แบ่งแยกตลาดค้าส่งและค้าปลีกออกจากกัน และแบ่งซอยการค้าปลีกออกเป็นอีก 3 ระดับแยกส่วนออกจากกันในการพิจารณาเรื่องการผูกขาดนั้น ดูเหมือนเป็นการตั้งใจที่จะหาช่องโหว่ทางกฎหมายในการสนับสนุนการควบรวมกิจการของทุนผูกขาดโดยตรง
นายเมธา เรีบกร้องให้ กขค. เปิดเผยข้อวินิจฉัยส่วนตัวและมติฉบับเต็มกรณีอนุญาตการรวมกิจการครั้งนี้ เพราะจะเป็นการอธิบายว่าเห็นแก่ประโยชน์ของประชาชนและผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด หรือเห็นใจแต่ผลประโยชน์กลุ่มทุนเท่านั้น และมีใครแอบรับผลประโยชน์ต่างตอบแทนในการออกมติหรือไม่ รวมทั้งต้องมีการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินด้วย
“ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งการให้ทบทวนมติดังกล่าว และมีนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผูกขาดในประเทศไทย โดยบังคับใช้พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 อย่างเคร่งครัดและอย่างมีประสิทธิภาพต่อการกระทำที่เข้าข่ายผูกขาดตลาดหรือครอบงำตลาดเกินกึ่งหนึ่งของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศซึ่งพบว่ายังมีอยู่จำนวนมากในระบบตลาดการค้าไทย โดยประกาศมาตรการที่ป้องกันและไม่อนุญาตให้เอกชนกลุ่มใดถือครองตลาดในด้านนั้นๆ เกินกึ่งหนึ่งของตลาดตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยเฉพาะธุรกิจการค้าปลีกของกลุ่มบริษัทซีพีซึ่งเป็นผู้นำตลาดอุปโภคและบริโภคในประเทศไทย โดยไม่ต้องรอให้ภาคประชาชนในฐานะผู้บริโภคไปฟ้องศาลปกครองภายใน 60 วัน” นายเมธากล่าว
อ่านประกอบ :
กระทบศก.ร้ายแรง-เพิ่มเหลื่อมล้ำ! เหตุผล กขค.เสียงข้างน้อย ไม่อนุญาต ‘ซี.พี.’ควบ‘เทสโก้ โลตัส’
ไม่เป็นการผูกขาด! คกก.แข่งขันการค้าฯไฟเขียว‘ซีพี’ควบรวม ‘เทสโก้ โลตัส’-กำหนด 7 เงื่อนไข
2 ปี ‘คกก.แข่งขันทางการค้า’ กับ 'การใช้ดุลพินิจ-ไม่เปิดคำวินิจฉัย'
สั่งปรับเซ็นทรัลฯ 5.9 ล.! ผิดกม.แข่งขันการค้า-กีดกัน ‘บ.คู่แข่ง’ เช่าพื้นที่ห้างขายคอนโด
เข้าข่ายค้าไม่เป็นธรรม! สอบ ‘ฟู้ดเดลิเวอรี่แอพฯ’ ตั้งเงื่อนไขห้ามร้านค้าใช้บริการเจ้าอื่น
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage